ปลัด สธ. ท้าชน “ปึ้ง” ไม่กลัวถูกคาดโทษ หากคิดว่าผิดก็จัดการได้เลย ยันทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วตามวิจารณญาณภายใต้รัฐธรรมนูญ ระบุข้าราชการเป็นสถาบันสำคัญช่วยหาทางออกบ้านเมือง ต้องตัดสินใจภายใต้ข้อมูล เหตุผล ข้อเท็จจริง ไม่ใช้เพราะพวกใคร วอนประชาชนพิจารณาเหตุผลการกระทำ
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการ รองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แนะนำให้ปลัด สธ. ลาออก จะได้ไม่เป็นตราบาปเนื่องจากขัดคำสั่ง ศอ.รส. นั้น ว่า ตนไม่ทราบว่าตนผิดอย่างไร แต่ถ้าคิดว่าผิดก็ว่าไปตามผิด ก็ขอให้ดำเนินการได้ตามอำนาจที่มี ก็คงแล้วแต่ท่าน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำคิดว่าทำตามวิจารณญาณ ทำตามสิ่งที่ถูกต้อง ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่รัฐบาลแสดงท่าทีข่มขู่การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง นพ.ณรงค์ กล่าวว่า สังคมต้องฟังเหตุผลว่าทำไม ใครทำอะไร ต้องมีคำถามและหาคำตอบว่า ข้าราชการออกมาทำอะไร ทำไมเครือข่ายต้องแสดงท่าทีดังกล่าว ทุกคนมีศักดิ์ศรี ข้าราชการก็มีศักดิ์ศรี ที่กว่าจะเติบโตมาในระบบข้าราชการได้ ต้องทำสิ่งที่ถูกต้องมาตลอด เชื่อว่าวันนี้ข้าราชการตื่นแล้ว และพร้อมจะทำหน้าที่ข้าราชการอย่างสมศักดิ์ศรี ส่วนจะถูกหรือผิด ประชาชนต้องวิเคราะห์ พิจารณาเอง คงไม่มีความเห็น อย่างไรก็ตาม ก็คงบอกกับสังคมต่อไปว่า เราไม่เอาความรุนแรง และต้องถามสังคมกลับว่า ตรรกะคืออะไร เหตุใดการขึ้นป้ายว่าไม่เอาความรุนแรง จึงเป็นคนผิด แต่คนที่มาแสดงความรุนแรง มาวางระเบิด ทำไมสังคมไม่ตั้งคำถามหรือจับให้ได้ก็คงต้องถามกลับไป
เมื่อข้อถามว่า กังวลเรื่องถูกคาดโทษหรือไม่ นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกอะไร เพราะคิดว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง หากคิดว่าผิดก็ต้องปล่อยให้ดำเนินการไป เชื่อว่าข้าราชการทุกคนกำลังจะทำหน้าที่ให้สมศักดิ์ศรี นโยบายที่ดีของรัฐบาลก็ต้องทำ นโยบายที่ไม่ดี ก็ต้องรับผิดชอบไม่ใช่ปล่อยให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ
ต่อข้อถามว่า คิดอย่างไรกับการที่ส่วนราชการกำลังอยู่ในเกมการเมืองจะยุติอย่างไร นพ.ณรงค์ กล่าวว่า แสดงว่าข้าราชการเป็นสถาบันสำคัญที่ต้องช่วยหาทางออกให้บ้านเมือง สิ่งที่ข้าราชการจะตัดสินใจ จึงต้องทำภายใต้ข้อเท็จจริง เหตุและผล ไม่ใช่ตัดสินใจเพราะเป็นพวกใคร ไม่ใช่ว่าชอบ กปปส. หรือต้องทำตามรัฐบาล ข้าราชการต้องตัดสินใจภายใต้ข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง เช่น ทุจริตจริงหรือไม่ นโยบายเป็นประโยชน์จริงหรือไม่ คนทั้งประเทศได้ประโยชน์จริงหรือไม่
เมื่อถามว่า เสียใจหรือไม่ที่ปลัดกระทรวงอื่นๆ ไม่ออกมาแสดงจุดยืน ที่ไม่เอาความรุนแรง ไม่เอาคอร์รัปชัน นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ขอใช้คำว่าเข้าใจดีกว่า และคิดว่ารู้ว่าข้าราชการส่วนใหญ่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่คงไม่เรียกร้องหรือขอให้ใครทำตาม และทำหน้าที่ของตนเองต่อไป
ต่อข้อถามถึงการประเมินสถานการณ์ทางการเมือง ที่คาดว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้นนั้น นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ขณะนี้เชื่อว่าทุกคนเห็นตรงกันว่าต้องปฏิรูปโดยรัฐบาลเป็นผู้ตั้งต้นเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่บอกว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการ 8 คนเพื่อปฏิรูป ซึ่งแสดงว่ารัฐบาลเห็นตรงกันว่า ต้องปฏิรูป กปปส. ก็เห็นว่าต้องปฏิรูป เครือข่ายต่างๆ ก็เห็นว่าต้องปฏิรูป คำถามคือ ปฏิรูปอะไร อย่างไร จึงเป็นจุดร่วม จึงต้องฟังว่าใครคิดในเรื่องปฏิรูปอย่างไรบ้าง ที่เห็นตรงกันคือ ทุจริตคอร์รัปชันต้องดำเนินการ ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ ตนก็เดินทางไปพบ ป.ป.ช. เพื่อวางแนวทางให้การทำงานของกระทรวงเป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นต้น
“อะไรที่ฟังความเห็นแล้วเห็นตรงกัน ก็ต้องทำไปพร้อมๆ กัน เช่น เรื่องทุจริตคอร์รัปชัน การยอมรับอำนาจตุลาการ ซึ่งหากไม่ยอมรับบ้านเมืองจะเหลืออะไร อำนาจนิติบัญญัติกับบริหารต้องถ่วงดุลกัน จะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร ซึ่งประชาธิปไตยก็ไม่ใช่เพียงการเลือกตั้งอย่างเดียว หากเลือกตั้งไปแล้วอำนาจไม่คานกัน ก็ต้องมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น จึงต้องมาคุยกันว่าจะปฏิรูปอะไร นักกฎหมาย นักการเมือง ต้องคุยกัน ซึ่งตนเป็นข้าราชการที่เห็นว่าบ้านเมืองไปไม่ได้ก็ต้องแสดงความเห็น” ปลัด สธ. กล่าว
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการ รองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แนะนำให้ปลัด สธ. ลาออก จะได้ไม่เป็นตราบาปเนื่องจากขัดคำสั่ง ศอ.รส. นั้น ว่า ตนไม่ทราบว่าตนผิดอย่างไร แต่ถ้าคิดว่าผิดก็ว่าไปตามผิด ก็ขอให้ดำเนินการได้ตามอำนาจที่มี ก็คงแล้วแต่ท่าน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำคิดว่าทำตามวิจารณญาณ ทำตามสิ่งที่ถูกต้อง ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่รัฐบาลแสดงท่าทีข่มขู่การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง นพ.ณรงค์ กล่าวว่า สังคมต้องฟังเหตุผลว่าทำไม ใครทำอะไร ต้องมีคำถามและหาคำตอบว่า ข้าราชการออกมาทำอะไร ทำไมเครือข่ายต้องแสดงท่าทีดังกล่าว ทุกคนมีศักดิ์ศรี ข้าราชการก็มีศักดิ์ศรี ที่กว่าจะเติบโตมาในระบบข้าราชการได้ ต้องทำสิ่งที่ถูกต้องมาตลอด เชื่อว่าวันนี้ข้าราชการตื่นแล้ว และพร้อมจะทำหน้าที่ข้าราชการอย่างสมศักดิ์ศรี ส่วนจะถูกหรือผิด ประชาชนต้องวิเคราะห์ พิจารณาเอง คงไม่มีความเห็น อย่างไรก็ตาม ก็คงบอกกับสังคมต่อไปว่า เราไม่เอาความรุนแรง และต้องถามสังคมกลับว่า ตรรกะคืออะไร เหตุใดการขึ้นป้ายว่าไม่เอาความรุนแรง จึงเป็นคนผิด แต่คนที่มาแสดงความรุนแรง มาวางระเบิด ทำไมสังคมไม่ตั้งคำถามหรือจับให้ได้ก็คงต้องถามกลับไป
เมื่อข้อถามว่า กังวลเรื่องถูกคาดโทษหรือไม่ นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกอะไร เพราะคิดว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง หากคิดว่าผิดก็ต้องปล่อยให้ดำเนินการไป เชื่อว่าข้าราชการทุกคนกำลังจะทำหน้าที่ให้สมศักดิ์ศรี นโยบายที่ดีของรัฐบาลก็ต้องทำ นโยบายที่ไม่ดี ก็ต้องรับผิดชอบไม่ใช่ปล่อยให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ
ต่อข้อถามว่า คิดอย่างไรกับการที่ส่วนราชการกำลังอยู่ในเกมการเมืองจะยุติอย่างไร นพ.ณรงค์ กล่าวว่า แสดงว่าข้าราชการเป็นสถาบันสำคัญที่ต้องช่วยหาทางออกให้บ้านเมือง สิ่งที่ข้าราชการจะตัดสินใจ จึงต้องทำภายใต้ข้อเท็จจริง เหตุและผล ไม่ใช่ตัดสินใจเพราะเป็นพวกใคร ไม่ใช่ว่าชอบ กปปส. หรือต้องทำตามรัฐบาล ข้าราชการต้องตัดสินใจภายใต้ข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง เช่น ทุจริตจริงหรือไม่ นโยบายเป็นประโยชน์จริงหรือไม่ คนทั้งประเทศได้ประโยชน์จริงหรือไม่
เมื่อถามว่า เสียใจหรือไม่ที่ปลัดกระทรวงอื่นๆ ไม่ออกมาแสดงจุดยืน ที่ไม่เอาความรุนแรง ไม่เอาคอร์รัปชัน นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ขอใช้คำว่าเข้าใจดีกว่า และคิดว่ารู้ว่าข้าราชการส่วนใหญ่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่คงไม่เรียกร้องหรือขอให้ใครทำตาม และทำหน้าที่ของตนเองต่อไป
ต่อข้อถามถึงการประเมินสถานการณ์ทางการเมือง ที่คาดว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้นนั้น นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ขณะนี้เชื่อว่าทุกคนเห็นตรงกันว่าต้องปฏิรูปโดยรัฐบาลเป็นผู้ตั้งต้นเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่บอกว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการ 8 คนเพื่อปฏิรูป ซึ่งแสดงว่ารัฐบาลเห็นตรงกันว่า ต้องปฏิรูป กปปส. ก็เห็นว่าต้องปฏิรูป เครือข่ายต่างๆ ก็เห็นว่าต้องปฏิรูป คำถามคือ ปฏิรูปอะไร อย่างไร จึงเป็นจุดร่วม จึงต้องฟังว่าใครคิดในเรื่องปฏิรูปอย่างไรบ้าง ที่เห็นตรงกันคือ ทุจริตคอร์รัปชันต้องดำเนินการ ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ ตนก็เดินทางไปพบ ป.ป.ช. เพื่อวางแนวทางให้การทำงานของกระทรวงเป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นต้น
“อะไรที่ฟังความเห็นแล้วเห็นตรงกัน ก็ต้องทำไปพร้อมๆ กัน เช่น เรื่องทุจริตคอร์รัปชัน การยอมรับอำนาจตุลาการ ซึ่งหากไม่ยอมรับบ้านเมืองจะเหลืออะไร อำนาจนิติบัญญัติกับบริหารต้องถ่วงดุลกัน จะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร ซึ่งประชาธิปไตยก็ไม่ใช่เพียงการเลือกตั้งอย่างเดียว หากเลือกตั้งไปแล้วอำนาจไม่คานกัน ก็ต้องมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น จึงต้องมาคุยกันว่าจะปฏิรูปอะไร นักกฎหมาย นักการเมือง ต้องคุยกัน ซึ่งตนเป็นข้าราชการที่เห็นว่าบ้านเมืองไปไม่ได้ก็ต้องแสดงความเห็น” ปลัด สธ. กล่าว