ศอ.รส. ถกปลัด 2 ชั่วโมง “กิตติพงษ์” เผยไร้ข้อสรุป รับกังวลมุมมองแต่ละฝ่ายต่างมาก ยันต้องพูดคุยกันมากขึ้นเพื่อหาทางออก ถ้าทุกฝ่ายเห็นแก่ส่วนรวม “ธาริต” อ้างที่ประชุมสั่งคุย ขรก. ห้ามมาม็อบเวลางาน บอกไม่ตำหนิ 4 ปลัดเชิญ “สุเทพ” แต่อย่าเอาเป็นแบบอย่าง “ภราดร” สอน กปปส. พวกทำผิด กม. ต้องปิดกระทรวง ปัดตำหนิปลัด สธ. จี้ทำงบปี 58 เลย พร้อมแจงกรณีทูลเกล้าฯ บอกช่วงนี้ไม่น่าห่วง “สุรพงษ์” ขึงขังห้ามต้อนรับม็อบต้านเด็ดขาด ขู่ตั้ง กก. สอบแน่
วันนี้ (17 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เมื่อเวลา 16.00 น. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการประชุมปลัดกระทรวงกว่า 2 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมไม่มีข้อสรุปอะไร และการพูดคุยในวันนี้ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กลุ่ม กปปส. ไปเยี่ยมกระทรวงต่างๆ โดยเป็นความกังวลในมุมมองสถานการณ์ของ ศอ.รส. ซึ่งตนคิดว่าเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่จำเป็นต้องรับฟังความรู้สึกคู่ขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม ตนไม่แน่ใจว่าความรู้สึกของข้าราชการคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร แต่เบื้องต้นตนรู้สึกกังวลเพราะมุมมองของแต่ละฝ่ายมีความแตกต่างค่อนข้างมาก ฝ่ายรัฐบาลเน้นในเรื่องการกระทำที่ไม่ชอบตามกฎหมาย และระบอบประชาธิปไตย ขณะที่กลุ่ม กปปส. มองว่าประเทศจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงแต่วิถีทางยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นที่ยอมรับจากทั้งสองฝ่ายหรือไม่ ซึ่ง ศอ.รส. ได้สะท้อนถึงเหตุการณ์ปี 49 และมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากองค์กรอิสระ และกระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
“ผมคิดว่าประเทศอยู่ในจุดที่เราต้องพูดคุยกันมากขึ้น และรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย และร่วมหาทางออกที่เป็นประโยชน์สูงสุด” นายกิตติพงษ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกลุ่ม กปปส. จะเดินทางไปกระทรวงต่างๆ อีก นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ที่ประชุมไม่ได้กำชับในส่วนนี้ ตนอยากมองไปไกลกว่านั้น ถ้าแต่ละฝ่ายใช้กรอบของตัวเองจะทำให้มองไปคนละจุดก็จะนำมาสู่ปัญหา โดยเห็นว่าปัญหาที่เกิดขณะนี้เราต้องฟังกันมากขึ้น ต้องตั้งสติและหาจุดร่วม โดยจุดร่วมที่เราเห็นตรงกันคือประเทศไทยต้องการการเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญนั่นคือการปฏิรูป ซึ่งเชื่อว่ายังมีทางออก ถ้าทุกฝ่ายเห็นแก่ส่วนรวมและใช้วิธีตามระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้เชื่อว่าหลังจากการหารือวันนี้ ปลัดกระทรวงที่รับฟังจะมีดุลพินิจที่จะนำไปพิจารณาตามความเหมาะสม โดยข้าราชการต้องรักษาความเป็นกลางทางการเมือง มีความหนักแน่นในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง
ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการ ศอ.รส. ให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุม ศอ.รส. ได้กำชับให้ปลัดกระทรวงไปทำความเข้าใจกับข้าราชการเกี่ยวกับการเข้าร่วมการชุมนุม เพราะถ้าเข้าร่วมการชุมนุมในเวลาราชการคงไม่ได้ แต่ถ้าอยู่นอกเวลาราชการแล้ว ก็ถือเป็นสิทธิที่จะทำได้ และได้กำชับให้ปลัดกระทรวงเป็นแบบอย่างที่ดีต่อข้าราชการในสังกัดด้วย นอกจากนี้ยังกำชับให้ทุกกระทรวงเปิดให้บริการประชาชนให้ได้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ศอ.รส. ได้พูดถึงกรณีที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงยุติธรรม ให้การต้อนรับกลุ่ม กปปส. หรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า มีการพูดถึง แต่ไม่ได้ตำหนิ แค่ไม่อยากให้เอาเป็นแบบอย่าง เพราะจะกระทบกระเทือนต่อการทำงาน
ขณะที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า การชี้แจงของ ศอ.รส. ต่อปลัดกระทรวงเป็นการขอความร่วมมือและขอให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลางในการทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งที่ประชุมได้มีการชี้แจงว่าแกนนำ กปปส. เป็นผู้ที่ทำผิดกฎหมาย หัวหน้าส่วนราชการ ปลัดกระทรวงต้องมีท่าทีที่เหมาะสม ถ้าเข้ามาในสถานที่ราชการจะต้องมีมาตรการป้องกัน โดยอาจจะปิดกระทรวงและถ้าผู้ชุมนุมตัดโซ่บุกรุกเข้ามาถือเป็นความผิดสมบูรณ์สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้
พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ทั้งนี้ในส่วนของปลัดกระทรวงยุติธรรม และปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงว่า การเปิดห้องพูดคุยกับ กปปส. นั้นเป็นเพียงการพูดคุย ไม่ใช่การต้อนรับ เป็นการหารือเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ขยายตัว ไม่เช่นนั้นข้าราชการจะทำงานไม่ได้ อาจเกิดการคุกคามมากขึ้น สำหรับปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่ไม่เดินทางมาร่วมประชุมกับ ศอ.รส. ครั้งนี้ ไม่ถือว่าไม่ให้ความร่วมมือ และ ศอ.รส. ก็ไม่ได้ตำหนิ เข้าใจว่าปลัดกระทรวงสาธารณสุขสวมหมวกสองใบ คือทำงานราชการและภาคประชาชน อย่างไรก็ตามเลขานุการ ศอ.รส. จะแจ้งผลการประชุมให้กับปลัดกระทรวงสาธารณสุขทราบในแนวทางปฏิบัติต่อไป นอกจากนี้ที่ประชุม ศอ.รส. ยังได้ให้ปลัดกระทรวงเดินหน้าจัดทำแผนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ได้โดยไม่ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการบริหารราชการของแต่ละกระทรวง
พล.ท.ภราดร กล่าวว่า พร้อมกันนี้ ศอ.รส. ยังได้ทำความเข้าใจในกรณีที่ ศอ.รส. มีมติเสนอให้ ครม. นำเรื่องทูลเกล้าฯในกรณีที่ศาลรัฐธรรมสนูญวินิจฉัยเกินอำนาจของบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ซึ่งทาง ศอ.รส. ได้ประเมินสถานการณ์ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจเกินขอบเขต จะเกิดปัญหาและจะมีการกระจายตัวของกลุ่มปัญหา จนไม่สามารถควบคุมได้ ตรงนี้น่าห่วง อย่างไรก็ตาม ศอ.รส. ประเมินว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ยังไม่มีอะไรที่น่าห่วง เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญจะนั่งพิจารณาการขอเลื่อนการชี้ของนายกรัฐมนตรีออกไปวันที่ 23 เม.ย. แต่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
ด้าน นายพีระพันธ์ พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า ทาง ศอ.รส. ได้มอบนโยบายกับปลัดกระทรวง โดยเห็นว่าการจะรักใครชอบใครถือเป็นความเห็นส่วนตัว นอกเวลาราชการไม่ว่ากัน ถือเป็นสิทธิ แต่ในเวลาราชการขอให้ทำตามหน้าที่ ขณะที่แต่ละกระทรวงได้รายงานความเสียหายจากกรณีที่ กปปส. บุกรุกเข้าสถานที่ เพื่อเตรียมดำเนินคดีต่อไป
ทางด้าน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้สั่งห้ามทุกกระทรวงมิให้ให้การต้อนรับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะถูกตั้งกรรมการสอบผิดระเบียบวินัยข้าราชการ มาตรา 81 ตาม พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือนฯ เพราะ กปปส. ได้ประกาศตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ถือว่าเป็นกบฏรอบสอง ดังนั้นในเวลาราชการหากข้าราชการเข้าไปสนับสนุนเปิดประตูต้อนรับ นั่งร่วมรับประทานอาหาร หรือแม้แต่ออกมาจากอาคารสถานที่ราชการต้อนรับขบวน กปปส. ก็ไม่ควรทำโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถือมีความผิด