xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ยันไม่ปล่อยให้เกิดความรุนแรง จี้ “โกตี๋” มอบตัว ชี้ทำร้ายสถาบันอยู่ยาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผบ.ทบ.หวังวันสงกรานต์ทำสถานการณ์ดีขึ้น เผยสวดมนต์ขอพรให้คนไทยปลอดภัยทุกวัน ยันไม่ปล่อยให้เกิดความรุนแรง วางแผนรับมือทุกสถานการณ์ เรียกร้องทุกฝ่ายยอมรับกติกา ยึดประชาธิปไตย เผย ผบ.ตร.รับปากเร่งตามจับ “โกตี๋” หมิ่นเบื้องสูง จี้มอบตัว ระบุทำร้ายสถาบันอยู่ไทยลำบาก รับหากหนีไปต่างประเทศตามจับยาก เหตุต่างชาติไม่ร่วมมือ บี้ “กสทช.-ไอซีที” จัดการวิทยุดาวเทียมจาบจ้วงสถาบัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวระหว่างเป็นประธานในพิธีสรงน้ำพระและรดน้ำดำหัวขอพรผู้บังคับบัญชาเนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ โดยมีคณะนายทหารระดับสูง ข้าราชการทหารร่วมพิธีเป็นจำนวนมากว่า ประเพณีสงกรานต์ถือเป็นวัฒนธรรมที่ดีงามของไทย และถือเป็นวัฒนธรรมของภูมิภาคอาเซียน ขณะนี้ทุกประเทศในโลกก็รู้จัก และในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาหลายล้านคน คิดว่าจะทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวดีขึ้น

ทั้งนี้ จากที่ตนสวดมนต์ขอพรจากพระทุกวัน คือต้องการให้ประเทศชาติ ประชาชน และกำลังพลที่ปฏิบัติราชการสนามชายแดนมีความปลอดภัย ประเทศก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นพวกใดกลุ่มใดทุกคนเป็นคนไทยทั้งสิ้น ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อวยพรให้คนไทยทุกคนประสบความสำเร็จ และปลอดภัย ถ้าคนเหล่านั้นถือว่าเป็นคนไทยก็ขอให้รับพรทุกคน ถ้าไม่ใช่คนไทยก็ไม่น่าจะได้รับพรอันนี้

ส่วนที่มีหลายฝ่ายเป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมืองภายหลังจากเทศกาลสงกรานต์ว่าจะมีความรุนแรงนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คิดว่าประเพณีสงกรานต์ การรดน้ำ หรือขอพรผู้ใหญ่ และขอพรพระคงทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ถ้าทุกคนช่วยกันทำบุญ ช่วยอธิษฐานจิต ทำอย่างไรให้ประเทศชาติผ่านไปด้วยดี ต้องอาศัยความร่วมมือทุกคน และทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือและต้องเสียสละ อย่ามารบราฆ่าฟันกันมากมาย ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎหมายและครรลองของระบอบประชาธิปไตย ถ้าเป็นไปได้ อยากให้บ้านเมืองสงบสุข ปลอดภัยหลังสงกรานต์นี้

ส่วนแนวทางจะเป็นอย่างไรนั้น ได้พูดมาหลายครั้งแล้ว หลังจากนี้เป็นเรื่องของทุกคนและทุกฝ่ายที่ต้องคิดเอาเองว่าจะร่วมมือกันไปทางไหน ตนจะอยู่ในฐานะที่เป็นกองทัพบก ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนที่จะดูแลประเทศชาติให้ปลอดภัย สุดแต่ว่าพวกท่านจะเลือกกันทางไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสองฝ่ายคิดไม่ได้และปล่อยให้สถานการณ์รุนแรง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ปล่อยมั้ง แต่สถานการณ์จะเริ่มต้นหรือไม่ ผมไม่รู้ การทำงานขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เราจะต้องวิเคราะห์ เตรียมการและวางแผนเพื่อให้พร้อมรับทุกสถานการณ์ โดยพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดที่ให้ได้รับการยอมรับ ชอบธรรม และได้รับความเข้าใจจากประชาชนทุกพวกทุกฝ่าย ตรงนี้ถือเป็นบทบาทที่กองทัพยืนอยู่”

ผู้สื่อข่าวถามว่า อึดอัดต่อบทบาทของกองทัพหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ชินแล้ว ยิ่งใกล้เกษียณอายุราชการก็รู้สึกชิน ตนไม่ได้อดทนแค่วันนี้ หรือพรุ่งนี้ แต่อดทนตั้งแต่วันแรกที่รับหน้าที่ ผบ.ทบ. อดทนในการทำหน้าที่ต่อเสียงครหานินทาว่าร้าย เพราะเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง และกองทัพจึงต้องอดทน ทั้งนี้ทุกคนต้องยอมรับกติกาคือวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะการจะเป็นประชาธิปไตยจะต้องให้เป็นประชาธิปไตยเหมือนประเทศอื่น คือ ถูกต้อง ชอบธรรม ยุติธรรม คุณธรรม จริยธรรม สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนทุกภาคส่วนและทุกระดับต้องทำให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะถอยหลังเข้าคลองไปเรื่อยๆ และจะทำให้เกิดความลำบากในวันข้างหน้า วันนี้ถ้าเรายังคงทำตามใจตัวเองคือไทยแท้แล้วคงไม่ได้ วันนี้ประเทศอื่นไปไกลกว่านั้นแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการดำเนินคดีต่อผู้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า ได้หารือกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ตลอด เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นมาได้มีการประสานและหารือกัน โดย ผบ.ตร.ก็รับปาก อีกทั้งรัฐบาลก็ได้มีการสั่งการมาแล้ว และขณะนี้ ผบ.ตร.กำลังสั่งการ แต่ขั้นตอนกฎหมายมีมาก ไม่ใช่ว่าไม่ชอบใครแล้วเขาทำผิดก็จับกุมทันที ต้องไปดูกฎหมายและต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา ในยามปกติก็ต้องมีการขอหมายศาลและหมายจับ ต้องทำไปตามขั้นตอน อยากให้ทุกคนใจเย็น วันนี้เขาสร้างกระแสคนเกลียดชังมาก คิดว่าไม่น่าจะอยู่ได้ ถ้าไม่มามอบตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจะอยู่ลำบาก ตนไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว แต่เขาทำร้ายสถาบันอย่างนี้ไม่ได้ จึงถือว่าเป็นการทำร้ายจิตใจคนไทยทั้งชาติ ฉะนั้นคงไม่ต่อสู้ด้วยวาจาเพราะไม่เกิดประโยชน์

“เขาอาจจะหลงทาง หรืออะไรไปสักอย่าง ผมสงสัยว่าทำไมเขาถึงกล้าหาญชาญชัยขนาดนี้ อยากให้คนไทยทั้งประเทศดูพฤติกรรมเขาว่าเหมาะสมหรือไม่ ถ้าไม่เหมาะสมเขาก็ควรจะไปอยู่ที่อื่นหรือไม่ ผมไม่รู้ ไม่อยากจะไล่ไปไหน ได้คุยกับ ผบ.ตร.แล้ว กำลังติดตามตัวอยู่ และให้หน่วยข่าวกองทัพติดต่ออยู่เช่นกัน ถ้าอยู่ในต่างประเทศก็อีกเรื่องหนึ่ง จะเห็นได้ว่าพวกที่มีคดีนี้แล้วหนีไปต่างประเทศ ต่างประเทศก็ไม่ให้ความร่วมมือ แค่รับทราบเท่านั้น เพราะเป็นกฎหมายในประเทศไทย บ้านเขาไม่มีกฎหมายแบบนี้ แต่จะดูในเรื่องประชาธิปไตย ส่วนเรื่องการผิดกฎหมายภายใน ในประเทศจะต้องดำเนินการเอง ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ติดตามตัวมาตลอดแต่ไม่ได้ตัว”

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีคนที่อยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่ ถึงกล้าออกมาพูด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อต้องไปติดตามดู เห็นเสนอข่าวกันมาว่าคนนั้นคนนี้ดูแลอยู่ก็ต้องไปตรวจสอบ ส่วนกองทัพบกก็ตรวจสอบอยู่แล้ว ทั้งนี้ในเรื่องการรักสถาบันในต่างประเทศเราพยายามรุกไปเรื่อยๆ โดยมีการสร้างมวลชน และให้ผู้ช่วยทูตทหารประเทศต่างๆ ทำหน้าที่เหล่านี้ด้วย ส่วนใหญ่กลุ่มเหล่านี้ไม่ได้มีการเผชิญหน้าแบบเปิดเผย แต่จะไปออกวิทยุดาวเทียมซึ่งสามารถออกอากาศได้ทั่วไป และทำได้ง่ายต่อการละเมิดสิทธิผู้อื่น ในประเทศไทยมีจำนวนมาก ทางกองทัพจึงได้ทำเรื่องไปยัง กสทช.และกระทรวงไอซีทีให้ดำเนินการทั้งหมด ทั้งกรณีที่เปิดสถานีวิทยุผิดกฎหมาย หรือดีเจที่ทำผิดกฎหมาย จะต้องมีการฟ้องร้อง ด้วยการร้องทุกข์กล่าวโทษถึงจะดำเนินการได้ จะใช้ทหารไปปิดสถานีวิทยุในทุกวันคงเป็นเรื่องยาก เพราะไม่ใช่ 10-20 ปีที่แล้ว วันนี้ทหารต้องอยู่ในระเบียบวินัยเพราะเรามีกำลังพลจำนวนมาก อาวุธต่างๆ ก็รุนแรง ถ้าเราควบคุมกองทัพไม่ได้ หรือไม่เอากฎหมายมาจับ การบังคับบัญชาจะทำได้ยากลำบากในการควบคุมต่อไปในระยะยาว












กำลังโหลดความคิดเห็น