ผ่าประเด็นร้อน
ได้ฟังคำพูดล่าสุดของผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกว่า “จะให้กองทัพเลิกรับใช้รัฐบาลรักษาการไม่ได้ โดยเปรียบเหมือนพนักงานบริษัทที่ประท้วงไล่เจ้าของบริษัทไม่ได้ กล้าไล่ผู้บริหารหรือไม่ต้องก้มหน้าทำงานต่อไป เมื่อเขาให้ทำอะไรก็ทำตามหน้าที่จะไม่วิจารณ์ให้เกินเลย”
ฟังเผินๆ มันช่างเท่ซะไม่มี เป็นสุภาพบุรุษเหมือนในละครน้ำเน่าเสียจริงๆ!!
อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริงเมื่อพิจารณาจากคำพูดดังกล่าวมันมีความหมายว่า “เอาตัวรอด” ประคองตัวเพื่อเลี่ยงความรับผิดชอบต่างหาก หรือรอวันเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และที่สำคัญก็คือ “ลอยตัว” เพื่อสร้าง “ขั้วอำนาจ” ของกลุ่มตัวเองขึ้นมาในท่ามกลางการตั้งประจันระหว่างสองฝ่าย
คำพูดดังกล่าวของผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คราวนี้น่าจะทำให้ กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ตาสว่าง และเลิกหลอกตัวเองและมวลมหาประชาชนเสียที นายทหารคนนี้ไม่ได้เลือกยืนข้างประชาชน แต่ความหมายจากคำพูดของเขาก็คือ “ยอมรับใช้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อย่างชัดเจน ดังนั้นถึงเวลาที่ต้องยอมรับความจริง และที่สำคัญก็คือสมควรที่จะเลิกเกรงใจและให้เกียรติคนแบบนี้ได้แล้ว เพราะนอกจากทำให้การต่อสู้ของมวลมหาประชาชนต้องสับสน และคาดหวังแบบผิดเพี้ยนแล้ว ยังไปชื่นชมยกย่องแบบที่ได้รับข้อมูลมาผิดๆ อีกด้วย
สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นาทีนี้ถือว่า “อำมหิต” มาก โดยเฉพาะคนมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก มีอำนาจหน้าที่รักษาความสงบตามกฎหมาย ป้องกันเหตุการณ์กลียุคอันเกิดจากรัฐบาลทรราช ที่สมคบกลุ่มอันธพาลการเมือง และอาจรวมถึงกองกำลังติดอาวุธต่างชาติที่แฝงตัวเข้ามาปฏิบัติการทำลายความมั่นคงของชาติ ตามข้อมูลก่อนหน้านี้ของอดีตผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ (หน่วยซีล) พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ แต่กลับวางเฉย กลับอ้างว่าต้องทำหน้าที่ตามคำสั่งของรัฐบาลรักษาการ และเปรียบเทียบว่าในฐานะพนักงานบริษัทไม่อาจโต้แย้งผู้บริหารหรือเจ้าของบริษัท ซึ่งเป็นการให้ความหมายที่ “ไร้เหตุผล” ไร้ซึ่งวุฒิภาวะสิ้นดี
เพราะในความเป็นจริงรัฐบาลรักษาการของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หมดความชอบธรรมไปนานแล้ว ตั้งแต่มีพฤติกรรมที่มิชอบด้วยกฎหมาย สมคบกับสมาชิกรัฐสภาทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญซ้ำซากในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ออกกฎหมายเพื่อล้างผิดให้กับโจรทำเพื่อพวกพ้อง มีการออกกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทโดยมิชอบ และในเวลาต่อมาศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยชัดแจ้งมาแล้ว เป็นรัฐบาลที่ไร้คุณธรรม ไร้จริยธรรมโยกย้ายข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรม เพียงเพื่อต้องการผลักดันญาติพี่น้องของตัวเองก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญเท่านั้น มีการออกพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และใช้กำลังปราบปรามประชาชน เพียงเพื่อรักษาอำนาจอันฉ้อฉลเท่านั้น
สิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นความจริงก็คือ เวลานี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังพิจารณาชี้มูลคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายกับงบประมาณแผ่นดินหลายแสนล้านบาท 2 เมษายน ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้รับคำร้องให้วินิจฉัยสถานะของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีกรณีที่โยกย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี พ้นจากเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเอาไว้พิจารณาแล้ว
ที่สำคัญมีหลักฐานพิสูจน์ชัดแจ้งแล้วว่า รัฐบาลชุดนี้รู้เห็นเป็นใจและอยู่เบื้องหลัง เว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นพวกเดียวกันคนเสื้อแดง นักวิชาการแดงที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัว และพระราชวงศ์อย่างชัดเจน เพียงแค่นี้ก็เป็นเหตุผลเพียงพอแล้วว่าสมควรที่ผู้บัญชาการทหารบก และผู้นำเหล่าทัพคนอื่นๆ จะให้การสนับสนุนคนพวกนี้ต่อไปหรือไม่ เพราะไม่มีฐานะเป็นรัฐบาล เป็นคณะรัฐมนตรีตามกฎหมาย แต่นี่คือ “กลุ่มโจร” ต่างหาก
เหตุผลที่เปรียบเทียบว่า คณะของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นเจ้าของบริษัท ตัวเองเป็นพนักงานบริษัทต้องรับคำสั่งแบบไร้ข้อโต้แย้งนั้นก็ไม่ใช่ เพราะ ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่เจ้าของบริษัท เพราะเจ้าของที่แท้จริงคือประชาชนที่กำลังรวมตัวขับไล่ ที่ถูกต้องก็คือ ยิ่งลักษณ์และคณะรับอาสาเข้ามาบริหารดูแลกิจการ แต่กลับคิดทุจริตฉ้อฉลจะ “ฮุบบริษัท” เป็นสมบัติส่วนตัว และยังเหิมเกริมทำร้ายเจ้าของอีกต่างหาก
ดังนั้น ข้ออ้างของผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกว่าจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของรัฐบาลรักษาการ และทุกรัฐบาล ฟังผิวเผินมันก็ไม่ผิด เพราะกองทัพเป็นกลไกของรัฐบาล แต่นั่นต้องเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรม ไม่ใช่ทรราชที่ทำลายความมั่นคง ทำลายสถาบันพระมหากษัริย์ ข้ออ้างดังกล่าวมีความหมายเพียงแค่ “เอาตัวรอด” และเลือกรับใช้ทรราชอย่างชัดแจ้ง ที่สำคัญเขาเป็นผู้นำกองทัพที่ “ไร้ความกล้าหาญ” ที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องต่างหาก!!
