รองโฆษกทัพบก เผย “ประยุทธ์” สั่งเพิ่มจุดตรวจร่วม 32 จุดในต่างจังหวัดสกัดกั้นขนย้ายอาวุธป่วนกรุง บอกนายเล่าให้ฟังเจตนารมณ์ที่สัมภาษณ์สื่อแล้ว เน้นประชาชนปลอดภัย ประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้แตกแยกไปกว่านี้ - ตั้ง 237 จุดบริการช่วงสงกรานต์
วันนี้ (4 เม.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 14.30 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกวาระพิเศษประจำเดือน เม.ย. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุมว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ที่กลุ่ม นปช.จะมีการนัดชุมนุมใหญ่ โดยหลักจะอยู่ในกรอบการทำงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) รับผิดชอบ โดยมีกำลังทหารจำนวน 58 กองร้อย โดยรับผิดชอบในลักษณะเดิมคือดูแลสถานที่ราชการสำคัญ และพื้นที่จุดเสี่ยงต่างๆ แต่ในวันที่ 5 เม.ย.นี้อาจจะมีที่หมายเพิ่งเติมคือบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงการชุมนุม ซึ่งเป็นเฝ้าระวังที่เพิ่มเติมขึ้นมา โดยการประสานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร โดยจะมีการจัดชุดสายตรวจร่วมกันในการเฝ้าระวังเหตุ ในขณะที่ประชาชนได้มีการสัญจรและมีการเคลื่อนย้าย โดยจะมี พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนทางทหารจะมี พ.อ.สนิทชนก สังขจันทร์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 19 เป็นผู้รับผิดชอบ
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีความเป็นห่วงในเรื่องอาวุธสงครามที่คนร้ายนำมาใช้ในการก่อเหตุ และจะมีการย้ำอยู่เป็นประจำไม่เฉพาะในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลเท่านั้น แต่ได้เพิ่มความเข้มข้นในพื้นที่ตามแนวชายแดนด้วย ทั้งนี้ในพื้นที่ต่างจังหวัดจะมีจุดตรวจร่วมของทหารกับตำรวจเพิ่มอีก 32 จุดเพื่อเฝ้าระวังสกัดกั้นการขนย้ายอาวุธเข้ามาในพื้นที่ กทม.
ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์โจมตี พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีการเปรียบเทียบเกี่ยวกับการทำงานระบบบริษัทว่า ในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้เล่าให้ผู้บังคับหน่วยได้รับทราบที่มาที่ไปของแนวความคิด และสาระในการให้สัมภาษณ์วันนั้น โดยได้อธิบายถึงเจตนารมณ์ของท่านว่าคิดอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าสิ่งที่ทำเพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความปลอดภัย และต้องการคลี่คลายสถานการณ์ต่างๆ ทางทหารจะมีบทบาทหน้าที่ที่เหมาะสมตามห้วงระยะภายใต้กรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งกฎหมายปกติ และกฎหมายด้านความมั่นคง โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ยืนยันกับผู้บังคับหน่วยให้เข้าใจว่าทุกสิ่งดำเนินการภายใต้การสั่งการของผู้บังคับบัญชาการที่ได้มีการกลั่นกรองด้วยเหตุผล และตามหลักกฎหมายทุกอย่าง ขอให้มั่นใจและปฏิบัติตามสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายไป
“ปัจจุบันกองทัพบกยังมีความจำเป็นที่จะต้องดำรงภารกิจต่างๆ เพื่อคลี่คลายปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งปัญหาทางการเมือง ความเดือดร้อนจากภัยพิบัติ โดยเฉพาะสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ กองทัพบกจะยังคงสนับสนุนทุกภาคส่วนในการคลี่คลายสถานการณ์ โดยยังเน้นการสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชน และดำรงบทบาทหน้าที่อย่างเหมาะสม ยืนยันว่าทหารหวังที่จะประคับประคองไม่ให้เหตุการณ์ต่างๆ ไปสู่จุดที่เป็นอันตรายต่อประชาชน และพยายามที่จะดำเนินการในส่วนที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความแตกแยกไปกว่านี้” รองโฆษกกองทัพบกกล่าว
รองโฆษกกองทัพบกกล่าวว่า เรื่องการช่วยเหลือประชาชนในช่วงเทศการสงกรานต์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพบก จัดตั้งจุดบริการช่วยเหลือประชาชน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 11-17 เม.ย. เพื่อช่วยเป็นการช่วยลดอุบัติเหตุทางถนน และเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่เดินทางไปมา โดยได้จัดตั้งจุดพักรถ และจุดบริการประชาชน บริเวณหน้าหน่วยทหาร รวมทั้งเป็นจุดรับแจ้งเหตุด่วน เหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น โดยจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งบูรณาการประสานความร่วมมือกับส่วนราชการและภาคเอกชนในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อร่วมกันจัดตั้งจุดให้บริการประชาชน เช่นเดียวกับเทศการปีใหม่ที่ผ่านมา
“กองทัพบกได้ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ จัดตั้งจุดให้บริการประชาชนทั้งหมด 237 จุด ทางกองทัพบกพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือและบริการประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะห่วงใยในสวัสดิภาพ และหวังให้ประชาชนได้เฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ไทยอย่างมีความสุข และปลอดภัย” พ.อ.หญิง ศิริจันทร์กล่าว
รองโฆษกกองทัพบกแถลงว่า ผบ.ทบ.ได้ให้ความสำคัญกับระบบการบริหารจัดการ รวมถึงปรับปรุงโครงสร้างของกองทัพบก โดยกำชับให้ทุกภาคส่วนงานทั้งส่วนกำลังรบ ส่วนการศึกษา ส่วนสนับสนุนการรบ และส่วนงานอื่นๆได้เร่งบริหารจัดการงานในหน้าที่และงานตามนโยบายของกองทัพบกให้ลุล่วง รวมทั้งให้ทุกส่วนเสนอแนวคิดและร่วมกันพิจารณาถึงความเป็นไปได้และความเหมาะสมที่กองทัพบกจะปรับเปลี่ยนระบบโครงสร้างการบริหารในลักษณะใดเพื่อสอดรับภารกิจในปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ได้กล่าวชื่นชมกำลังพลที่ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ ทั้งงานรักษาความสงบเรียบร้อย งานแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ งานในพื้นที่ชายแดน รวมถึงการช่วยเหลือประชาชน กำลังพลได้ทุ่มเท อดทน เสียสละด้วยความเข้มแข็ง
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์แถลงอีกว่า ผบ.ทบ.ได้กล่าวถึงโครงการผืนป่าอาเซียนที่มอบหมายให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพบกร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านทำการปลูกป่าในพื้นที่รอยต่อระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์เชื่อมโยงทั่วถึงกันตลอดแนวชายแดนส่งผลดีต่อระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตต่างๆ เสมือนเป็นปอดแห่งภูมิภาคอาเซียน ซึ่งขณะนี้กองทัพภาคที่ 1-4 โดยกองกำลังป้องกันชายแดนทั้ง 7 กองกำลัง ได้เริ่มดำเนินโครงการแล้ว โดยจะใช้ระยะเวลา 3 ปี ระหว่างปี 2557-2560 โดยประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านใช้กลไกการประชุมระดับท้องถิ่น และระดับภูมิภาค รวมถึงเครือข่ายโครงการหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในประเทศทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่ มีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การแข่งขันกีฬาเชื่อความสามัคคี การร่วมงานประเพณีพื้นบ้าน ตลอดจนการสนับสนุนด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จนนำไปสู่ความร่วมมือในการอนุรักษ์ผืนป่าอย่างยั่งยืนตามแนวชายแดนในที่สุด
โดยเริ่มปลูกป่าในพื้นที่ใกล้เคียง จุดผ่อนปรน หรือจุดผ่านแดนชั่วคราว ตามลักษณะของภูมิประเทศของเส้นเขตแดนใน 3 ลักษณะได้แก่ พื้นดิน ทะเล แม่น้ำ โดยจะมีการติดตามและประเมินผลร่วมกัน ปัจจุบันศูนย์ปฏิบัติกองทัพภาคที่ 1-4 ได้สำรวจพื้นที่รับผิดชอบที่สามารถดำเนินการตามโครงการผืนป่าอาเซียนในขั้นต้นมีจำนวน 40 พื้นที่ คิดเป็นพื้นที่ป่า 484 ไร่ และการปลุกแบบเป็นแนวป่าอีกเป็นระยะทาง 1,500 เมตร โดยจะมีโครงการนำร่องก่อนฤดูฝนจะมาถึงนี้