xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ถามเสียดินแดนตรงไหน! อ้างศาลไม่ได้พูดชัด ลั่นไม่ถอนกำลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (แฟ้มภาพ)
ผบ.ทบ.ยันรักษาอธิปไตยแนวชายแดนเหมือนเดิม อย่าเพิ่งด่วนสรุปคำพิพากษา รอรัฐบาลสองฝ่ายตกลงเพื่อความปลอดภัย ปัดเขมรยึดภูมะเขือ ไล่ไปหามาเสียดินแดนตรงไหน ย้ำศาลไม่ได้พูดชัด แถมไม่ได้สั่งถอนกำลัง จวกพวกวิจารณ์อย่าทำเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ขู่ดิสเครดิตมากๆ จะไม่มีทหารใช้ บอกถ้ารบตอนนี้ก็เลิกอยู่ด้วยกัน ลั่นไม่ได้เครียด ยันกองทัพเคียงประชาชน แต่พูดอะไรมากไม่ได้ แนะทุกฝ่ายระมัดระวัง อ้อนสามัคคีลดศึกใน ไม่รุนแรงเหมือนปี 53 เตือนกำลังพลหยุดงานร่วมม็อบผิดวินัย


วันนี้ (12 พ.ย.) ที่กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) จ.ลพบุรี เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานในงานวันสถาปนา ร.31 รอ.ครบรอบปีที่ 58 โดยมี พ.อ.กัณฑ์ชัย ประจวบอารีย์ ผบ.ร.31 รอ. ให้การต้อนรับ โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบเครื่องหมายนายทหารพิเศษประจำ ร.31 รอ.ก่อนจะรับชมการสาธิตการปฏิบัติการทหารทางอากาศ ทั้งนี้ พ.อ.กัณฑ์ชัยได้นำกำลังพลของหน่วยเคลื่อนที่เร็วของ ร.31รอ. (อาร์ดีเอฟ) ปฏิญาณตนต่อหน้า ผบ.ทบ.ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ดูแลพิทักษ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน พร้อมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้บังคับบัญชาทุกคน

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ให้โอวาทกำลังพลว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ร.31 รอ.แสดงให้เห็นว่าหน่วยมีความพร้อมรบและขีดความสามารถของกำลังพลในการนำพาประเทศพ้นวิกฤต พร้อมดูแลประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติ สถานการณ์ในประเทศมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงภัยคุกคามรูปแบบใหม่ จึงจำเป็นที่เราต้องปรับตัวให้สอดคล้องสนองยุทธศาสตร์ความมั่นคงในทุกสถานการณ์ ขออย่าละทิ้งอุดมการณ์ในการเป็นทหารของชาติ ศาสนาพระมหากษัติย์ และประชาชน การที่หน่วยทหารมีความเข้มแข็งพร้อมรบจะต้องมีระเบียบวินัยในการเชื่อฟังปฎิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด หากไม่เชื่อฟังหรือเชื่อมั่นสายการบังคับบัญชา จะไม่มีสติในการรับรู้รับทราบ เหมือนถูกละลายความเข้มแข็งอย่างสิ้นเชิง ต้องทำงานระมัดระวังใช้ประสบการณ์ บทเรียนมากำหนดในการทำหน้าที่เพื่อให้ตนเอง ประเทศชาติ และประชาชน ปลอดภัย อยากฝากให้สร้างจิตสำนึกในการเป็นทหารอาชีพ พร้อมทุ่มเทเสียสละ และระลึกอยู่เสมอว่าประเทศชาติสำคัญกว่าสิ่งอื่น ต้องดูแลและแสวงหาทางออก พร้อมเพิ่มพูนอำนาจกำลังรบของตัวเองและสร้างกำลังรบที่ไม่มีตัวตน คือการดูแลขวัญกำลังใจกำลังพล

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ร.31 รอ. เป็นหน่วยสำคัญของกองทัพบกเพียงหน่วยเดียวที่สามารถส่งกำลังทางอากาศได้และต้องทำให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงมีความพร้อมรบในระดับหนึ่งใช้ในภารกิจยุทธศาสตร์และยุทธวิธี เป็นการแสดงให้เห็นความเข้มแข็งในการปฎิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน ชอชื่นชมหน่วยที่ได้ทำหน้าที่ได้ดีเสมอมา ถึงแม้ปีนี้เราได้กำหนดให้เป็นปีแห่งการพัฒนาสู่ความทันสมัยด้วยเทคโนโลยี แต่เราต้องรักษาอุปกรณ์เดิม 3 ห้วง คือ 1. ยุทโธปกรณ์ที่มีอายุใช้งานเกิน 30 ปี จำเป็นต้องหาทดแทนในอนาคต 2. ต่ำกว่า 20-10 ปี ต้องซ่อมบำรุงให้สามารถใช้การได้ 30 ปี 3. จัดหายุทโธปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพใหม่ เพื่อให้มีศักยภาพทัดเทียมเพื่อนบ้าน

ต่อมาเมื่อเวลา 11.30 น. ผู้บัญชาการทหารบกให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลโลกมีการอ่านคำพิพากษาตีความคดีปราสาทพระวิหารว่า ทางทหารยืนยันจะทำหน้าที่ในการรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนเหมือนเดิมทุกประการในทุกที่และทุกจุด ยังไม่มีคำสั่งอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ส่วนการปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลกนั้น ตนไม่อยากให้ด่วนสรุปกันเร็วไปนัก ขอให้รอผลการพูดคุยในระดับรัฐบาลของทั้งสองฝ่าย เพื่อแสวงหาข้อตกลงร่วมกันในการทำให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดความปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามความประสงค์ของประชาชนในพื้นที่ อยากให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ตนยืนยันว่า ทหารพร้อมจะรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนทุกประการไม่ว่า สถานการณ์อะไรจะเกิดขึ้น การจะด่วนสรุปอะไรมากหรือน้อยเกินไปจะทำให้เกิดความยุ่งยากในการพูดคุยของคณะทำงานทุกระดับ

เมื่อถามว่า ศาลโลกชี้ว่าภูมะเขือไม่ใช่ของกัมพูชา แต่ยังมีทหารกัมพูชายังยึดพื้นที่อยู่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มีการยึดพื้นที่ เขาก็อยู่ในพื้นที่ของเขา ส่วนกัมพูชาต้องถอนทหารออกไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพูดคุย ไม่ใช่พูดต่อหน้าสื่อ เพราะจะไม่มีวันจบ ซึ่งการพูดคุยจะต้องทำให้เกิดประโยชน์ต่อแผ่นดิน ส่วนการชุมนุมต่างๆ ที่มีการปลุกกระแสเรื่องการเสียดินแดนนั้น ไม่มีใครประกาศว่าใครเสียตรงไหนอย่างไร ศาลยังไม่ได้ประกาศอะไรทั้งนั้น อย่าเพิ่งด่วนสรุป ขอให้มั่นใจว่าทหารอยู่ในพื้นที่อธิปไตยของไทยตลอดเวลา

เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.บอกว่าจะรักษาอธิปไตยไทยทุกตารางนิ้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทำไมจะรักษาไม่ได้ ก็รักษาตามกฎกติการะเบียบที่มีอยู่ ทั้งนี้ หลังจากที่ศาลโลกพิพากษาคดีได้มีการประชุมหารือร่วมกับนายกฯ มาโดยตลอด ขณะนี้เป็นขั้นตอนการสรุปคำตัดสินของศาล และปรึกษาหารือระหว่างรัฐบาล กระทรวงต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคงว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพื่อนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีต่อไปในอนาคต หน้าที่ทหารมีเพียงประการเดียวคือ รักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตรงนี้ถือว่าตนทำหน้าที่แล้ว ถ้าตนทำอีกอย่างหนึ่ง อย่างที่มีคนเรียกร้องต้องการหรือที่สื่อเร่งเติมไฟนั้นไม่ได้เพราะเป็นคนละเรื่องกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลระบุถึงพื้นที่แคบๆ รอบตัวปราสาทพระวิหาร พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า ไปหามาว่าอยู่ตรงไหน และจะทำอย่างไรก็ไปว่ากัน อย่าเพิ่งไปพูดว่าเป็นของใคร เพราะศาลไม่ได้บอกชัดเจนว่าตรงไหน อย่างไร ส่วนกรณีที่ศาลบอกให้ไทยถอนทหารออกนั้น ต้องไปถามศาลอีกครั้ง ทั้งนี้ ศาลบอกหรือว่าให้ถอนทหาร อยากถามว่าสั่งเมื่อไร ฟังให้ดีๆ ไม่ได้สั่งให้ถอนทหาร เมื่อถามว่า กรณีที่ศาลไม่ได้ชี้ว่าภูมะเขือเป็นของประเทศไหนจะทำให้เกิดปัญหาในอนาคตหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ศาลตอบคนฟ้อง เมื่อศาลบอกว่าไม่ใช่ก็จบตรงนั้น แล้วจะต่อความจากศาลทำไม ศาลตอบครบแล้ว ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ดีที่เราจะทำงานต่อไปได้ในอนาคต ดังนั้นตนจะไม่สรุป เพราะไม่ใช่หน้าที่ หน้าที่ของตนคือรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดน ซึ่งในปัจจุบันไม่มีการปรับกำลังหรือถอนกำลังใดๆ ทั้งสิ้น เพราะยังไม่มีคำสั่ง

เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าไทยยังไม่เสียดินแดน พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า เสียตรงไหน ที่บอกว่าแคบๆ ตรงไหน เมื่อศาลยังไม่ได้บอกก็ยังไม่เสีย เมื่อถามว่า นักวิชาการ และหน่วยงานความมั่นคงบอกว่า เราเสียดินแดนแล้ว แต่ไม่ได้เสียพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไปฟังเขา ไม่ต้องฟังศาล การวิเคราะห์วิจารณ์ทำได้ แต่อย่าทำให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวกลายเป็นสงครามขึ้นมา ตอนนี้ใช้ทหารเกือบหมดทั้งใต้ ชายแดน ภัยพิบัติ ถ้าดิสเครดิตทหารไปเรื่อยๆก็จะไม่มีทหารให้ใช้ และเมื่อถึงเวลาที่คับขันกว่านี้ท่านจะเอาทหารที่ไหนมาใช้ ตอนนี้เรารบกันอีกไม่ได้แล้ว ถ้ารบตอนนี้ก็เลิกอยู่ด้วยกัน ทั้งนี้ตนไม่เกร็งและไม่เครียดอะไร อารมณ์ดีตลอด เพราะชัดเจนในการทำหน้าที่ ตนสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอว่า ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ผบ.ทบ.ตลอด และระเบียบวินัยทหาร และทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ดังนั้นไม่เกร็ง จะเกร็งต่อเมื่อสื่อมากดดัน

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีการเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล และนำผลพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารไปจุดกระแสการชุมนุมว่าจะต้องระมัดระวังทุกฝ่าย สิ่งที่ตนทำคือการทำให้ประเทศชาติปลอดภัย ทหารทุกคนทำหน้าที่ตามที่ได้กำหนดไว้ทุกประการ ประเทศผ่านเหตุการณ์มามากมาย 200 กว่าปีมีบทเรียน และประสบการณ์ ทั้งก่อนและหลังปี พ.ศ. 2475 ทุกคนต้องเรียนรู้ว่าจะนำพาชาติบ้านเมืองอย่างไร เพื่อเดินไปในหนทางที่ถูกต้อง ดังนั้นอย่าให้ปัญหาวกกลับไปมา แก้ไขปัญหากันไม่มีที่สิ้นสุด ทหารอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ เพราะกองทัพบกต้องเป็นที่พึ่งให้ก่ประชาชนได้ทุกโอกาส

“วันนี้อยากให้ทุกพวกทุกฝ่ายดำเนินการด้วยความระมัดระวัง อยากใช้คำเหมือนสมัยโบราณว่า จะมีบทประพันธ์กล่าวไว้ว่า ศึกนอกครานี้ก็มาก ศึกในก็ใหญ่หลวงนัก ประเทศไทยจะผ่านพ้นอันตรายเหล่านี้ไปได้หรือไม่ นี่คือ สิ่งที่คนไทยต้องเรียนรู้ว่า จะก้าวผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้อย่างไร โดยที่ประเทศชาติ และกระบวนการต่างๆ ไม่เสียหาย ผมจึงใช้คำว่าทหารอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ วันนี้ทุกพวกทุกฝ่ายที่ทำอยู่ระมัดระวังอย่างดีที่สุด ผมอยู่ในฐานะที่วิพากษ์วิจารณ์หรือพูดอะไรเป็นการส่วนตัวไม่ได้มากนัก แต่ผมยืนยันกับสังคมโดยรวมว่า ทหารทำหน้าที่ตลอดเวลา ไม่เคยอยู่นิ่งเฉย ประชาชนที่มีความเห็นต่างในปัจจุบันต้องพยายามคลี่คลาย เพื่อให้เกิดความเข้าใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นสีใดก็เป็นคนไทยด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร สื่อต้องช่วยทำให้คนที่เห็นต่างทั้งสองฝ่ายไม่ใช้ความรุนแรง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาล ตนได้เรียนกับนายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นฝ่ายความมั่นคงว่า ท่านต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ประสานบอกไปว่า ขอให้ดูแลประชาชนให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด วันนี้ทหารทำงานทุกหน้าที่ อยากใช้คำว่า ศึกนอกก็มาก ศึกในก็ใหญ่หลวง ดังนั้นศึกในกันเองต้องลดลงให้มากที่สุด คนไทยด้วยกันต้องรักและสามัคคี ตราบใดที่คนไทยแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายจะเป็นอันตรายต่อประเทศ สังคมและอนาคตของประเทศ ดังนั้นถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตัดสินใจผิดจะทำให้ประเทศไทยไม่สามารถยืนขึ้นต่อไปในอนาคตในสังคมโลก ยืนยันว่าตนทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด ขอให้เชื่อมั่น ต้องแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยความระมัดระวังและอดทนไม่ใช้ความรุนแรงเหมือนในอดีตเมื่อปี 53 ซึ่งวันนี้ยังคลี่คลายไม่ได้

“ในวันนี้ ปี 56 ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้นอีก ขอเตือนไว้ว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่จะใช้ความรุนแรง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรต่างๆ คิดว่าคนเหล่านี้คือคนที่อันตรายต่อชาติและแผ่นดิน ดังนั้นต้องหาให้เจอ เราคงไม่ปล่อยให้สถานการณ์เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนปี 53 ที่ต้องหาผู้รับผิดชอบและผู้ที่ใช้ความรุนแรงให้ได้ ซึ่งเรามีพยานหลักฐานพอสมควร ขั้นตอนต่อไป คือ ทำความเข้าใจ และหาผู้กระทำความผิด แต่ครั้งใหม่อย่าให้เกิดขึ้นอีก ถ้าเกิดขึ้นอีก ผมมองว่า คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นคนที่มุ่งหวังดีต่อชาติและแผ่นดิน ทหารคงยอมไม่ได้ ขอให้ทุกฝ่ายระมัดระวัง ลดความกดดันของสังคมโดยรวมลงไป ขอให้ทุกคนสงบสติ และเย็นลง เสริมสร้างกระบวนการยุติธรารม ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ องค์กรอิสระต่างๆ ต้องดูแลความปลอดภัยให้ความเป็นธรรม และให้ความมั่นใจ ถ้าไปตำหนิติเตียนหรือไม่ไว้ใจใครเลย แล้วจะฝากบ้านเมืองไว้กับใคร ตอนนี้หลายฝ่ายไม่ไว้วางใจทหาร แล้วจะเหลืออะไรให้ไว้วางใจอีก ตรงนี้เราต้องพยายามก้าวข้ามความรุนแรง มีหลายกระบวนการอยากให้แก้ไขปัญหาโดยเร็ว ซึ่งต้องนำมาเป็นบทเรียนว่า ดีหรือไม่ดี ส่วนกรณีที่หากวันที่ 13-15 พ.ย.ทหารหยุดงานเพื่อออกมาเคลื่อนไหวนั้น หากหยุดถือว่า ผิดวินัย เพราะทหารมีกฎระเบียบอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น