xs
xsm
sm
md
lg

“เตีย บันห์” ยกเลิกร่วมนิทรรศการแสดงยุทโธปกรณ์ทหาร “ประยุทธ์” เผยต้องตุนอาวุธหวังเจรจามีน้ำหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ภาพจากแฟ้ม)
นายทหารในแถบอาเซียนแห่ชมนิทรรศการแสดงยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีด้านการทหารและความปลอดภัยระดับเอเชีย 2556 รมช.กลาโหมระบุ “เตีย บันห์” ยกเลิกร่วมงาน คาดติดประชุมร่วมรัฐบาล-ฝ่ายค้านกัมพูชา พรุ่งนี้ ด้านเหล่าทัพของไทยขนผลงานโชว์ ผบ.ทบ.เผยจำเป็นต้องซื้อและพัฒนาอาวุธ เพื่อให้การเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านมีน้ำหนัก

วันนี้ (4 พ.ย.) ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการแสดงยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีด้านการทหารและความปลอดภัยระดับเอเชีย 2556 หรือ Defense & Security 2013 ภายใต้หัวข้อ “ความร่วมมือทางด้านการป้องกันประเทศอย่างสากล” โดยมี พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วยนายทหารระดับสูงจากกระทรวงกลาโหม กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ในแถบประเทศอาเซียน รวมถึง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหมด้วย ทั้งนี้มีบริษัทที่เกี่ยวข้องทางด้านธุรกิจอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ และด้านการรักษาความปลอดภัยรวม 274 บริษัทเข้าร่วมงาน เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมกัมพูชา ไม่ได้เดินทางมาร่วมชมงานเหมือนเช่นทุกปี ทั้งที่มีการแจ้งกำหนดการมาแล้ว

พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ได้ลุกลามไปในทั่วโลก กองทัพจึงมีความจำเป็นในการปรับปรุงและพัฒนาขีดความสามารถให้ทันสมัย เพื่อปกป้องอธิปไตย และเตรียมความพร้อมในด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ สนับสนุนภารกิจอื่นๆ เช่น ภัยพิบัติตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามการจัดงานดังกล่าว เพื่อเติมเต็มความต้องการของกองทัพและประเทศพันธมิตรในการจัดหายุทโธปกรณ์ เทคโนโลยี พร้อมทั้งได้พบปะกับผู้ผลิตและผู้แทนจากต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการประสานภารกิจไปตามนโยบายของรัฐบาล มุ่งพัฒนา และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ รวมถึงการสร้างเครือข่ายสำหรับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการรักษาความปลอดภัยแห่งเอเชีย ถือได้ว่าเป็นการสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของกระทรวงกลาโหม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานได้มีการสัมมนาและนำเสนอทางวิชาการของกลุ่มสมาชิกอุตสาหกรรมในภูมิภาคอาเซียน ในหัวข้อ “ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ” และ “สงครามไซเบอร์ความท้าทายในอนาคตของอาเซียน” การสาธิตอาวุธและยุทโธปกรณ์และระบบอากาศยาน เน้นการปฏิบัติ ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ โดยมี ระบบอาวุธ จรวด ขีปนาวุธ รถถัง อาวุธนำวิถี ยานยนต์ชนิดต่างๆ เรือรบ อุปกรณ์ทางด้านโทรคมนาคมและอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการป้องกันประเทศ ระบบควบคุมการยิง ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการป้องกันความปลอดภัยทางกายภาพ เช่น ระบบกล้องวงจรปิด ซึ่งจัดในรูปทั้งพาวิลเลี่ยนของแต่ละประเทศ จำนวน 15 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี สาธารณรัฐเช็ก เกาหลี อิสราเอล สิงคโปร์ เบลารุส รัสเซีย โปแลนด์ โรมาเนีย อิตาลี จีน แอฟริกาใต้ ยูเครน และประเทศไทย และบริษัทที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับชั้นนำ และบริษัทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยเข้าร่วมการจัดนิทรรศการและสาธิตอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างคับคั่ง

ในส่วนการจัดแสดงผลงานของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพนั้น ได้นำผลงานทางด้านการควบคุมบังคับบัญชาการติดต่อสื่อสารคอมพิวเตอร์การข่าว จำนวน 5 ผลงาน ยานรบและยานไร้คนขับ จำนวน 9 ผลงาน เครื่องช่วยฝึกทางทหาร จำนวน 7 ผลงาน อาวุธและกระสุน จำนวน 13 ผลงาน การป้องกันกำลังรบ จำนวน 11 ผลงาน ผลิตภัณฑ์ยางเพื่อการทหาร และการจัดแสดงผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมทหารของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และโรงงานซึ่งอยู่ในความควบคุมของกระทรวงกลาโหม มาร่วมจัดนิทรรศการด้วย

ทั้งนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.เตีย บันห์ รมว.กลาโหมกัมพูชา ยกเลิกการเดินทางมาร่วมงานนี้ว่า คงไม่เกี่ยวกับกรณีที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลกจะพิพากษาคดีในวันที่ 11 พ.ย.นี้ แต่อาจเป็นเพราะในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะประชุมร่วมกัน ซึ่งเป็นเรื่องภายในของประเทศกัมพูชา

ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมงานว่า การจัดงานวันนี้ถือเป็นประโยชน์ โดยจะให้งานในด้านการวิจัยและพัฒนากองทัพมาศึกษาถึงความเจริญก้าวหน้าของอาวุธยุทโธปกรณ์ในต่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการว่าสิ่งไหนควรจะผลิตขึ้นเอง หรือควรซื้อจากต่างประเทศ การมียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยไม่ได้เป็นเพราะกองทัพอยากซื้อ แต่เราต้องพัฒนาศักยภาพของประเทศให้ทัดเทียมกับประเทศอื่น ตราบใดที่ทุกประเทศยังมีการจัดหาจัดซื้ออยู่ เราก็ควรจะมีประจำการอย่างน้อยเพื่อเป็นการสร้างศักยภาพให้เสมอกันจะได้ไม่มีปัญหา หรือข้อขัดแย้งระหว่างกัน การที่มีความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามีศักยภาพที่ด้อยกว่าก็จะทำให้คำพูดของรัฐบาลมีน้ำหนักน้อยลง และการรักษาความมั่นคงก็จะทำได้จำกัด อยากให้ระมัดระวัง


กำลังโหลดความคิดเห็น