“สุรชัย” คาดเปิดประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญ 45 วัน เพื่อพิจารณาถอดถอน “นิคม” ขณะเดียวกันหาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเพิ่มก็พร้อมดำเนินการ ส่วนการเลือกตั้งประธานวุฒิสภาคนใหม่ ต้องขอมติที่ประชุม หวังปลาต่างน้ำหลอมรวมกันได้ เรียกร้องแกนนำม็อบสองฝ่ายอย่าใช้ความรุนแรง
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า คาดว่าจะสามารถเปิดประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญ ในวันที่ 18 เม.ย. เพื่อเริ่มกระบวนการถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ออกจากตำแหน่ง และการแต่งตั้งกรรมการ ป.ป.ช.ทดแทนกรรมการฯที่ครบวาระ และแต่งตั้งกรรมการศาลปกครอง สายผู้ทรงคุณวุฒิที่ว่างลง โดยคิดว่าจะใช้เวลาประมาณ 45 วัน แต่ถ้า ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดบุคคลใดเพิ่มเติมขึ้นมาอีกก็ต้องเปิดประชุมตามสำนวนที่ถูกส่งมาเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ควรเป็น ส.ว.ชุดไหนที่จะมาถอดถอนนายนิคม นายสุรชัยกล่าวว่า รอให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ว.ครบ 95% ก่อน แต่ข้อบังคับการประชุมกำหนดไว้ต้องทำภายใน 20 วัน เมื่อได้รับเรื่องจาก ป.ป.ช.ไม่เช่นนั้นจะทำผิดข้อบังคับเอง แต่ถ้าวันที่ 18 เม.ย. กกต.ยังประกาศไม่ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องให้ ส.ว.ชุดเดิมทำหน้าที่ไปก่อน เป็นกติกาที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่มีอะไรแอบแฝงหรือมีเลศนัยอะไร
ส่วนจะเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่กันเลยหรือไม่ นายสุรชัยกล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องหารือในที่ประชุม ขึ้นอยู่กับสมาชิกว่าเห็นเหมาะสมแค่ไหน ถ้ายังไม่เลือกกันตนก็ทำหน้าที่รักษาการไปเรื่อยๆ หรือจะรอให้มีสภาผู้แทนราษฎรเกิดขึ้นก่อนก็ได้ หรือสมาชิกคิดว่าจะเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่เลยก็ให้เป็นความเห็นร่วมกันของ ส.ว. ต้องอาศัยมติที่ประชุม ตนไม่ขัดข้อง ถ้าไม่มีใครเสนอก็ว่ากันตามวาระ เมื่อถามย้ำว่าสามารถทำได้หรือไม่ นายสุรชัยตอบว่า ไม่เห็นมีใครบอกว่ามีข้อขัดข้องทำไม่ได้
นายสุรชัยกล่าวว่า การเลือกประธานฯถ้าเราเริ่มต้นมองแบบแยกข้าง แยกพวก การเมืองก็จะเดินลักษณะอย่างนี้ตลอดไป แต่อย่างน้อยอยากเห็นวุฒิสภาเป็นเสาหลักของบ้านเมือง เป็นสถาบันที่ประชาชนคาดหวังได้ อย่าไปแบ่งค่ายแบ่งพวก ในโอกาสเปลี่ยนถ่ายแบบนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่แสดงให้สังคมเห็นว่า อย่างน้อยก็ยังมีสถาบันหลักคือวุฒิสภา ที่ประชาชนสามารถคาดหวังได้ ทุกคนคิดที่จะรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อทำงานให้ประเทศชาติบ้านเมือง โดยไม่มีนัยแอบแฝงใดๆ ทางการเมือง ก็จะเกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง
ต่อข้อถามว่า ส.ว.เลือกตั้งชุดใหม่ ถูกมองว่ายึดโยงกับฝ่ายการเมือง ผลการถอดถอนจะเป็นอย่างไร นายสุรชัยกล่าวว่า ไม่ทราบ เชื่อใจ ส.ว.ทุกท่านจะทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ตามรัฐธรรมนูญ ที่ต้องเป็นอิสระเป็นกลาง ไม่อยู่ภายใต้การครอบงำใดๆ เชื่อว่าสังคมจับตามองและตรวจสอบได้
นายสุรชัยยังกล่าวถึงกรณีผู้นำเหล่าทัพนัดหารือถึงสถานการณ์การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มต่างๆ ว่า เป็นธรรมดาที่ทุกคนห่วงใยบ้านเมือง โดยเฉพาะในวันที่ 5 เม.ย. ทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองสงบ ตนก็ห่วงกังวล อยากขอร้องผ่านสื่อมวลชนไปยังแกนนำทั้งสองฝ่าย อย่าใช้ความรุนแรงและสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะประชาชนที่ต้องการความสงบสุข ก็อยากใช้ชีวิตปกติ ที่สำคัญอยากเห็นทางออกร่วมกันที่ทุกฝ่ายยอมรับ แต่ถ้าทุกฝ่ายยังมีนัยยะทางการเมืองอยู่ ยังมีเจตนาที่ซ่อนเร้นบางสิ่งบางอย่างอยู่ เราก็ไม่สามารถก้าวพ้นวิกฤติไปได้ ฉะนั้นเปิดอกเปิดใจคุยกันถ้าทุกฝ่ายรักบ้านเมืองเหมือนกัน
“ผมเชื่อมั่นว่าทุกคนรักประเทศชาติ เราเอาประเทศชาติเป็นที่ตั้ง จะเหลือวิธีการที่แตกต่างเท่านั้นเอง ส่วนวิธีการนั้นจะเอามาหล่อหลอมกันอย่างไรบ้าง ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก”
เมื่อถามว่าการเมืองในช่วงนี้เหมือนย้อนรอยวิกฤตปี 49 นายสุรชัยตอบว่า วันนี้น่าเลิกพูดถึงการปฏิวัติได้แล้ว ทหารยืนยันแล้ว วันนี้โลกไปไกล