“สุรชัย” คาด ป.ป.ช.ส่งรายงานชี้มูลความผิด “นิคม” ถึงวุฒิสภา พรุ่งนี้ เล็งเสนอเรื่องให้ สลค.ออก พ.ร.ฎ.เปิดประชุมสมัยวิสามัญ หาก ครม.เคาะสัปดาห์หน้า จะเริ่มกระบวนการทันที ปัดตอบนายกฯ คนกลาง ด้าน “รัฐสภา” เตรียมพร้อมกำลัง จนท.รับมือม็อบ กปปส.เสาร์นี้ พบ “กุลเดช” โผล่รัฐสภา อ้างมาเอาเอกสารยื่นเสียภาษี ไม่ได้มาสำรวจพื้นที่ล่วงหน้า
วันนี้ (27 มี.ค.) นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ฐานะรักษาการประธานวุฒิสภา กล่าวภายหลังการประชุมเพื่อมอบนโยบายและกรอบการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ว่า ในการประชุมดังกล่าวเป็นการชี้แจงและวางกรอบการทำงานเพื่อให้การทำงานในฐานะฝ่ายกฎหมายของวุฒิสภา นำเสนอความเห็นในประเด็นต่างๆ ให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย เบื้องต้นตนได้ให้กรอบการทำงานไปว่า การทำความเห็นต่อเรื่องใดๆ ต้องแยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัว ทั้งนี้ที่ผ่านมาพบว่าการให้ความเห็นต่อเรื่องต่างๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับ ส.ว.มีส.ว.ได้เกิดการโต้แย้งความเห็นของเจ้าหน้าที่
นายสุรชัย กล่าวด้วยว่าสำหรับการวางกรอบเพื่อพิจารณาถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ออกจากตำแหน่งเพราะ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดแล้วนั้น จะมีการหารือในช่วง 14.00 น.วันนี้ เบื้องต้นหลังจากรับรายงานของป.ป.ช.ต่อเรื่องดังกล่าวแล้ว จะมีเวลาให้วุฒิสภาเรียกประชุมเพื่อพิจารณาภายใน 20 วัน แต่จนถึงขณะนี้ตนยังไม่ได้รับรายงานจาก ป.ป.ช.แม้ทาง ป.ป.ช.จะแถลงข่าวว่าได้ส่งมาให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาแล้วก็ตาม ทั้งนี้ตนยังรอรับรายงาน และจะไม่มีการทวงแต่อย่างใด
ต่อจากนั้นเมื่อเวลา 14.00 น.นายสุรชัย ได้เป็นประธานการประชุมทีมกฎหมายอีกครั้ง เพื่อพิจารณาถึงกรอบการพิจารณาการเปิดสมัยประชุมวุฒิสภาวิสามัญ โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง จากนั้นนายสุรชัย ให้สัมภาษณ์ว่า คาดว่ารายงานการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดนายนิคม จะมาถึงสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในวันที่ 28 มี.ค.และในทันที่รายงานดังกล่าวมาถึงก็จะประสานไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อขอให้ตราพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญแล้ว โดยจะมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้เสนอและสนองพระบรมราชโองการ ทั้งนี้จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับที่ประชุม ครม.หากนำเข้าที่ประชุมครม.ในวันอังคารที่ 1 เม.ย.จะทำให้กระบวนการเร็วขึ้น เบื้องต้นจะมีการเสนอเรื่องที่จะพิจารณาในสมัยวิสามัญ จำนวน 2 เรื่อง คือ การถอดถอน นายนิคม และการแต่งตั้งกรรมการ ป.ป.ช.แทนนายใจเด็ด พรไชยา กรรมการ ป.ป.ช.ที่หมดวาระดำรงตำแหน่ง เพราะอายุครบ 70 ปี
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีวาระให้ ส.ว.ชุดใหม่ได้ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้ที่หรือไม่ ในสมัยประชุมวิสามัญนี้ นายสุรชัย กล่าวว่า สามารถทำได้ หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ว.ได้ทัน และเป็นไปตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนด คือ 95% เพราะถือว่าเป็นกิจการภายในของวุฒิสภา ส่วนเรื่องการลงมติเพื่อถอดถอนนายนิคมจะนับองค์ประชุมอย่างไรนั้น ยังไม่มีข้อยุติ ซึ่งเราจะนัดประชุมเพื่อหารืออีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 28 มี.ค. ช่วงบ่าย หากไม่มีข้อยุติ จะเสนอเรื่องให้ที่ประชุมวุฒิสภาเป็นผู้ตัดสิน อย่างไรก็ตามเรื่องที่จะให้ ส.ว.ที่ถูกชี้มูลความผิด โดย ป.ป.ช.ถือเป็นองค์ประชุมหรือไม่ ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงไม่มีวิธีปฏิบัติในครั้งนี้ ดังนั้นมติของที่ประชุมเป็นอย่างไรก็จะถือเป็นบรรทัดฐานต่อไปสำหรับผู้ที่ลงมติถอดถอนเป็นผู้ที่ถูกชี้มูลความผิด
เมื่อถามถึงที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ถามว่ามีอำนาจเสนอนายกฯ คนกลางหรือไม่ นายสุรชัย ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ยิ่งพูดก็จะยิ่งเป็นการสร้างประเด็นให้สังคมไม่จบ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 12.00 น.พบ นายกุลเดช พัวพัฒนกุล อดีต ส.ส.อุทัยธานี ฐานะผู้สนับสนุน กปปส.ได้เดินทางเข้ามาที่รัฐสภา และนั่งพูดคุยอยู่กับนายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา ที่บริเวณหน้าสโมสรรัฐสภา ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถาม พบว่านายกุลเดช มาติดต่อราชการ โดยมารับใบรับรองเงินเดือน ส.ส.เพื่อนำไปเสียภาษีอากรประจำปี 56 ซึ่งไม่ได้มาสำรวจสถานที่ หรือเป็นหน่วยล่วงหน้าของกลุ่ม กปปส.ที่เตรียมทำกิจกรรมทางการเมือง ที่รัฐสภาในวันที่ 29 มี.ค.นี้ ส่วนหนังสือขอใช้สถานที่ทราบว่านายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำ คปท.จะเป็นผู้ดำเนินการตามที่เลขาธิการสภาฯระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการเตรียมความพร้อมดูแลพื้นที่ในวันที่ 29 มี.ค.ที่ กปปส.จะมาทำกิจกรรมทางการเมืองที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 ผู้บังคับบัญชาของตำรวจรัฐสภาได้สั่งให้ตำรวจทุกนายประจำในพื้นที่เวลา 07.00 น.เป็นต้นไป โดยเน้นในเรื่องของความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวก นอกจากนั้นได้ขอกำลังเสริมส่วนหนึ่งที่ประจำการในรัฐสภาและประสานกับตำรวจในพื้นที่ให้มาช่วยดูแลความเรียบร้อย