เมื่อเช้าวานนี้ (23 มี.ค.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการสำนักงานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แถลงผลการเปิดการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในและนอกเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาวุฒิสภาทั่วประเทศ ทั้ง 1,056 หน่วยเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีผู้ที่ขอลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งทั้งประเทศ รวม 2,121,814 คน ใน 151 หน่วยเลือกตั้ง ส่วนในเขตเลือกตั้งทั้งประเทศ รวม 36,185 คน ใน 905 หน่วยเลือกตั้ง ซึ่งสามารถไปใช้สิทธิ ณ.ที่ เลือกตั้งกลางในและนอกเขตเลือกตั้งที่จังหวัดจัดเตรียมไว้ให้ได้ตั้งแต่ เวลา 08.00 น.- 15.00 น.
อย่างไรก็ตามมีที่ จ.พะเยา ได้รับแจ้งจากกกต.ประจำจังหวัดว่าก่อนเปิดการลงคะแนนมีฝนตกลมพายุแรง แต่ทั้งนี้ก็ได้แก้ไขปัญหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งจะต้องเป็นผู้ที่ได้ยื่นขอลงทะเบียนใช้สิทธิทั้งในและนอกเขตเลือกตั้งเอาไว้ รวมถึงเป็นผู้ที่ได้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งไว้ตั้งแต่ในการเลือกตั้งส.ส. แล้วไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตที่ได้ลงทะเบียนขอ ใช้สิทธิไว้ แต่ไม่ได้ใช้สิทธิในวันนี้ก็ยังสามารถไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้งที่ 30 มี.ค.ได้ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่ามีเรื่องร้องเรียน หรือมีการคัดค้านขัดขวางการเลือกตั้งแต่อย่างใด
ทั้งนี้ในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.ได้เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยในการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ที่หน่วยเลือกตั้งกลาง จ.นนทบุรี ภายในกระทรวงสาธารณสุข ภาพรวมหลังเปิดหีบลงคะแนน ในเวลา 08.00 น. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ สถานที่ รองรับ ผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต จากทุกจังหวัด รวม 97หน่วย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจความเรียบร้อยอย่างเข้มงวด
นายศุภชัย กล่าวว่า ภาพรวมที่ได้รับรายงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุผิดปกติ ซึ่งไมีมีอะไรน่ากังวล นอกจากสภาพอากาศที่ครึ้มฝน แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ รวมทั้งประชาชน รู้จักสิทธิ และหน้าที่ตนเอง ว่า จะเลือกใครมาทำหน้าที่ในการกลั่นกรองกฎหมาย พร้อมเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.ว.ให้มากที่สุด ทั้งเลือกตั้งล่วงหน้า และวันเลือกตั้งทั่วไป 30 มี.ค.นี้ เพราะทุกเสียงมีความหมาย
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิด นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประกาศรายชื่อ ส.ว. เนื่องจากว่ามีรองประธานวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่แทนอยู่แล้ว และหากไม่มีการร้องเรียนใดใด ก็จะสามารถประกาศรายชื่อ ส.ว.ได้ภายใน 7 วัน สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส. หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.เป็นโมฆะนั้น กกต.คงต้องรอเอกสารคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะได้รับภายในสัปดาห์หน้า โดยจะขอดูรายละเอียดก่อนจะดำเนินการอย่างไรต่อไป จึงยังไม่มีการประสานหารือ กับรัฐบาล ทั้งนี้ประธาน กกต. ได้ปฏิเสธ แสดงความเห็นต่อคำวินิจฉัย ดังกล่าวว่าจะทำให้กกต. ทำงานยากขึ้นหรือไม่ หากยังมีการเคลื่อนไหวคัดค้านการเลือกตั้ง และทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตพื้นที่โดยรอบหน่วยเลือกตั้งกลาง ภายในกระทรวงสาธารณสุข ไม่พบกลุ่มผู้ชุมนุม หรือผู้มาคัดค้านการเลือกตั้งแต่อย่างใด
** คนใช้สิทธิโหรงเหรง
ต่อมาเวลา17.30น. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงภาพรวมการใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในและนอกเขตจังหวัดทั่วประเทศ ภายหลังการปิดการลงคะแนนทั้ง 1,056 หน่วยเลือกตั้งว่า การลงคะแนนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุอะไรแทรกซ้อน แต่การใช้สิทธิค่อนข้างเงียบเหงา ไม่คึกคัก อาจะเป็นเพราะสภาพการณ์เมืองปัจจุบันและศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งส.ส. 2 ก.พ. เป็นโมฆะ รวมทั้งประชาชนอาจจะเกรงมีการขัดขวางการลงคะแนนเหมือนวันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าส.ส.ที่ 26 ม.ค. และวันเลือกตั้งที่ 2 ก.พ. จึงไม่มั่นใจที่จะออกมาใช้สิทธิ
ทั้งนี้จากจำนวนผู้ที่ขอลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งทั้งประเทศ รวม2,121,814 คน ใน 151 หน่วยเลือกตั้ง พบว่ามีผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าส.ว.ครั้งนี้จำนวน 88,691 คนคิดเป็นร้อยละ 4.18 โดยมากที่สุดคือ ศรีสะเกษ ร้อยละ 30.5 ตามมาด้วย จ.สุรินทร์ ร้อยละ 29.3 จ.บึงกาฬ ร้อยละ 13.2 จ.อุทัยธานี ร้อยละ 12.6 ลำพูน ร้อยละ 11.8 ส่วนที่ใช้สิทธิน้อยสุดคือ กระบี่ ร้อยละ 1.29 ระยอง ร้อยละ 1.52 ชลบุรีร้อยละ 1.56 สุมทรปราการ 1.59 และสุราษฎรธานี 1.71 ซึ่งเมื่อเทียบกับการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าส.ว.ในการเลือกตั้งเมื่อปี 51 มีผู้มาใช้สิทธิถึง 548,731 คนคิดเป็นร้อยละ26.3
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ที่ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งทั้ง2 ล้านกว่าคนเป็น ยอดตัวเลขหลักที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ปี 54 เพราะกฎหมายเขียนให้การลงทะเบียนนั้นคงอยู่จนกว่าจะมีการยื่นขอเปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมากกต.ไ เคยมีจดหมายลงทะเบียนไปถึงบุคคลทั้งหมดที่ได้ลงทะเบียนไว้ว่าจะมีการขอเปลี่ยนแปลงกลับไปใช้สิทธิยังภูมิลำเนาหรือไม่ แต่ก็ได้รับจดหมายตอบกลับมาเพียง 1 แสนคน และมีการเสนอขอแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งไปรัฐสภา เพื่อกำหนดให้ผู้ที่ประสงค์จะใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดต้องลงทะเบียนใหม่ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง แต่มีการยุบสภาก่อน จึงต้องรอมีสภาฯชุดใหม่ก่อน กกต.ก็จะมีการพิจารณายืนยันร่างกฎหมาย
นายภุชงค์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้งที่ที่มีผู้ยื่นลงทะเบียนขอใช้สิทธิไว้ทั้งประเทศรวม 36,185 คนใน905 หน่วยเลือกตั้งนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีการไปขอใช้สิทธิเกินกว่าร้อยละ 50 และเพื่อให้การเลือกตั้งส.ว.ในวันที่ 30 มี.ค. มีผู้ออกมาใช้สิทธิได้ตามเป้าหมายที่กกต.ตั้งไว้คือไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ช่วงโค้งสุดท้ายนี้กกต.ก็จะเร่งประชาสัมพันธ์โดยในวันที่ 25 มี.ค. ก็จะจัดรณรงค์ที่หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวลิ์ด ขณะที่วันที่ 26 มี.ค. กกต.ก็จะร่วมกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมการณรงค์ที่หน้าด่านการทางพิเศษประชาชื่น
นายภุชงค์ ยังกล่าวอีกว่าในวันพรุ่งนี้กกต.จะมีการประชุมนัดพิเศษร่วมกับคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของกกต. ผู้บริหารสำนักงาน ผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ ในเวลา 15.00 น. เพื่อประเมินและหาแนวทางการการจัดการเลือกตั้งใหม่ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตามมีที่ จ.พะเยา ได้รับแจ้งจากกกต.ประจำจังหวัดว่าก่อนเปิดการลงคะแนนมีฝนตกลมพายุแรง แต่ทั้งนี้ก็ได้แก้ไขปัญหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งจะต้องเป็นผู้ที่ได้ยื่นขอลงทะเบียนใช้สิทธิทั้งในและนอกเขตเลือกตั้งเอาไว้ รวมถึงเป็นผู้ที่ได้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งไว้ตั้งแต่ในการเลือกตั้งส.ส. แล้วไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตที่ได้ลงทะเบียนขอ ใช้สิทธิไว้ แต่ไม่ได้ใช้สิทธิในวันนี้ก็ยังสามารถไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้งที่ 30 มี.ค.ได้ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่ามีเรื่องร้องเรียน หรือมีการคัดค้านขัดขวางการเลือกตั้งแต่อย่างใด
ทั้งนี้ในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.ได้เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยในการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ที่หน่วยเลือกตั้งกลาง จ.นนทบุรี ภายในกระทรวงสาธารณสุข ภาพรวมหลังเปิดหีบลงคะแนน ในเวลา 08.00 น. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ สถานที่ รองรับ ผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต จากทุกจังหวัด รวม 97หน่วย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจความเรียบร้อยอย่างเข้มงวด
นายศุภชัย กล่าวว่า ภาพรวมที่ได้รับรายงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุผิดปกติ ซึ่งไมีมีอะไรน่ากังวล นอกจากสภาพอากาศที่ครึ้มฝน แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ รวมทั้งประชาชน รู้จักสิทธิ และหน้าที่ตนเอง ว่า จะเลือกใครมาทำหน้าที่ในการกลั่นกรองกฎหมาย พร้อมเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.ว.ให้มากที่สุด ทั้งเลือกตั้งล่วงหน้า และวันเลือกตั้งทั่วไป 30 มี.ค.นี้ เพราะทุกเสียงมีความหมาย
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิด นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประกาศรายชื่อ ส.ว. เนื่องจากว่ามีรองประธานวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่แทนอยู่แล้ว และหากไม่มีการร้องเรียนใดใด ก็จะสามารถประกาศรายชื่อ ส.ว.ได้ภายใน 7 วัน สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส. หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.เป็นโมฆะนั้น กกต.คงต้องรอเอกสารคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะได้รับภายในสัปดาห์หน้า โดยจะขอดูรายละเอียดก่อนจะดำเนินการอย่างไรต่อไป จึงยังไม่มีการประสานหารือ กับรัฐบาล ทั้งนี้ประธาน กกต. ได้ปฏิเสธ แสดงความเห็นต่อคำวินิจฉัย ดังกล่าวว่าจะทำให้กกต. ทำงานยากขึ้นหรือไม่ หากยังมีการเคลื่อนไหวคัดค้านการเลือกตั้ง และทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตพื้นที่โดยรอบหน่วยเลือกตั้งกลาง ภายในกระทรวงสาธารณสุข ไม่พบกลุ่มผู้ชุมนุม หรือผู้มาคัดค้านการเลือกตั้งแต่อย่างใด
** คนใช้สิทธิโหรงเหรง
ต่อมาเวลา17.30น. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงภาพรวมการใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในและนอกเขตจังหวัดทั่วประเทศ ภายหลังการปิดการลงคะแนนทั้ง 1,056 หน่วยเลือกตั้งว่า การลงคะแนนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุอะไรแทรกซ้อน แต่การใช้สิทธิค่อนข้างเงียบเหงา ไม่คึกคัก อาจะเป็นเพราะสภาพการณ์เมืองปัจจุบันและศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งส.ส. 2 ก.พ. เป็นโมฆะ รวมทั้งประชาชนอาจจะเกรงมีการขัดขวางการลงคะแนนเหมือนวันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าส.ส.ที่ 26 ม.ค. และวันเลือกตั้งที่ 2 ก.พ. จึงไม่มั่นใจที่จะออกมาใช้สิทธิ
ทั้งนี้จากจำนวนผู้ที่ขอลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งทั้งประเทศ รวม2,121,814 คน ใน 151 หน่วยเลือกตั้ง พบว่ามีผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าส.ว.ครั้งนี้จำนวน 88,691 คนคิดเป็นร้อยละ 4.18 โดยมากที่สุดคือ ศรีสะเกษ ร้อยละ 30.5 ตามมาด้วย จ.สุรินทร์ ร้อยละ 29.3 จ.บึงกาฬ ร้อยละ 13.2 จ.อุทัยธานี ร้อยละ 12.6 ลำพูน ร้อยละ 11.8 ส่วนที่ใช้สิทธิน้อยสุดคือ กระบี่ ร้อยละ 1.29 ระยอง ร้อยละ 1.52 ชลบุรีร้อยละ 1.56 สุมทรปราการ 1.59 และสุราษฎรธานี 1.71 ซึ่งเมื่อเทียบกับการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าส.ว.ในการเลือกตั้งเมื่อปี 51 มีผู้มาใช้สิทธิถึง 548,731 คนคิดเป็นร้อยละ26.3
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ที่ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งทั้ง2 ล้านกว่าคนเป็น ยอดตัวเลขหลักที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ปี 54 เพราะกฎหมายเขียนให้การลงทะเบียนนั้นคงอยู่จนกว่าจะมีการยื่นขอเปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมากกต.ไ เคยมีจดหมายลงทะเบียนไปถึงบุคคลทั้งหมดที่ได้ลงทะเบียนไว้ว่าจะมีการขอเปลี่ยนแปลงกลับไปใช้สิทธิยังภูมิลำเนาหรือไม่ แต่ก็ได้รับจดหมายตอบกลับมาเพียง 1 แสนคน และมีการเสนอขอแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งไปรัฐสภา เพื่อกำหนดให้ผู้ที่ประสงค์จะใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดต้องลงทะเบียนใหม่ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง แต่มีการยุบสภาก่อน จึงต้องรอมีสภาฯชุดใหม่ก่อน กกต.ก็จะมีการพิจารณายืนยันร่างกฎหมาย
นายภุชงค์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้งที่ที่มีผู้ยื่นลงทะเบียนขอใช้สิทธิไว้ทั้งประเทศรวม 36,185 คนใน905 หน่วยเลือกตั้งนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีการไปขอใช้สิทธิเกินกว่าร้อยละ 50 และเพื่อให้การเลือกตั้งส.ว.ในวันที่ 30 มี.ค. มีผู้ออกมาใช้สิทธิได้ตามเป้าหมายที่กกต.ตั้งไว้คือไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ช่วงโค้งสุดท้ายนี้กกต.ก็จะเร่งประชาสัมพันธ์โดยในวันที่ 25 มี.ค. ก็จะจัดรณรงค์ที่หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวลิ์ด ขณะที่วันที่ 26 มี.ค. กกต.ก็จะร่วมกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมการณรงค์ที่หน้าด่านการทางพิเศษประชาชื่น
นายภุชงค์ ยังกล่าวอีกว่าในวันพรุ่งนี้กกต.จะมีการประชุมนัดพิเศษร่วมกับคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของกกต. ผู้บริหารสำนักงาน ผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ ในเวลา 15.00 น. เพื่อประเมินและหาแนวทางการการจัดการเลือกตั้งใหม่ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
