xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ประชุมใหญ่ไม่คึกคัก เชื่อชูนโยบายปฏิรูป 7 ข้อ ชนะเลือกตั้งได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จุติ ไกรฤกษ์ (แฟ้มภาพ)
ประชุมใหญ่ ปชป.ไม่คึกคัก เลขาฯพรรค เผยยอดบริจาค 120 ล้าน โดยผ่านภาษีเพิ่มเป็น 11 ล้านบาท ขณะที่สมาชิกขยายตัวน้อย แม้แต่ภาคใต้ที่เป็นฐานเสียง ด้านประธานสาขาจากเชียงราย ติงนโยบายยังเป็นนามธรรม ตั้งงบ 130 ล้านน้อยไป ส่วนประธานสาขาจากเชียงใหม่ ชี้ยังอ่อนประชาสัมพันธ์ แกนนำรับเปรียบปรับกลยุทธ์เน้นพีอาร์ผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น เชื่อชูนโยบายปฏิรูป 7 ข้อทำชนะเลือกตั้ง

การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2557 ของพรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 2 ในวันนี้ (29 มี.ค.) มีแกนนำพรรค คณะกรรมการคณะต่างๆ ของพรรค อดีต ส.ส.ประธานสาขาพรรค และสมาชิกพรรค เข้าร่วมการประชุม ซึ่งบรรยากาศงานโดยรวมเป็นไปอย่างราบเรียบ ไม่คึกคักมากเท่าที่ควร ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานเนื่องจากยังคงพักรักษาตัวภายหลังเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการไหปลาร้าขวาหัก จึงมอบหมายให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทำหน้าที่ประธานการประชุมแทน โดยนายจุรินทร์ กล่าวรายงานการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของพรรคในรอบปีที่ผ่านมา การรับรองงบการเงิน ตามข้อบังคับพรรคข้อ 119 การแต่งตั้งผู้สอบบัญชีพรรค และการพิจารณาแผนการใช้เงิน

ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคมีรายรับในรอบปี 2556 จำนวน 120,903,818.05 บาท โดยมีส่วนที่มาจากการบริจาคภาษีเข้าของพรรค เพิ่มขึ้นเป็น 11,342,480 ล้านบาท สำหรับจำนวนสมาชิกพรรคขณะนี้มีประมาณ 2.89 ล้านคน โดยมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 10,490 คน แต่พบว่าหลายพื้นที่มีการขยายตัวเพิ่มสมาชิกพรรคน้อยมาก ไม่เว้นแม้แต่ภาคใต้ที่เป็นฐานเสียงสำคัญของพรรค พรรคจึงจะต้องเน้นงานสมาชิกสัมพันธ์มากขึ้น ซึ่งเราคาดหวังว่าจะทำให้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นประมาณ 200,000 คน

ดังนั้น แผนการดำเนินงานของพรรค ประจำปี 2558 จะมีทั้งการอบรมสัมมนาสมาชิกพรรคและยุวประชาธิปัตย์มากขึ้น การดำเนินโครงการ “สมัชชาประชาชน ประชาธิปัตย์” เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองกับพรรคในการจัดทำนโยบายและปฏิรูประเทศไทย การทำโครงการ “แฟนพันธุ์แท้” หรือ “คืนสู่เหย้า” ที่มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ใช้ในการเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่ายของพรรค สมาชิกพรรค และบุคคลทั่วไป การจัดตั้งคณะกรรมการการเมืองประจำกลุ่มจังหวัด รวมถึงจะมีการจัดงานต่างๆ เพื่อการหารายได้เข้าพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธานในที่ประชุม ได้เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมประชุม อภิปรายก่อนการลงมติรับรองแผนการดำเนินงานของพรรค ประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์จาก จ.เชียงราย แสดงความคิดเห็นว่า แนวนโยบายของพรรคยังเป็นนามธรรม และการตั้งงบประมาณเพียง 130 ล้านบาท อาจไม่เพียงพอในการลงแข่งขันในการเลือกตั้ง เพราะอย่างในยุทธศาสตร์สาขาพรรคเข้มแข็งนั้น ตนในฐานะผู้ปฏิบัติพบว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมาที่ดำเนินยุทธศาสตร์นี้ สาขาพรรคกลับลดลง รายจ่ายในแต่ละปีก็ต้องหาเอง ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนการเลือกตั้งก็เชื่อว่าหากเราใช้งบประมาณสัก 1,000 ล้านบาท แล้วชูนโยบายปฏิรูป 7 ข้อ ก็เชื่อว่าจะชนะการเลือกตั้งแน่นอน

ขณะที่ ตัวแทนสาขาพรรคจาก จ.เชียงใหม่ อภิปรายว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังมีจุดอ่อนเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้พรรคเพิ่มงบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น เพราะเหตุใดโครงการ 30 บาทรักษาที่โรคของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถึงได้รับความนิยมกว่าโครงการบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกโรคของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ปชป.อยากถามว่าพรรคขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดีหรือไม่ รวมถึงบางโครงการประชาชนก็ไม่รู้ว่า ประชาธิปัตย์ เป็นผู้ริเริ่ม

ด้าน นายจุติ กล่าวชี้แจงว่า การตั้งงบประมาณ 130 ล้านบาทนั้น เป็นเพราะพิจารณาตามสถานะของพรรคและผู้สนับสนุนเป็นสำคัญ อีกทั้งแม้ตอนนี้เรายังไม่มี ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร แต่อดีต ส.ส.ของพรรคยังคงให้การช่วยเหลือด้านการเงินแก่พรรค อาทิ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้บริจาคให้กับพรรคเป็นจำนวน 5 ล้านบาท อย่างไรก็ตามขออย่ามองว่าการเสนอเงินเท่านี้แล้วพรรคจะไม่ชนะการเลือกตั้ง แต่ตอนนี้พรรคมีแผนจัดงานระดมทุน ขณะเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ และตนมีการเดินสายพบปะผู้สนับสนุนของพรรคทุกสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง แต่ช่วง 2-3 สัปดาห์นี้คงต้องพักการดำเนินการดังกล่าวชั่วคราว เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ต้องพักษารักษาตัว

สำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์นั้น พรรคประชาธิปัตย์ทำมาตลอด ซึ่งเราดำเนินการตามงบประมาณที่เรามี โดยใช้เงินให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งนี้ พรรคได้รื้อฟื้นการจัดทำวารสารของพรรค โดยมี นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งเป็นการจัดทำฉบับออนไลน์เท่านั้น เพราะขณะนี้โลกโซเชียลมีเดียไปไกลมาก และที่ผ่านมาพบว่าสื่อของพรรคในโลกออนไลน์มีคนเข้าไปอ่านจำนวนมากกว่าแบบที่เป็นเอกสารสิ่งพิมพ์ โดยเราจะมีการเปิดตัววารสารพรรคฉบับออนไลน์ 3 ฉบับ ในวันที่ 6 เม.ย.นี้ซึ่งเป็นวันครบรอบการก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์

ด้าน นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นให้ความเห็นในที่ประชุมว่า รู้สึกดีใจที่มีสมาชิกพรรคลุกขึ้นถกเถียงแสดงความคิดเห็น แต่ถ้าไม่มีใครลุกขึ้นเถียงตนจะเสียใจ เพราะเราจะขาดความเป็นพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นแบบอย่างในความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งประเพณีเหล่านี้จะหาไม่เจอในพรรคเพื่อไทย โดยการประชุม ส.ส.ของพรรคเขาในแต่ละครั้ง มีแต่ ส.ส.ยกมือเห็นด้วยโดยไม่มีใครกล้าลุกขึ้นแสดงความเห็นแย้ง

อย่างไรก็ตาม อยากเสนอว่า มีหลายอย่างที่ต้องเก็บไปคิด เพราะตนไปศึกษาดูการขยายสมาชิกของพรรคการเมืองในประเทศอังกฤษ และเยอรมนี พบว่าความคิดสองประเทศนี้ไม่ตรงกัน เพราะอังกฤษคิดว่า ถ้าหากให้เงินสนับสนุนพรรค โดยได้รับงบประมาณจากรัฐมาสนับสนุนพรรคการเมือง จะทำให้พรรคการเมืองไม่ดิ้นรนการขยาย หรือหาสมาชิกเพิ่ม และการมีสมาชิกเพิ่ม ก็หมายถึงการมีรายได้เพิ่ม เพราะฉะนั้นอังกฤษ จะไม่มีงบประมาณจากรัฐบาลในการสนับสนุนให้พรรคการเมือง แต่ว่าเมื่อไหร่ที่พรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งมาอยู่ในรัฐสภา เขาจะมีงบประมาณพิเศษให้กับผู้แทนฯในการทำกิจกรรมทางการเมือง แต่ฟากเยอรมนี เขากลับมีความรู้สึกว่า รัฐจะต้องให้เงินสนับสนุนพรรคการเมือง เพราะจะได้คล่องตัวในการหาสมาชิกพรรคเพิ่ม ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ เห็นพ้องกันว่าการขยายฐานสมาชิกพรรคเป็นส่วนสำคัญของความเป็นประชาธิปไตย เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม

ทั้งนี้ปัจจุบันมีการวิจัยเปรียบเทียบการเมืองทั้งสองประเทศนี้ ปรากฏว่า การขยายสมาชิกพรรคในประเทศเยอรมนีเร็วกว่ากายขยายสมาชิกพรรคในประเทศอังกฤษ เพราะฉะนั้น นี่เป็นประเด็นที่ตนจะให้พรรคทดลองนำมาใช้ดู โดยสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์สาขาพรรคใด ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่า จะหาสมาชิกพรรคใหม่มีมากที่สุดได้เท่าไหร่ มาประชันกันเพื่อที่จะได้พัฒนาการเมืองภายในพรรคเรา และหากใครสนใจก็ให้เสนอมายังพรรค และเชื่อว่า ถ้าหากทำได้เช่นนี้ จะทำให้การขยายสาขาพรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภายหลังจากการหารือกว่า 2 ชั่วโมง ประธานการประชุมจึงสั่งปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2556 ของพรรคประชาธิปัตย์ในเวลา 11.00 น.


กำลังโหลดความคิดเห็น