ทีมกฎหมาย ปชป.ชี้ดีเอสไอทำผิดขั้นตอนอายัดบัญชีธนาคารแกนนำ กปปส.เตรียมลุยเอาผิด “ธาริต” เชื่อหากทำตัวเป็นขี้ข้าบั้นปลายชีวิตจบลงในคุก จับตากระบวนการรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อส่อไม่สุจริต ด้าน “ชวนนท์” โต้ ข่าวลือสหรัฐฯแบล็กลิสต์แกนนำ กปปส.ชี้ ไม่มีมูล เหตุเป็นเรื่องภายในประเทศไม่เกี่ยวความมั่นคงสหรัฐฯ
วันนี้ (23 ธ.ค.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมของคณะทำงานกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ได้หารือกันถึงแนวทางการทำงานของดีเอสไอว่ามีการปฏิบัติหน้าที่เกินขอบเขตของกฎหมาย ตั้งแต่รวบรัดเกินไปในการยึดอายัด เพราะกรมสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจเฉพาะคดีพิเศษเท่านั้น และต้องมีการสืบสวนก่อนว่ามีการทำผิดอย่างไร แต่กลับมีการอายัดบัญชีก่อนที่จะมีการประชุม เช่น กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.ถูกตั้งข้อหากบฏนั้น มีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษในวันที่ 17 ธันวาคม เพื่อรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ จากนั้นเพียงวันเดียวคือในวันที่ 18 ธันวาคม ก็มีการประกาศอายัดบัญชีของนายสุเทพ ทั้งที่ต้องมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินก่อนว่ามีการทำผิดจริงหรือไม่ การดำเนินการดังกล่าวจึงผิดขั้นตอนทั้งสิ้น
นายสาธิต กล่าวด้วยว่า จะมีการทำหนังสือถึงธนาคารว่าดีเอสไอเคยทำหนังสือสอบถามธนาคารหรือไม่ว่าใช้เงินไปสนับสนุนการก่อกบฏหรือไม่ เพราะถ้าไม่ได้รับหนังสือจากดีเอสไอ หรือพนักงานสอบสวนก็ถือว่าไม่ชอบ หากไม่เคยทำก็จะมีผิดความแพ่งและอาญา การทำหนังสือครั้งนี้เพื่อใช้เป็นหลักฐานเอาผิดในกรณีที่ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กระทำโดยไม่มีอำนาจ ซึ่งจะดำเนินการไปสู่การร้องต่อศาลปกครองด้วยว่ามติกรรมการคดีพิเศษมีความถูกต้องหรือไม่อย่างไร แม้จะมีอำนาจรับคดีกบฏแต่จะใช้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่าการชุมนุมเป็นไปโดยสงบ ส่วนคำสั่งที่ไม่ถอนหมายจับนายสุเทพข้อหากบฏ เพราะมีข้อเท็จจริงเพิ่มขึ้นหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบคำสั่งอย่างละเอียดก่อน
นายสาธิต กล่าวว่า อดีต ส.ส.4 คน ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกอายัด ประกอบด้วย ตน น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี นายบุญยอด สุขถิ่นไทย และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ จะส่งหนังสือถามธนาคารที่ใช้บริการในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค.) เพื่อนำมาเป็นหลักฐานประกอบในการฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ซึ่งในขณะนี้ก็ยังคงทำตัวเป็นขี้ข้าอยู่ จึงเชื่อว่าบั้นปลายชีวิตมีความเสี่ยงที่จะต้องใช้ชีวิตในคุก ทั้งนี้ในที่ประชุมยังได้พิจารณาเกี่ยวกับกระบวนการรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ที่มีการรับสมัครไม่เป็นไปตามเวลาที่กำหนด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสถานที่ด้วย เนื่องจากเห็นว่าน่าจะไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
ด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวขึ้นแบล็กลิสต์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.และแกนนำอีก 14 คน ว่า ตนได้สอบถามไปยังสถานทูตสหรัฐฯแล้ว พบว่าไม่เป็นความจริง และเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะตามเงื่อนไขการที่สหรัฐฯจะขึ้นแบล็กลิสต์บุคคลใดจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับภัยความมั่นคงของสหรัฐฯเท่านั้น โดยจะพิจารณาจากความเห็นของส่วนกลางคือ กรุงวอชิงตัน จะไม่ฟังความเห็นจากสถานทูตประจำประเทศต่างๆ จึงเป็นไปไม่ได้ที่สถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยจะนำเสนอเรื่องนี้ เพื่อให้พิจารณา และการอนุมัติวีซ่าให้แต่ละบุคคลถือเป็นการพิจารณาในแต่ละประเทศอยู่แล้ว อีกทั้งการกระทำของแกนนำ กปปส.ก็เป็นเรื่องภายในประเทศ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯแต่อย่างใด ตนคิดว่ารัฐบาลพยายามนำเรื่องภายในประเทศไทยไปขยายต่อต่างประเทศ เช่น อ้างว่าต่างชาติสนับสนุนรัฐบาลซึ่งเป็นเรื่องปกติของรัฐบาลแต่ละประเทศที่จะแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ในประเทศที่เกิดปัญหา ดังนั้นการปล่อยข่าวของรัฐบาลเป็นเพียงเกมการเมือง เพื่อต้องการบีบแกนนำ กปปส.เท่านั้น