xs
xsm
sm
md
lg

"ธาริต"โต้ศาลรธน.อ้าง38แกนนำผิด ยัดข้อหา"นกเขา"ไล่ทูตUS

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (22 ธ.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวภายหลังการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษของ DSIเกี่ยวกับความผิดของแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ว่า ที่ประชุมเห็นสมควรแจ้งมติที่ประชุมให้สาธารณชนได้รับทราบ 2 ประการ คือ 1. แม้จะมีการกล่าวอ้างว่า การชุมนุมในภาพรวมที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้อาจกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยมีการอ้างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญนั้น แต่ ดีเอสไอ ขอยืนยันว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้พิจารณาดำเนินคดีกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กับพวกแกนนำหลัก ทั้ง 38 คน โดยพิจารณาจากการกระทำผิดที่แยกส่วนเป็นการเฉพาะ ซึ่งเป็นความรับผิดของแกนนำ โดยไม่เกี่ยวกับประชาชนที่ไปร่วมชุมนุม เช่น การขึ้นปราศรัย ปลุกระดมให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมาย การสั่งให้รัฐบาลเลิกปฏิบัติหน้าที่ การยุยงให้ข้าราชการ พนักงานหยุดการปฏิบัติงาน หรือหยุดงาน การสั่งให้ตำรวจหยุดการปฏิบัติหน้าที่ การสั่งให้ประชาชนหยุดการเสียภาษี การนำพากลุ่มคนไปบุกรุกปิดล้อมสถานที่ราชการ สถานีโทรทัศน์ และหน่วยงานของรัฐ จำนวนหลายแห่ง และการกระทำอื่นๆ ที่ผิดกฎหมาย สอดคล้องกับการที่ศาลอาญาได้วินิจฉัย ไม่ให้เพิกถอนหมายจับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และหมายเรียกแกนนำคนอื่นๆ
ดังนั้น การที่ตนในฐานะอธิบดี ดีเอสไอ ได้มีหมายเรียกให้แกนนำทั้ง 37 คน ยกเว้น นายสุเทพ ที่ศาลได้ออกหมายจับไว้แล้วนั้น ต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในฐานะผู้ต้องหา ทั้งนี้ ตนได้แจ้งธนาคารทุกแห่ง ตรวจสอบบัญชีเงินฝากทั้ง 38 คน หากพบให้จัดทำสำเนาการเดินบัญชี (Statement)ย้อนหลัง 6 เดือน ส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และทำการอายัดการทำธุรกรรม โดยเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามความเหมาะสมและความจำเป็นที่พึงต้องกระทำ เพื่อตรวจสอบ และใช้เป็นพยานหลักฐานว่า ผู้ต้องหาแต่ละรายได้รับการสนับสนุนเงินจากใคร หรือ กลุ่มทุนใดมาสนับสนุนการกระทำผิด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดีแกนนำทั้ง 38 คน และกลุ่มทุน (ท่อน้ำเลี้ยง) ที่สนับสนุนด้วย
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า สำหรับข้อกล่าวหาหรือฐานความผิดที่ศาลได้ออกหมายจับไว้ และสั่งให้ออกหมายเรียกแก่ผู้ต้องหานั้น มีข้อกล่าวหา หรือฐานความผิดที่นับว่าร้ายแรง และมีโทษสูง ได้แก่
1. ฐานล้มล้างอำนาจการบริหาร หรือเพื่อให้ใช้อำนาจดังกล่าวไม่ได้ (เป็นกบฎ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113
2. ฐานกระทำการยุยง ส่งเสริม เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
3. ฐานกระทำการมั่วสุมกันเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 เป็นต้น
ส่วนประการที่ 2 ที่จะแจ้งให้ทราบคือ การที่ นายนิติธร ล้ำเหลือ กับพวกที่เป็นแกนนำได้นำฝูงชนไปประท้วงที่ด้านหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีการปราศัย และยกป้ายขับไล่เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ด้วยถ้อยคำที่เหยียดหยาม และกล่าวให้ร้ายนั้น เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 134 คือ ความผิดฐานหมิ่นประมาท หรือดูหมิ่นผู้แทนรัฐต่างประเทศ ซึ่งที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีมติให้ดำเนินคดีและแจ้งข้อกล่าวหากับนายนิติธร ล้ำเหลือ กับแกนนำหลัก เพิ่มเติมจากข้อกล่าวหาเดิมอีกด้วย ซึ่งหากนายนิติธร เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเดิม หรือภายหน้าอาจถูกจับกุมตามหมายจับ ก็จะได้แจ้งข้อกล่าวหาในเรื่องนี้เพิ่มเติมทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำกปปส. อีก 20 คน ที่ดีเอสไอ ออกหมายเรียก และให้ธนาคารอายัดบัญชี เพิ่มจากชุดแรก 18 คนนั้นประกอบด้วย น.ส.จิตต์ภัสร์ ภิรมย์ภักดี , นายสาธิต ปิตุเตชะ , นายสกลธี ภัททิยกุล , นายทศพล เพ็งส้ม , ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ , นายแก้วสรร อติโพธิ , ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง , ดร.เสรี วงษ์มณฑา , นายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี หรือ นายอมร อมรรัตนานนท์ , ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ , นายถนอม อ่อนเกตุพล , นายชาญวิทย์ วิภูศิริ , นายพิชิต ไชยมงคล , นายไพบูลย์ นิติตะวัน , พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ , นายสุริยะใส กตะสิลา , นายพิภพ ธงไชย , นายบุญยอด สุขถิ่นไทย , นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และ นายพิจารณ์ สุขภารังษี
กำลังโหลดความคิดเห็น