อดีต ส.ส.ปชป.ตอก “ศรส.” ผลาญงบ 33 วัน 1 หมื่นล้าน วันละ 300 ล้านรวม ลั่นไม่มีทางสูงแบบนี้ บี้นายกฯ ผู้อนุมัติเคลียร์ ไล่ยุบทิ้งหลังโดนประกาศิต 9 ข้อศาลแพ่ง ให้หน่วยเกี่ยวข้องสอบ ข้องใจระดับบิ๊กทานข้าวมื้อละหลายแสน ย้อนนายกฯ เชียงใหม่อากาศปกติ ดันไปตรวจหมอกควัน และไม่มีภัยแล้งตามที่อ้าง ใต้มีปัญหาไม่ไปดู ฉะหนี ปชช.
วันนี้ (26 ก.พ.) นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงบประมาณได้แจ้งว่างบกลางมีเงินสำรองจ่าย 70,000 ล้านบาท โดย ศรส.ใช้ไปแล้วเพื่อเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ 1 หมื่นล้านบาท เท่ากับว่า 33 วันที่ตั้ง ศรส.มานั้นใช้เงินถึงวันละ 300 ล้านบาท จึงอยากให้มีการชี้แจงว่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เพราะเบี้ยเลี้ยงตำรวจอยู่ที่วันละ 700 บาท หักค่าข้าวไป 300 บาท เหลือ 400 บาท มีการเกณฑ์ตำรวจมากว่า 2 หมื่นนาย ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่มีทางใช้งบถึง 1 หมื่นล้านบาท จึงต้องถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งเป็นผู้อนุมัติงบกลางให้ไปใช้ ต้องอธิบายข้อเท็จจริงในเรื่่องดังกล่าว อีกทั้งในขณะนี้การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ใช้ได้อย่างจำกัด เนื่องจากศาลแพ่งมีคำสั่งห้าม 9 ข้อ ให้ใช้กฎหมายปกติ ดังนั้น นายกฯ ควรยุบ ศรส.ไปใช้กฎหมายปกติ และขอให้หน่วยงานที่ตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือสมาชิกวุฒิสภา ได้เข้าไปตรวจสอบการใช้งบดังกล่าวด้วย เพราะเป็นการใช้เงินที่เกินกว่าเหตุ มีคำถามว่าระดับผู้ใหญ่รับประทานอาหารกันมื้อละหลายแสนบาทจริงหรือไม่
นอกจากนี้ การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้างว่าจะไปตรวจราชการภัยแล้งและหมอกควันที่ภาคเหนือนั้น จากที่ตนได้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าสภาพหมอกควันที่ จ.เชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 57 ถึงเดือนเมษายนเป็นต้นมา คุณภาพอากาศอยู่ในระดับดีถึงปานกลาง แสดงว่าปัญหาหมอกควันไม่กระทบต่อจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนภัยแล้งที่อ้างว่าจะไปตรวจสอบเมื่ออ่านประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีการประกาศภัยแล้ง 13 จังหวัด ภาคเหนือมีแค่ จ.แพร่ ตาก ในขณะที่ จ.เชียงใหม่ไม่มีปัญหาทั้งภัยแล้งและหมอกควัน แต่กลับบ้านเพื่อหนีประชาชน
“ทำไม น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เดินทางไปในพื้นที่ที่มีปัญหา โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่กำลังจะเกิดภัยแล้ง เช่นที่ จ.ตรัง กระบี่ เป็นต้น จึงขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมา กทม.และมายุบ ศรส. และชี้แจงค่าใช้จ่าย ไม่ใช่แล้งน้ำใจไม่ยอมไปดูพื้นที่ภัยแล้งที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง”