“ชวนนท์” ยัน ปชป.ไม่ร่วมประชุม 53 พรรคหาทางออกเลือกตั้ง ระบุพรรคการเมืองไม่ใช่เจ้าของที่จะกำหนดทิศทางประเทศ แต่เป็นของประชาชนที่ยังไม่พร้อมมอบอำนาจให้นักการเมือง แนะถอยจากอำนาจให้ประชาชนถือธงนำแก้วิกฤต เริ่มจาก “ยิ่งลักษณ์” เปิดทางเจรจา ฟังเสียงทุกภาคส่วน ชี้แม้ตระกูลชินวัตรเว้นวรรคการเมืองก็เปล่าประโยชน์ เหตุระบอบทักษิณยังชักใยอยู่เบื้องหลัง ฉะ “ปู” แหลอ้างยุบสภากระทบเจรจาอียู ทั้งที่จะประชุมเดือนหน้า เฉ่งพูดเท็จ โยนบาปผู้ชุมนุม แฉโครงการทวายสะดุดเพราะ “ทักษิณ” จี้ถอนประกัน “ตู่-เต้น-วรชัย” ปลุกปั่นคุกคาม ป.ป.ช. องค์กรอิสระ สร้างความวุ่นวาย
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เข้าร่วมหารือระหว่างพรรคการเมือง 53 พรรคที่สวนสามพราน เพราะสถานการณ์บ้านเมืองไม่ใช่เวลาที่พรรคการเมืองจะมีความสามารถในการเจรจาหาทางออกได้ เพราะพรรคการเมืองไม่ใช่เจ้าของที่จะกำหนดชี้ทิศทางประเทศได้ เนื่องจากประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริงยังไม่พร้อมที่จะมอบอำนาจให้กับนักการเมืองหรือผู้สมัคร ส.ส. การหารือกันเองระหว่างพรรคการเมืองจึงไม่สามารถโน้มน้าวให้ประชาชนไว้ใจและสร้างศรัทธาให้กลับมาสู่กระบวนการเลือกตั้งในขณะนี้ได้
ทั้งนี้ ขอย้ำว่าพรรคตั้งใจให้ประเทศมีทางออกโดยเร็ว ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือฝ่ายการเมืองควรจะถอยคนละก้าวสองก้าว เปิดโอกาสให้ประชาชนถึงธงนำในการหาทางออกให้ประเทศ โดยเริ่มต้นจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกฯ แสดงเจตนารมณ์รับฟังความเห็นประชาชนทุกภาคส่วน และสิ่งที่ทำได้ทันทีคือเปิดโอกาสให้แกนนำประชาชนเข้าหารือเพื่อให้เกิดจุดเริ่มต้นการเจรจา ชะลอกระบวนการเลือกตั้งและการเข้าสู่อำนาจของนักการเมืองไว้ก่อน จึงจะทำให้การเจรจาระหว่างประชาชนและรัฐบาลเกิดขึ้นได้
“ขอย้ำว่าประชาธิปัตย์มีความตั้งใจดีให้ชาติกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว แต่เราไม่ใช่เงื่อนไข เพราะไม่ว่าจะลงสมัครหรือไม่ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังมีทัศนคติเช่นเดิมปัญหาก็แก้ไม่ได้ เนื่องจากประชาชนจะขัดขวางการเลือกตั้งอยู่ดี เว้นแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะปรับปรุงแก้ไข ดำเนินกระบวนทางกฎหมายอย่างเท่าเทียมให้ประชาชนศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตยแม้ประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้ง การเลือกตั้งก็เรียบร้อย จึงต้องเลิกดูถูกประชาชนอย่าคิดว่าจะแก้ด้วยนักการเมือง แต่ต้องให้ประชาชนถือธงนำในการแก้ปัญหาประเทศ นี่คือจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ฝากไปถึงการประชุมพรรคการเมืองในวันพรุ่งนี้”
ส่วนที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี จะให้คนตระกูลชินวัตร เว้นวรรคการเมืองนั้น นายชวนนท์กล่าวว่า พรรคไม่เคยรังเกียจคนตระกูลชินวัตร เพราะทุกคนมีสิทธิ์ตัดสินใจทางการเมือง แต่ปัญหาอยู่ที่พฤติกรรมของระบอบทักษิณที่มีการทุจริตคอร์รัปชัน เล่นพรรคเล่นพวก เป็นเผด็จการรัฐสภา ทำลายระบบการถ่วงดุลย์ตรวจสอบ ลดความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม ใช้ความรุนแรง นำมวลชนทำผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องแก้ที่รากเหง้าของปัญหา เพราะแม้จะเปลี่ยนนามสกุลเข้ามาทำงานแต่ยังทำงานภายใต้การชี้นำของระบอบทักษิณความรุนแรงในประเทศก็ยังดำเนินต่อไป
“น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่จำเป็นต้องออกจากการเมือง แต่ต้องลบล้างความผิดแทนพี่ชายด้วยการบอกว่าประเทศไทยจะไม่มีระบอบทักษิณ ไม่มีรัฐบาลลุแก่อำนาจ ไม่มีการใช้ความรุนแรงไม่มีการทุจริต ทุกคนจะเคารพกระบวนการยุติธรรม ก็จะทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์และตระกูลชินวัตรยังอยู่ในการเมืองได้ เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล”
นายชวนนท์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และเลขาธิการ นปช. ยังคงออกมาเปิดเผยรายชื่อ ครม.รัฐบาลคนกลางว่า เป็นการใช้ยุทธศาสตร์ป้ายสีว่าคนเหล่านี้ว่าไม่เป็นกลางแต่เป็นพวกเดียวกับ กปปส. และประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นวิธีการเดิมที่เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้ก็จะลดความน่าเชื่อถือว่าด้วยการผลักคนที่วิจารณ์ให้เป็นศัตรูหวังเป็นรัฐบาลชุดต่อไป เพื่อสร้างกระแสว่าคนเหล่านี้จ้องล้มรัฐบาลทั้งที่ แกนนำ กปปส.ยืนยันแล้วว่าจะไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลหรือสภาประชาชนที่จะมีการจัดตั้งขึ้น
“ผมฝากไปถึงพี่น้องเสื้อแดงที่เคยถูกจองจำ หรือพ้นคดีไปแล้วว่า อย่ามาเป็นกำแพงกั้นเรือนจำให้แกนนำเสื้อแดงเลย พวกท่านอย่าหลงเชื่อแกนนำเหล่านี้ที่พยายามใช้ท่านเพื่อรักษาอำนาจและเข้าสู่อำนาจอีกครั้ง”
นายชวนนท์กล่าวถึงการโพสต์เฟซบุ๊กของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ระบุว่าการไม่มีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มทำให้ชาติเสียโอกาสว่า เป็นการบิดเบือนสาระและความจริง เหมือนที่เคยกล่าวอ้างว่าการเจรจาเอฟทีเอไม่คืบหน้าเพราะรัฐบาลยุบสภา ไม่มีรัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจเต็ม แต่ความจริงคือ ตนได้พบและสอบถามทางอียูพบว่าไม่ได้มีการพักการเจรจาแต่อย่างใด โดยมีการพูดคุยในเดือนธันวาคม 2556 ครั้งต่อไปจะเกิดเดือนเมษายน 2557 จึงถือว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์โกหกคำโตเพื่อดิสเครดิตผู้ชุมนุม
ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน มีการกล่าวอ้างว่าจะกระทบกับระเบียงเศรษฐกิจ ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์คือผู้ขับเคลื่อนเรื่องนี้แต่คนที่ทำให้หยุดชะงัก คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ที่เข้าไปเปลี่ยนแปลงสัญญาโครงการทวายจนโครงการสะดุดมาจนถึงวันนี้ จึงถือว่าเป็นความพยายามบิดเบือนด้วยการโทษคนอื่นอีกครั้งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยหยิบเฉพาะประเด็นที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง นอกจากนี้ การกล่าวอ้างว่าการเจรจาเอฟทีเอกับอินเดียไม่สามารถเดินหน้าได้ก็ไม่เป็นความจริง เพราะระดับเจ้าหน้าที่ดำเนินการได้ตามปกติ เพราะในเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่นักการเมืองจะเป็นหัวหน้าคณะในการเจรจาอยู่แล้ว
ด้านนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้มีการถอนประกันนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการ รมช.พาณิชย์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.และนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง เพราะบุคคลทั้ง 3 คุกคามการทำงานของ ป.ป.ช.ทำร้ายพระสงฆ์ รื้อบังเกอร์ทหาร ดังนั้นจึงต้องถอนประกันตัวนายจตุพรและนายณัฐวุฒิในฐานะประธานและเลขาฯ นปช. เพราะ ป.ป.ช.กำลังทำหน้าที่สำคัญ 3 เรื่อง คือ ในวันนี้จะมีการชี้ความผิดนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ กรณีทำผิดในการแก้รัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. รวมถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทย และการทุจริตจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงมีความพยายามที่จะทำให้ ป.ป.ช.ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ คนที่สั่งการคนเสื้อแดงจึงต้องถูกถอนประกัน ขณะที่นายวรชัยแนะนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ให้ยอมรับอำนาจองค์กรอิสระ เป็นการสร้างความวุ่นวายในสังคมจึงควรต้องถูกถอนประกันด้วยเช่นเดียวกัน