เป็นโชคดีของประเทศไทยจริงๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ขัดรัฐธรรมนูญทั้งเนื้อหาที่เจตนาหลบเลี่ยงการตรวจสอบ และกระบวนการตรากฎหมายที่มีการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย
หาไม่แล้ว คนไทยทั้งรุ่นนี้ และรุ่นลูกรุ่นหลานจะต้องชดใช้หนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยไปอีกไม่ต่ำกว่า 50 ปี เป็นค่าความฝันอันเลื่อนลอยที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย พยายามจะขายฝันว่าเป็นอนาคตของชาติ เมื่อถึงเวลานั้นกว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอกก็สายไปเสียแล้ว
ขนาดโครงการยังเป็นลูกผีลูกคน ไม่รู้ว่าจะได้เกิดหรือไม่เพราะกฎหมายยังไม่ผ่านกระบวนการรัฐสภาโดยสมบูรณ์ และเมื่อผ่านไปแล้ว ก็ถูกร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนี้ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ระหว่างที่ศาล รธน.ยังไม่มีคำวินิจฉัยออกมา รัฐบาลฉวยโอกาสใช้โครงการรถไฟความเร็วสูงผันเงินภาษีของประชาชน 240 ล้านบาท ไปให้สื่อในเครือข่ายระบอบทักษิณ คือบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)และบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำากัด จัดงาน นิทรรศการสร้างอนาคตประเทศไทย 2020 ระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคมปีที่แล้ว
โครงการสร้างอนาคตประเทศไทยนี้ ซึ่งเป็นงานอีเวนต์ประชาสัมพันธ์ความวิเศษ คุณประโยชน์อเนกอนันต์ของรถไฟความเร็วสูงนี้เป็นเพียงหนังตัวอย่างหรือน้ำจิ้ม สาธิตวิธีการที่สามัญที่สุดในการแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการนี้ที่แอบอ้างเอาอนาคตของชาติมาบังหน้า
บัดนี้ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญไม่มีผลบังคับใช้โครงการรถไฟความเร็วสูงล้มไปโดยปริยาย ค่าใช้จ่ายในการจัดงานโครงการสร้างอนาคตประเทศไทย 240 ล้านบาท ที่รัฐบาลจ่ายให้กับมติชนและสยามสปอร์ต จึงเป็นเงินที่สูญเปล่า ไม่เกิดประโยชน์อันใดต่อส่วนรวม ประโยชน์ตกอยู่กับมติชน และสยามสปอร์ตที่มีรายได้จากการจัดงานรายละ 120 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 10% ของรายได้ทั้งปีโดยเฉลี่ยของมติชน และประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์สำหรับสยามสปอร์ต ในขณะที่รัฐบาลได้กระชับความภักดียอมตนเป็นข้ารับใช้จากทั้งสองบริษัทดังกล่าวให้แน่นแฟ้นขึ้น
เงิน 240 ล้านบาทที่เป็นงบประมาณแผ่นดินที่เสียไปฟรีๆ นี้ ใครจะรับผิดชอบ แน่นอนว่ามติชนกับสยามสปอร์ตไม่มีทางคืนให้แน่ เพราะอ้อยเข้าปากช้าง(ขรรชัย บุนปาน) ไปแล้ว และถือว่าไม่ใช่ความผิดของบริษัท บริษัทได้ปฏิบัติตามพันธะในสัญญาจ้างแล้ว
รัฐบาลโดยนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเจ้าของงานที่ว่าจ้างให้มติชนกับสยามสปอร์ตดำเนินการ โดยใช้งบประมาณของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายนี้ แต่ในชีวิตจริง อย่าไปถามหาความรับผิดชอบใดๆ ต่อคนในรัฐบาลนี้ แม้กระทั่งการกระทำที่ศาลตัดสินแล้วว่าผิด ก็ยังไม่ยอมรับผิดโครงการจำนำข้าวที่เสียหายไม่ต่ำากว่า 2 แสนล้านบาท นายกรัฐมนตรียังไม่แสดงความรับผิดชอบ เงินแค่ 240 ล้านบาทเลขาธิการนายกฯ คงไม่แคร์
นิทรรศการสร้างอนาคตประเทศไทย 2020 จัดขึ้นใน 12 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 4 เดือนตุลาคมถึงวันที่ 1 ธันวาคมปีที่แล้ว โดยเริ่มจัดที่จังหวัดหนองคาย เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ในขณะที่ร่างกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพิ่งจะผ่านการพิจารณาวาระ 3 ของวุฒิสภา ตอนตี 3 ของวันที่ 20 พฤศจิกายน และมีการยื่นคำาร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยทันที
งบประมาณโครงการนี้ 240 ล้านบาท สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ โดยให้บริษัทมติชนและสยามสปอร์ตดำเนินการทั้งหมด ซึ่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เคยมีความเห็นในหนังสือที่ส่งไปถึงนายสุรนันทน์ว่า เป็นการดำาเนินการที่ไม่เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันราคาอย่างเปิดเผยโปร่งใสและเป็นธรรม ซึ่งอาจจัดจ้างในราคาที่สูงกว่าที่ควรจะเป็น และอาจเข้าข่ายตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 อาจทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย
เว็บไซต์ของสำานักข่าวอิศราเปิดเผยข้อมูลว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอ้างอิงราคากลางของโครงการจาก ข้อมูลของบริษัทมติชน เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ และประชาชาติออนไลน์ ซึ่งอยู่ในเครือมติชนผู้รับจ้าง
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยนางสาวประพีร์ อังกินันท์ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รักษาการผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเคยทำหนังสือถึงนายสุรนันทน์ให้ทบทวนการจ่ายเงิน 240 ล้านบาทให้มติชนและสยามสปอร์ต เพราะร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของการจัดงานสร้างอนาคตประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมีความไม่แน่นอนว่าจะมีผลบังคับใช้หรือไม่ แต่นายสุรนันทน์ตอบกลับว่าไม่ทบทวนเพราะรัฐบาลต้องดำเนินการตามนโยบายที่แถลงกับรัฐสภา
“รัฐบาลมีหน้าที่ในการดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ การจัดงานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงานตามนโยบายที่แถลงไว้
ในส่วนร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ พ.ศ.....จะชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็จะพิจารณาทบทวนเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับร่างกฎหมายดังกล่าว แต่ขั้นตอนของงานและกระบวนการส่วนอื่นที่ดำเนินการตามนโยบายก็ล้วนแต่ให้เกิดประสิทธิภาพและสอดคล้องตามวัตถุประสงค์และจำเป็นต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ” นายสุรนันทน์ระบุ (อ้างจากรายงานข่าวของสำานักข่าวอิศรา www.Isaranews.org)
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ร่าง กม.นี้ตกไป เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินกำลังจะส่งหนังสือไปสอบถามรักษาการเลขาธิการนายกรัฐมนตรีว่าได้มีการจ่ายเงิน 240 ล้านบาท ให้กับบริษัทมติชนและสยามสปอร์ตไปแล้วหรือยัง
“ขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ กม.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทตกไปแล้ว การใช้จ่ายเงินประมาณแผ่นดินเพื่อพีอาร์โครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020 ดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายใต้การดำเนินงานโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้าน จึงส่อว่าจะสูญเปล่าไม่เกิดประโยชน์ ตามที่ สตง.ทำหนังสือทักท้วงมาก่อนหน้านี้ สตง.จึงต้องการคำยืนยันจาก สลน.ว่าได้ดำเนินการจ่ายเงินให้กับบริษัทเอกชนสองรายไปแล้วหรือยัง เพราะถ้าหากมีการจ่ายเงินไปแล้วก็เท่ากับมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว และจะต้องมีบุคคลที่รับผิดชอบกับเรื่องนี้ ในการติดตามเอาเงินหลวงกลับคืนมา” (อ้างจากรายงานข่าวโดยสำนักข่าวอิศรา www.isaranews.org)