เป็นโชคดีของคนไทยรุ่นนี้ และชนรุ่นลูกรุ่นหลานในอนาคตที่จะไม่ต้องแบกรับภาระหนี้ 2 ล้านล้านบาท รวมดอกเบี้ยแล้วอาจจะถึง 4 หรือ 5 ล้านล้านบาท ที่ระบอบทักษิณก่อขึ้น แล้วให้คนไทยช่วยกันผ่อนชำระนานถึง 50 ปี เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติให้อำานาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการคมนาคม ขนส่งของประเทศ พ.ศ…. หรือกฎหมายเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งเนื้อหาและกระบวนการตรากฎหมาย ทำให้ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ตกไป
ที่ขัดต่อเนื้อหาก็คือ มีเจตนาหลีกเลี่ยงการตรวจสอบการใช้จ่าย “เงินแผ่นดิน” ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หมวด 8 ว่าด้วยการเงิน การคลังและงบประมาณ
ที่ขัดต่อกระบวนการตรากฎหมายก็คือ นายนริศร ทองธิราช ส.ส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดสกลนคร เจ้าเก่า เสียบบัตรลงคะแนนแทน ส.ส.รายอื่นๆ
แน่นอนว่า บรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย และผู้สนับสนุนระบอบทักษิณ รวมทั้งนักวิชาการนั่งร้านระบอบทักษิณจะต้องวิพากษ์วิจารณ์ศาล รธน.ว่า คำวินิจฉัยนี้ทำให้ประเทศไทยล้าหลังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเสียโอกาสในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะ “รถไฟความเร็วสูง” ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะคำวินิจฉัยของศาล รธน.นั้น เป็นเรื่องที่มีผู้ร้องขึ้นมาว่าการตราร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนั้นผิดกฎหมาย เพราะมีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎร
คำวินิจฉัยของศาล รธน. เป็นเรื่องของข้อกฎหมายล้วนๆ ไม่ได้ก้าวล่วงไปถึงความเหมาะสม ความเป็นไปได้ของโครงการ
รัฐบาลเองนั่นแหละที่จะต้องรับผิดชอบต่อข้อกล่าวหาที่ว่าทำให้ประเทศไทยล้าหลัง เนื่องจากไม่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพราะมีเจตนาตั้งแต่ต้นที่จะทำผิดกฎหมาย ทั้งๆ ที่มีเสียงทักท้วงจากฝ่ายต่างมาโดยตลอดว่า ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านนี้จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะเข้าข่ายเป็นการใช้เงินแผ่นดิน แต่ไม่ยอมให้ฝ่ายนิติบัญญัติตรวจสอบการใช้เงิน จึงใช้วิธีร่างกฎหมายกู้เงินเป็นการเฉพาะขึ้นมา โดยอ้างความจำเป็นในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
โดยหลักการแล้ว ไม่มีใครคัดค้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ แม้ว่าจะมีข้อสงสัยอยู่มากเกี่ยวกับความเป็นไปได้ ความสมเหตุสมผลของโครงการหลายๆ โครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการรถไฟความเร็วสูงซึ่งเป็นจุดขายที่รัฐบาลเอามาหลอกล่อขายฝันให้กับคนไทย แต่สิ่งที่สังคมไม่เห็นด้วยคือ วิธีการรวบรัดให้อำนาจรัฐบาลกู้เงินมาทำโครงการสูงถึง 2 ล้านล้านบาท โดยไม่มีการตรวจสอบจากรัฐสภา ทั้งๆ ที่เป็นเงินกู้มหาศาลที่จะเป็นภาระให้ประชาชนต้องร่วมกันผ่อนชำระนานไม่ต่ำากว่า 50 ปี ทั้งๆ ที่ไม่ต้องออกกฎหมายฉบับนี้ แต่สามารถใช้เงินกู้ภายใต้งบประมาณประจำปี ก็เพียงพอที่จะทำโครงการนี้ได้ แต่รัฐบาลไม่ยอมเลือกใช้วิธีการปกติที่ถูกกฎหมาย โดยอ้างว่าเพื่อให้โครงการดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนรัฐบาล
แต่ความจริงแล้วมีเจตนาที่จะหลบเลี่ยงไม่ต้องการให้มีการตรวจสอบการใช้เงิน
ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนี้ ก็เหมือนกับโครงการจำนำข้าวในแง่ที่ว่ามีเสียงคัดค้านทักท้วงทั้งจากฝ่ายค้าน นักวิชาการ ผู้ส่งออก โรงสี ฯลฯ มาโดยตลอดว่าโครงการจะล้มเหลว จะเกิดความเสียหายเป็นเงินมหาศาล แต่รัฐบาลก็ไม่ฟัง เอาแต่อ้างว่าเป็นโครงการช่วยให้ชาวนามีชีวิตที่ดีขึ้น สุดท้ายแล้ว ผลเป็นอย่างไรก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว โครงการนี้ขาดทุนถึง 5 แสนล้านบาท ระบบการค้าและส่งออกข้าวของชาติถูกทำลาย ในขณะที่ชีวิตชาวนายังจนเหมือนเดิม ซ้ำยังถูกโกงเงินค่าข้าวจนฆ่าตัวตายไปแล้ว 11 คน คนที่รวยขึ้นคื โรงสีที่เข้าโครงการนายหน้าหักค่าหัวคิวนำเข้าโครงการ พ่อค้าที่สนิทสนมกับ นช.ทักษิณ ชินวัตร
เหตุที่ไม่ฟังเสียงคัดค้าน ก็เพราะว่าการทำโครงการรับจำนำข้าวนั้น นอกจากเพื่อรักษาคะแนนนิยมจากชนชั้นรากหญ้าในชนบทแล้ว ยังมีเจตนาที่จะโกงกันทุกขั้นตอนของโครงการ โดยเฉพาะขั้นตอนการระบายข้าวให้พวกพ้องในราคาถูกเอาไปขายต่อในประเทศในราคาแพง
เป็นโชคดีของประเทศไทย ที่มีการชุมนุมของมวลมหาประชาชน ทำให้รัฐบาลจำใจต้องยุบสภา ไม่สามารถทำโครงการจำนำข้าวต่อไปได้ เพราะหากรัฐบาลอยู่ต่อไปจนครบวาระทำโครงการต่อไปอีกสองฤดูกาลเพาะปลูก ความฉิบหายจะมากกว่าที่เป็นอยู่อีกหลายเท่า
นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ตัดพ้อ ภายหลังทราบผลคำวินิจฉัยว่า อยากให้ดูเจตนาของโครงการนี้ อย่าเอาข้อกฎหมายมาจำกัด
หากการผลักดันร่างกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท มีเจตนาที่จะพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานจริง เหตุใดจึงไม่ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เหตุใดจึงปฏิเสธการตรวจสอบ หากทำให้ถูกต้องโดยบรรจุไว้ในงบประมาณประจำปีตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาเป็นรัฐบาล ป่านนี้บางโครงการก็เดินหน้าไปได้แล้ว โดยเฉพาะโครงการรถไฟรางคู่ โครงการรถไฟฟ้าใน กทม. ซึ่งพรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ ผ่านมา 2 ปี ยังไม่มีสายไหนเกิดขึ้นใหม่เลย แต่เพราะเจตนาที่แท้จริงคือ การโกง จึงต้องการปิดกั้นไม่ให้มีการตรวจสอบโดยสภาผู้แทนราษฎร จึงเขียนกฎหมายขึ้นใหม่ ให้อำนาจนักการเมืองกู้เงินทีเดียว 2 ล้านล้าน โดยไม่ต้องมีรายละเอียดแผนงานเลยว่าจะกู้ไปทำาอะไรบ้าง
ผู้ที่ไปรองคัดค้านต่อศาลรัฐธรรมนูญ และประชาชนทั่วไปที่ไชโยโห่ร้องเมื่อศาลวินิจฉัยให้ร่างกฎหมายนี้ตกไป ก็เพราะรู้ชัดในเจตนาของรัฐบาลดีว่ามีเจตนาที่จะทุจริตหาเงินจากโครงการนี้
เป็นโชคดีของลูกหลานไทยจริงๆ ที่ไม่ต้องแบกหนี้ที่ระบอบทักษิณก่อไว้ไปอีกอย่างต่ำ 50 ปี