ผ่าประเด็นร้อน
สังเกตหรือไม่ว่าหลังจากที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบเหลือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากกรณีมีการปราศรัยหาเสียงใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม และกำลังส่งให้ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่าต้องเลือกตั้งใหม่หรือไม่ แต่คำถามคือเรื่องดังกล่าวกลับไม่มีใครในพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงคนในรัฐบาลไม่ยอมปริปาก เหมือนกับพยายามไม่พูดถึงเลย แม้แต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ตามปกติจะพูดทุกเรื่อง แต่กับเรื่องก็หุบปากสนิท
มันก็น่าแปลก ทั้งที่น่าจะแสดงความเห็นเพราะพรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์ แม้ว่าจะต้องรอศาลชี้ขาดอีกทีหนึ่งก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็สามารถนำออกมาตีกินตอบโต้ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ รวมไปถึง กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ตามข่าวบอกว่าถูกร้องว่าเป็นคนปราศรัยในทำนองว่าคนในพรรคเพื่อไทยเผาบ้านเผาเมือง มีผลต่อการลงคะแนนอะไรทำนองนี้แหละ
แต่ก็เงียบไม่มีใครพูด แม้แต่ “เด็จพี่” พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค ที่ตามปกติผีเจาะปากมาพูดได้ทุกเรื่อง คราวนี้ก็เงียบ หรือจะเป็นเพราะยังงงๆ อยู่กับบทบาทของ กกต.ที่มีมติออกมาแบบนี้เหมือนกับว่าเป็นการ “กลบความเอียง” ตามที่พรรคเพื่อไทยเคยไล่บี้บังคับให้จัดการเลือกตั้งให้ครบ เพื่อให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมาเป็นนายกฯอีกรอบ
อาจจะมีบ้างที่มีบางคนออกมาเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ออกมาแสดงความรับผิดชอบ อ้างว่าเป็นคนให้ร้ายว่าเผาบ้านเผาเมือง ทั้งที่มันคนละเรื่อง เพราะคนเผาแม้จะเป็นพวกเดียวกับพรรคเพื่อไทย แต่นั่นก็คงไม่ใช่คนที่สมัครเป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานครในนามพรรคเพื่อไทย แต่ก็ช่างเถอะเพราะคนที่พูดมันไร้ราคาไม่ควรค่าไปเอ่ยถึง
เมื่อพิจารณากันอย่างรอบด้านแล้วทำให้เข้าใจถึงสาเหตุทันทีว่าทำไมถึงเงียบ และได้คำตอบว่าเป็นเพราะ พรรคเพื่อไทยไม่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้มากนัก โดยเฉพาะคนในครอบครัวของทักษิณ ชินวัตร นั่นคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
คำตอบ เพราะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น ในสนามเลือกตั้งเมืองหลวง และที่สำคัญยังเป็นบรรยากาศปฏิรูปเป็นความเคลื่อนไหวที่ชาวบ้านกำลังตื่นตัว “ไม่เอา” พรรคเพื่อไทย ไม่เอา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคนในครอบครัวชินวัตร ในบรรยากาศที่คนในครอบครัวยังไม่กล้าแม้แต่เดินถนนเลย ซึ่งต่อให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ อีกกี่ครั้งก็ยังเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยยังพ่ายแพ้เช่นเดิม และเชื่อว่าหากยังส่ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่เพิ่งต่ออายุตำแหน่งเลขาฯ กปปส.ไปอีกหนึ่งปีประกันเก้าอี้เอาไว้แล้วก็ตาม ถึงจะลงใหม่ก็เชื่อว่าจะแพ้หนักกว่าเดิมอีก
เป็นสภาพการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ประโยชน์ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรไม่ได้ประโยชน์ เพราะเป้าหมายของคนพวกนี้คือการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อหวังให้ได้ ส.ส.ได้ครบจำนวนเพียงพอไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ให้เปิดสภาเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เท่านั้นที่พวกเขาต้องการ
นอกจากนี้การออกมาแสดงความเห็นในช่วงนี้อีกด้านหนึ่งก็ยัง “ทำลายเป้าหมายของตัวเอง” ที่เคยทำลายความชอบธรรมทำลายเครดิตของคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าไม่ยุติธรรม แต่มาคราวนี้เมื่อ กกต.มีมติพลิกออกมาแบบนี้ แม้ว่าอีกทางหนึ่งอาจมองได้ว่าต้องการ “กลบความเอียง” ของตัวเอง และทำลายกระแสบิดเบือนของพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายทักษิณ ลงไปก็ตาม ทำให้พรรคเพื่อไทยถึงกับพูดไม่ออกก็ตาม
และแม้ว่ากรณีเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครยังต้องรออีกสักพักหนึ่ง ต้องรอให้ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดออกมาก่อน อาจผลออกมาในทางตรงข้ามก็ได้ ยังไม่จบ แต่ตามปกติหากเกิดกรณีแบบนี้เป็นเมื่อก่อนรับรองว่าพรรคเพื่อไทยต้องดาหน้าออกมาทวงถามความรับผิดชอบกับพรรคประชาธิปัตย์ หรืออย่างน้อยก็ต้องถล่มใส่ กำนัน สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแน่แท้ แต่คราวนี้เงียบฉี่ เป็นเพราะ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้ประโยชน์ เป็นแค่เลือกตั้งระดับท้องถิ่น และถึงเลือกใหม่ก็จะแพ้ยิ่งกว่าเดิมอีก
นี่อาจเป็นคำตอบว่าทำไมถึงต้องเงียบฉี่ไงล่ะ!!