ข้าราชการ ก.ต่างประเทศ ร่อนจดหมายเปิดผนึกถึงบิ๊ก ขรก.เตือนอำนาจ “สุรพงษ์” แค่รักษาการไม่ควรสร้างพันธกรณีใหม่ จวกจ้อลาก “บัน คี มูน” จุ้นการเมืองไทยขาดการพิจารณาผลประโยชน์ของชาติอย่างถี่ถ้วน ขาดความรับผิดชอบ เตือนหากมาจริงตามคำเชิญไทยอาจตกอยู่ภายใต้การประเมินความพึงพอใจของยูเอ็น นำไปสู่แรงกดดันและมาตรการอื่นๆ แถมกระทบแนวทางแก้ไฟใต้ หวั่นกรอบหารือไม่สามารถปกป้องชาติได้ จี้ถอนคำเชิญ ทำอย่างรอบคอบ
วันนี้ (12 มี.ค.) มีรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศว่า ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกจดหมายเปิดผนึกถึงผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมลงชื่อแนบท้ายจดหมาย ซึ่งแหล่งข่าวภายในกระทรวงได้ระบุว่า ได้มีการยื่นจดหมายดังกล่าวต่อข้าราชการระดับสูงของกระทรวงแล้ว
ทั้งนี้เนื้อหาในจดหมายดังกล่าว ระบุว่า ในฐานะข้าราชการที่สำนึกถึงหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ พวกเราไม่เคยคิดว่าจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่การตีความผลประโยชน์ของประเทศนั้นแตกต่างจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้สนับสนุนรัฐบาลต่างๆ ในการดำเนินนโยบายการต่างประเทศในแนวทางที่สอดคล้องต่อผลประโยชน์ของประเทศ ข้าราชการ ในฐานะนักการทูตมืออาชีพ ได้สานต่อผลประโยชน์ของชาติผ่านรัฐบาลหลายยุคหลายสมัย โดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงที่จะสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวทีระหว่างประเทศที่ผลประโยชน์ของประเทศไทยอยู่เหนือเกมการเมืองภายในประเทศ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศสนับสนุนเป้าหมายของทุกพรรคการเมืองที่นำไปสู่นโยบายการต่างประเทศที่เสริมสร้างประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและนำผลประโยชน์มาสู่ประชาชนไทย
ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน อำนาจหน้าที่ของรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจำกัดอยู่ที่การรักษาความต่อเนื่องของงานราชการเพื่อดำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของประเทศไทย รวมทั้งปฏิบัติตามพันธกรณีที่มีอยู่แล้วในเวทีระหว่างประเทศ โดยไม่สร้างพันธกรณีใหม่
การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะเชิญเลขาธิการสหประชาชาติเยือนไทย เพื่อพิจารณาหนทางในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันนั้น ยังขาดการพิจารณาถึงผลประโยชน์ของประเทศอย่างถี่ถ้วน รวมทั้งควรมีการหารือ สอบถาม และพิจารณาร่วมกับข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้รับข้อคิดเห็นที่สะท้อนมุมมองอย่างครอบคลุมเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงการขาดความรับผิดชอบ และข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศขอตั้งคำถามเกี่ยวกับความชอบธรรมของการกระทำดังกล่าว
ไม่ว่าเลขาธิการสหประชาชาติจะเยือนไทยด้วยตนเอง หรือส่งผู้แทน หรือผู้แทนพิเศษ ในท้ายที่สุด ตามคำเชิญที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นล้วนเป็นการเยือนตามคำเชิญของรัฐบาลไทย ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการติดตามผลในกรอบสหประชาชาติ และการมีข้อเสนอแนะต่อสถานการณ์ในไทย ซึ่งข้อเสนอแนะอาจมิได้ถูกร่างโดยผู้ที่ยึดมั่นต่อผลประโยชน์ของไทย หรือมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย รวมทั้งไทยอาจตกอยู่ภายใต้การประเมินความพึงพอใจในการอนุวัติข้อเสนอแนะดังกล่าวโดยฝ่ายเลขานุการของสหประชาติหรือประเทศสมาชิกอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่แรงกดดันและการดำเนินมาตรการอื่นๆ ต่อไทยในภายหลัง
นอกจากนี้ การดึงสหประชาชาติเข้ามามีส่วนร่วมในสถานการณ์การเมืองภายในประเทศดังกล่าวอาจบั่นทอนแนวทางที่ไทยยึดถือมาตลอดในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยกระบวนการภายในประเทศ รวมทั้งเป็นที่คาดการณ์ได้ว่า คำเชิญลักษณะดังกล่าวอาจนำไปสู่การดึงประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการและกรอบการหารือใหม่ที่ไทยอาจไม่สามารถควบคุมทิศทางหรือปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทยได้
โดยที่คำเชิญจากรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศถึงเลขาธิการสหประชาชาติจะทำให้เกิดพันธกรณีและผลกระทบต่อประเทศชาติ เกี่ยวกับเรื่องนี้ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจึงควรถอนคำเชิญดังกล่าวในทันที และพิจารณาอย่างถ้วนถี่หากจะกระทำการใดๆ ต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ ด้วยความตระหนักว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้รักษาการหรือไม่ เป็นผู้แทนของประเทศไทย สามารถกระทำการใดๆ ในนามประเทศ รวมทั้งการสร้างพันธกรณีต่อประเทศไทย ดังนั้น การตัดสินใจหรือการกระทำใดๆ ควรกระทำด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศไทยในภาพรวม