หน.ปชป.น้อมรับมติของ กกต.ชงให้ใบเหลืองผู้ว่าฯ กทม.ต่อสู้ในชั้นศาล อยากให้เจ้าตัวเดินหน้าลุยงาน ไม่อยากให้เสียสมาธิ ไม่แปลกใจรัฐบาลไม่รับผิดชอบหากชี้มูลคดีกู้ 2 ล้านล้าน เชื่อขัดรัฐธรรมนูญ ด้าน “กรณ์” จี้รัฐบาลรับผิดชอบ
วันนี้ (11 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติ 3 ต่อ 2 ยื่นศาลอุทธรณ์พิพากษาให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ใหม่ ว่า เมื่อตอนเที่ยงที่ตนได้มีโอกาสพบกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เรายังไม่ทราบเรื่องนี้ จึงยังไม่ได้คุยกัน เพิ่งทราบเรื่องช่วงบ่าย ซึ่งพรรคน้อมรับมติของ กกต.ซึ่งจะไปต่อสู้ในชั้นศาล ซึ่งน่าจะเป็นประเด็นเรื่องการปราศรัยที่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่ตัวผู้ว่าฯ กทม.ที่กระทำ แต่เป็นสมาชิกพรรคในขณะนั้น ต้องไปดูรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร จึงขึ้นอยู่กับศาลว่าจะวินิจฉัยอย่างไร เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ยุติที่ กกต.ซึ่งหลายเรื่องเมื่อไปถึงศาล ที่ผ่านมาศาลก็วินิจฉัยไม่ตรงกับ กกต.แต่เท่าที่ติดตามช่วงหาเสียงไม่มีประเด็นเรื่องการใส่ร้าย ต้องรอดูคำวินิจฉัยของ กกต.ก่อน
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้อยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ เมื่อ กกต.ชี้มาเราก็ต้องสู้คดี ส่วนในระหว่างนี้เท่าที่ดูกฎหมายเบื้องต้นก็ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการทำหน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม.ยังสามารถเดินหน้าทำงานได้เต็มที่โดยเฉพาะในสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ อยากให้เดินหน้าลุยงานต่อไป ไม่อยากให้เสียสมาธิ ซึ่งเชื่อว่าผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ จะทำงานต่อโดยไม่เสียสมาธิกับเรื่องนี้ โดย ผู้ว่าฯ กทม.จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับคำร้องจาก กกต.
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทในวันที่ 12 มี.ค. นี้ ซึ่งรัฐบาลมีท่าทีว่าจะไม่รับผิดชอบ หากถูกชี้มูลว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญว่า ไม่แปลกใจกับท่าทีของรัฐบาล เพราะทุกเรื่องที่รัฐบาลจงใจทำผิดกฎหมายหรือขัดรัฐธรรมนูญก็ไม่เคยแสดงท่าทีรับผิดชอบใดๆ ซึ่งต้องรอดูผลการวินิจฉัยว่าจะเป็นอย่างไร แต่ตนให้เหตุผลต่อศาลว่า รัฐบาลจงใจหลีกเลี่ยงวิธีการตามระบบงบประมาณเพราะการจะกู้เงินมาใช้ แต่หลีกเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบการใช้จ่ายซึ่งเป็นเจตนารมณ์สำคัญในหมวดเรื่องการเงิน การขัดรัฐธรรมนูญ รวมถึงเรื่องการสุ่มเสี่ยงต่อการเสียวินัยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งเป็นประเด็นที่เรามองว่า ขัดรัฐธรรมนูญชัดเจน ซึ่งเชื่อว่ารับบาลเองก็มองออกเช่นกัน เพียงแต่พยายามหลีกเลี่ยงการตรวจสอบเพื่อได้ใช้เงินจำนวนมหาศาลนี้ อีกทั้งฝ่ายรัฐบาลเองก็ไม่ได้โต้แย้งว่า ประเด็นดังกล่าวถือเป็นการใช้จ่ายเงินของแผ่นดินด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นการลงคะแนนโหวตที่มีการทุจริตนั้น คาดว่าจะเป็นผลเฉพาะตัวของผู้กระทำเช่นเดียวกับคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมก่อนหน้านี้ แต่ก็จะเกี่ยวเนื่องถึงเนื้อหาสาระของร่าง พ.ร.บ.นี้ หากจะมีการใช้บรรทัดฐานเดียวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ร่างกฎหมายนี้ก็จะถือเป็นโมฆะทันที ส่วนที่ นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกฯ และ รมช.เกษตรฯ ระบุอ้างว่า กฎหมายนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภาแล้ว ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากดูแนววินิจฉัยของ ป.ป.ช.ที่ให้ความคุ้มครองกับคนลงมติ แต่กรณีของร่างรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว.ศาลก็ชี้มูลความผิดกับคนที่เสนอร่างนี้ด้วย แต่กรณีนี้เมื่อฝ่ายค้านพยายามแปรญัตติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แม้สภาจะเป็นผู้พิจารณาแต่รัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในสภาก็ยืนยันว่าไม่แก้ไข และเนื้อหาสาระที่ผิดมาตั้งแต่ที่รัฐบาลเสนอ ไม่ได้มีการแก้ไขในสภาอีกทั้งรัฐบาลต้องรับผิดชอบทุกครั้งที่มีการเสนอเกี่ยวกับกฎหมายการเงิน แต่ก็ไม่มีใครคาดหวังการแสดงความรับผิดชอบของรัฐบาล ส่วนจะมีการดำเนินคดีอาญาตามมาหรือไม่นี้น ตนขอดูรายละเอียดในคำวินิจฉัยก่อน
ด้าน นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวข้อความว่า กรณีที่ นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรฯ อ้างว่าหากศาลรัฐธรรมนูญตี พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้านบาทตกไป รัฐบาลไม่จำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบ เพราะผ่านการพิจารณาสภาไปแล้วนั้น เป็นการสะท้อนจิตสำนึกของรัฐบาลนี้เป็นอย่างดี กฎหมายนี้รัฐบาลเป็นคนเสนอ ทั้งๆ ที่มีคนเตือนแต่แรกว่าแนวโน้มจะขัดรัฐธรรมนูญ จากนั้นสภาที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นเสียงข้างมากก็ยกมือผ่านกฎหมายให้ ทั้งๆ ที่มีฝ่ายค้่านทักท้วง ดังนั้นในกรณีที่วันพรุ่งนี้ (12 มี.ค) ศาลมีมติว่า พ.ร.บ.กู้เงินนี้ขัดต่อกฎหมายสูงสุดของประเทศ ถ้าไม่ใช่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องออกมารับผิดชอบแล้วจะเป็นใครที่ไหนต้องรับผิดชอบครับ
“อย่าลืมว่านี่คือพฤติกรรมของพรรคที่อ้างว่าจะไม่กู้เงิน วันนี้นอกจากจะไม่รับผิดชอบแล้วยังมีหน้ามาบอกด้วยว่าประเทศจะไม่เจริญถ้าศาลไม่ให้กู้เหลือเชื่อจริงๆ”