เผยที่ประชุม กกต.ให้ใบเหลืองผู้ว่าฯ กทม.จากเหตุคำปราศรัย “สุเทพ” พาดพิง “พงศพัศ” เป็นผู้ว่าฯ หุ่นเชิด “ทักษิณ-นปช.-เพื่อไทย” ขบวนการเดียวกันเผาบ้านเผาเมือง เสียงข้างมาก 3 เสียง “ศุภชัย-สมชัย-บุญส่ง” ชักใบเหลือง ส่วน “ประวิช-ธีรวัฒน์” เสียงข้างน้อย เร่งยื่นศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก่อน 26 มี.ค.เผยก่อนหน้านี้เอาผิด “ศิริโชค” โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหาเพื่อไทยเผาบ้านเผาเมือง
วันนี้ (11 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่าในการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาสำนวนร้องคัดค้านการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และมีมติให้ใบเหลือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นั้น 1 สำนวน รวม 5 ประเด็น โดยเป็นสำนวนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และนายวิญญัติ ชาติมนตรี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ร้องต่อ กกต.กทม.ให้ตรวจสอบทั้งกรณีที่ พล.ต.อ.วสิษฐ์ เดชกุญชร เขียนบทความในลักษณะที่เป็นการชี้นำให้มีการเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธฺุ์ ลงในหนังสือพิมพ์มติชน กรณีการปราศรัยของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายอิสสระ สมชัย นายกรณ์ จาติกวณิช และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งทั้ง 5 ประเด็น 4 ประเด็น กกต.มีมติเอกฉันท์ให้ยกคำร้อง โดยมองว่าถ้อยคำปราศรัยไม่ได้เป็นการใส่ร้ายหรือเข้าใจผิดในคะแนนนิยม
แต่ในส่วนคำปราศรัยของนายสุเทพ ที่ระบุในทำนองว่า หากเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ก็จะได้เป็นผู้ว่าฯ หุ่นเชิด และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และพรรคเพื่อไทย เป็นกระบวนการเดียวกัน ที่ใช้กรุงเทพฯ เป็นฐานก่อการร้ายจากเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง กรณีการชุมนุมเมื่อปี 53 และพรรคเพื่อไทย มีแนวคิดเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองของประเทศไทย ซึ่งสำนวนดังกล่าวในชั้นการพิจารณาของ กกต.กทม.มีมติ 3 ต่อ 2 เสนอให้ กกต.ยกคำร้อง และเมื่อถึงระดับการพิจารณาของ สำนักงาน กกต.อนุกรรมการที่วินิจฉัยเรื่องร้องรัดค้าน ก็มีมติเสียงข้างมากให้ยกคำร้องเช่นกัน แต่เมื่อเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ในวันนี้ หลังเจ้าหน้าที่เจ้าของสำนวนได้รายงานผลการสอบสวนทั้งหมดแล้ว กกต.จึงได้มีการประชุมลับ
โดย กกต.ได้มีการอภิปรายและมีการลงมติ โดยเสียงออกมาเท่ากัน 2 ต่อ 2 ทำให้ประธาน กกต.ต้องออกเสียงชี้ขาด สุดท้ายที่ประชุม กกต.มีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดย 3 เสียงข้างมาก ได้แก่ นายศุภชัย สมเจริญ, นายสมชัย ศรีสุทธิยากร และนายบุญส่ง น้อยโสภณ ส่วน 2 เสียงข้างน้อยที่เห็นควรให้ยกคำร้องคือ นายประวิช รัตนเพียร และ นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ จากนั้นได้มีการพิจารณาว่าจะดำเนินคดีกับผู้ปราศรัยหรือไม่ ซึ่งที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 ไม่ต้องดำเนินคดีอาญา อย่างไรก็ตาม หลัง กกต.มีมติแล้ว ทางสำนักงานก็จะเร่งยกร่างคำวินิจฉัยเพื่อให้ กกต.ทั้ง 5 คนลงนามก่อนยื่นต่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก่อนวันที่ 26 มี.ค.ซึ่งถือเป็นวันสุดท้ายของกรอบระยะเวลา 1 ปี ที่ กกต.จะต้องพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ และหากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับคำร้อง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที โดยเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 239 วรรคท้าย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2556 ที่ผ่านมา กกต.ได้มีมติดำเนินคดีอาญากับ นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กรณีโพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยเผาบ้านเผาเมืองแล้วด้วย