มติ ศรส.สั่งสภาพัฒน์ประเมินความเสียหาย ศก.-สังคม จากการชุมนุม กปปส. เพื่อให้เห็นภาพรวมและนำข้อมูลมาใช้เอาผิดแพ่ง-อาญา เผยรับรายงาน สตช.คดีขวางเลือกตั้ง 190 คดี จนท.กกต.ละเว้นหน้าที่ 174 คดี ออกหมายจับ 155 คน สอบแล้ว 65 คน ชี้แค่ จนท.ละเว้นหน้าที่ก็พันกว่าคน ขู่ขวางเลือกตั้งผิดอุกฉกรรจ์ ชี้ศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง “เทือก” ถอนหมายจับกบฏ กำชับเร่งจัดกุม
วันนี้ (4 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) น.ส.สิริมา สุนาวิน เจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) แถลงผลการประชุม ศรส.ว่า จากการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่กระทำการปิดกทม. มีการกระทำล่วงละเมิดต่อกฎหมายหลายเรื่องหลายกรณี และมีการก่อเหตุร้ายโดยกลุ่มกองกำลังไม่ทราบฝ่ายทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก รวมถึงการขัดขวางการเลือกตั้งทั้งในเขตกทม.และในต่างจังหวัดภาคใต้ ซึ่งการกระทำต่าง ๆ เหล่านี้ ส่งผลให้เกิดการเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมในหลายๆ มิติ ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอันเนื่องมาจากการชุมนุมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ศรส.จึงมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน โดยให้ครอบคลุมในทุกๆ มิติ และทุกๆ ด้านของความเสียหาย ซึ่งการประเมินความเสียหายดังกล่าวนอกจากจะทำให้เห็นภาพรวมของความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว ยังจำเป็นต้องนำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาอีกด้วย
น.ส.สิริมากล่าวว่า ศรส.ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า ได้รับคดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ดังนี้ 1. คดีขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 190 คดี แยกเป็นคดีที่ กปปส.ใน กทม.กระทำการขัดขวางการเลือกตั้ง 51 คดี และคดีที่ กปปส.ในต่างจังหวัดกระทำการขัดขวางการเลือกตั้ง 139 คดี และ2. คดีที่เจ้าหน้าที่ กกต.จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น 174 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 63 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน 111 คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น 364 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวมทั้งสิ้น 155 คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว 65 คน ทั้งนี้ เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต.จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง 1,144 คน ซึ่งโทษที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้งเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง
น.ส.สิริมากล่าวอีกว่า ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยกคำร้องของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ที่ได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาเพิกถอนหมายจับของศาลอาญาในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งไม่เพิกถอนหมายจับดังกล่าว โดยให้ยึดถือตามคำสั่งศาลอาญาตามเดิม กล่าวโดยสรุปคือ นายสุเทพยังคงถูกศาลออกหมายจับฐานร่วมกันเป็นกบฏเช่นเดิม ซึ่ง ศรส.ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเร่งรัดดำเนินคดีนายสุเทพกับแกนนำคนอื่นๆ รวม 58 คนต่อไป โดยเฉพาะการติดตามจับกุมเมื่อมีโอกาสและสถานการณ์ที่เหมาะสมด้วย