“สุนัย” รับอดใช้รัฐสภาจัดเสวนา โวยพวก ส.ว.สรรหากดดัน ลั่นยังไม่เลิกล้ม เหน็บถ้าไปจัดที่เชียงใหม่ใช้ชื่อเปิดสภาล้านนาคงโดนข้อหากบฏด้วย ด้านเลขาฯ สภา อ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง บังคับใช้ หวั่นอนุมัติให้จะผิดกฎหมาย “นิคม” ปัดโดนกดดัน
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายสุนัย จุลพงศธร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่า ได้รับทราบว่านายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภาถึงการไม่อนุญาตให้ใช้ห้องประชุมรัฐสภาเพื่อจัดงานเสวนา เปิดสภาเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย ทั้งนี้ส่วนตัวทราบว่าเป็นเพราะมี ส.ว.สรรหาที่ทำงานให้กับพรรคประชาธิปัตย์กดดันในประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนไม่ติดใจในเรื่องการใช้ห้องประชุม และยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะจัดเสวนาในหัวข้อดังกล่าว
“แปลกใจว่าเพียงเพราะการตั้งชื่องานเสวนาเพื่อให้เข้ากับกระแสสถานการณ์ปัจจุบัน ทำไมคนต้องออกมาคัดค้าน ทำให้นึกถึงคำว่า สปป.ล้านนา ที่นำมาจับโยงกับเรื่องการแบ่งแยกดินแดน ดังนั้นหากจะไปจัดงานดังกล่าวที่ จ.เชียงใหม่ ใช้ชื่อว่าเปิดสภาล้านนา เดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย คงจะโดนข้อหาเป็นกบฏด้วย” นายสุนัยกล่าว
ด้านนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติทางสภาฯ ก็จะอนุญาตให้ห้องประชุมใหญ่ของรัฐสภาอยู่แล้ว เพราะเป็นตามยุทธศาสตร์ของสภาฯ ที่ว่าด้วยการส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ด้านการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจและเข้าถึงการเมืองการปกครอง แต่ปรากฏว่าปัจจุบันสถานการณ์ของประเทศอยู่ในภาวะไม่ปกติ หลังจากมีการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 ประกอบกับศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ได้ออกประกาศคำสั่งที่ห้ามชุมนุมเกิน 5คน และเป็นช่วงที่อยู่ในระหว่างการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ทำให้เกรงว่าหากมีการอนุมัติให้ห้องประชุมดังกล่าวอาจจะเป็นการดำเนินการที่ขัดกับกฎหมายได้
นายนิคมกล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า ตนได้ยกเลิกการใช้สถานที่จริง แต่ไม่มีการกดดันจาก ส.ว.สายใดๆ ทั้งสิ้น
นายสุวิจักขณ์กล่าวว่า ยืนยันว่าคณะกรรมการกฎหมายของสภาได้พิจารณากันอย่างรอบคอบไม่ได้มีฝ่ายการเมืองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมากดดันการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้แต่อย่างใด ซึ่งหวังว่าทุกฝ่ายคงเข้าใจถึงการตัดสินใจของคณะกรรมการกฎหมายของสภาฯ