xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” จี้ ศรส.ฟัน “โกตี๋” ปัดเลือกปฏิบัติ ไม่ยอมให้ฆ่ากันเอง แนะกลับบ้านเชื่อศาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(แฟ้มภาพ)
ผบ.ทบ.พร้อมบี้ ศรส.จัดการ “โกตี๋” ติดป้ายแยกดินแดน ปัดเลือกปฏิบัติ ยันดำเนินการแบบปี 53 แจงมีหน้าที่ส่งข้อมูล กอ.รมน.คอยยับยั้งความไม่สงบ เผยนายกฯ รับปากปรามสาวก ให้ทหารทำหน้าที่ด้วยความเป็นธรรม รับคุยเรื่อง “เทือก” แต่ปัดจุ้น ลั่น ฆ่ากันเองไม่ได้ ต้องเคารพกติกา แนะกลับบ้านให้หมด เชื่อกระบวนการยุติธรรม ชี้ ให้ทหารดูแลใกล้ม็อบเหตุเป้าก่อเหตุ ปัดดูแลเป็นพิเศษ ตามใจนายกฯ ปรับบังเกอร์นิ่มนวลลง


วันนี้ (6 มี.ค.) ที่หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำเสื้อแดงปทุมธานี ได้นำแผ่นป้ายแบ่งแยกดินแดนมาติดว่า รัฐต้องดำเนินการ และจะเร่งรัดให้ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ดำเนินการ เพราะรัฐและศรส.มีหน้าที่ในการดูแลในพื้นที่ที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเป็นข้อกฎหมาย และมีหลายมาตรา 113, 114, 116 และ117 กองทัพบกไม่ได้ทำงานเพราะตนเข้าข้างนี้หรือข้างโน้น ตนทำงานด้วยขั้นตอน กลไกหน้าที่ของกองทัพบก เช่น เมื่อมีการรายงานขึ้นมาก็ต้องเข้าสำนักงานพระธรรมนูญ กองทัพบก ซึ่งต้องพิจารณาตามขั้นตอนกฎหมาย ถ้าเรื่องดังกล่าวยังไม่มีการดำเนินการก็ต้องทำเรื่องส่งมายัง ผบ.ทบ.เพื่ออนุมัติว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตราบใดที่มีคนทำความผิด ทุกกระบวนการของกองทัพบกต้องเดินไป อยากให้เข้าใจว่าทุกอย่างดำเนินการเหมือนปี 53 ทุกประการ ส่วนการปลุกระดมมวลชนมีมาโดยตลอด และมีคนไม่กี่กลุ่มที่ทำเรื่องนี้ ซึ่งตนได้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยให้ ศรส.และตำรวจไปดำเนินการ หน้าที่ตนมีแค่ส่งข้อมูลให้เขา ไม่ใช่ไล่ล่า หรือไปจับกุมเขา การเป็นข้าราชการรัฐลำบากในการวางตัวการทำงาน แต่ยืนยันว่า อย่าใช้ความรุนแรงจนเกินขีดจำกัดมันไม่ได้ ตนถามว่าทำได้หรือที่จะเขียนอะไรส่งเดชตามถนน มันผิดหมดทุกกฎหมาย ใครจะติดไม่รู้แต่ต้องดำเนินการ ซึ่งต้องแยกให้ออกว่า ใครดำเนินการอะไรอยู่ ถ้าอีกพวกหนึ่งเขียนป้ายก็ต้องแจ้งความเหมือนกัน

“หน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) คือ การป้องกัน ระงับ ยับยั้งเหตุการณ์ความไม่สงบที่จะเกิดขึ้น แต่วันนี้ยังถือว่าเป็นหน้าที่ในยามปกติ เพราะทุกกลไกยังคงมีอยู่ หน้าที่ยามปกติคือ การติดตามข่าวสาร และสร้างความเข้าใจกับประชาชนทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นสีหรือพวกใด ผมให้ทหารไปพูดคุยหมด แต่ไม่ใช่ว่า เราจะควบคุมประชาชนทุกคนได้ เพราะมีหลายพวก แต่ขอร้องว่า อย่าทำผิดกฎหมาย ถ้าทำผิด เราก็ละเว้นไม่ได้ สิ่งสำคัญ คือ ที่มีการพูดว่าทหารเลือกปฏิบัตินั้น ถามว่ามีใครทำหรือยังในคดีเดียวกันแบบนี้ ก็ยังไม่มีใครทำ แต่อีกฝ่ายหนึ่งมีคดี 200-300 คดีก็ต้องว่ากันไปในชั้นไปศาล ต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม อะไรก็ตามที่ไม่ได้อยู่ในกระบวนการของ ศรส.จึงเป็นหน้าที่ของ กอ.รมน.ต้องไปดู ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนที่พูดคำเหล่านี้ที่ผิดกฎหมาย หรือมีเหตุอันน่าสงสัยก็ต้องนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเรื่องแนวคิดเมื่อมันผิดก็ต้องเบรก หยุด ยับยั้งไว้ให้ได้ก่อน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่ถูกมองว่าทหารเลือกปฏิบัติ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อตนดำรงตำแหน่งอยู่ตรงนี้ ตนก็ต้องทำใจให้ได้ และอดทน รวมถึงยึดมั่นในหลักการ คือ กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ว่าคนนั้นมาตัดสินอย่างนี้ แต่พอคนนี้ไปแล้วจะเปลี่ยนคำตัดสิน แต่จะต้องนำหลักฐานพยานมาสู้กัน และยอมรับในกติกาบ้าง เชื่อว่าบ้านเมืองจะสงบ ขณะนี้มีผลกระทบกับทุกฝ่าย แต่ไม่อยากให้มีผลกระทบต่อทั้งรัฐบาลและ กปปส. ถ้าใครผิดตรงไหนต้องไปว่าตรงนั้น ไม่ได้เข้าข้างเขา และไม่ได้เข้าข้างใครทั้งสิ้นที่ผิดกฎหมาย

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อให้หยุดการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนได้คุยกับนายกฯ มาตลอด ท่านบอกว่าจะพยายามห้ามปราม ซึ่งตนก็พยายามรายงานขึ้นไปตลอด ส่วนกรณีที่มีรัฐมนตรีบางคนออกมาเคลื่อนไหวนั้น ต้องไปถามเขา ซึ่งตนได้พูดคุยกับนายกฯ ไปแล้ว ทั้งนี้จากการหารือกับนายกฯ ท่านได้สอบถามถึงสถานการณ์ว่า เป็นอย่างไร ทหารทำหน้าที่อะไร ซึ่งตนได้อธิบายให้ท่านฟังและนำเรียนให้ทราบถึงปัญหาความวุ่นวาย โดยนายกฯ รับว่าจะนำเรื่องไปดำเนินการ แต่ท่านขอร้องให้ทหารทำหน้าที่ด้วยความเป็นธรรม ซึ่งตนยืนยันว่าตนทำอยู่แล้ว และอธิบายให้ท่านเข้าใจถึงเหตุผลและความจำเป็น ซี่งท่านก็เข้าใจ เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับรัฐบาล และนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนทั้งประเทศ ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ตนเป็นทหารของประชาชน ไม่ได้รังเกียจรังงอนใครสักคน ไม่ว่าสีไหนจะด่าตนยังไง ตนก็ไม่เกลียดเขา เพราะเกลียดไม่ได้ เขาเป็นคนไทย วันนี้สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นต้องแก้ให้ได้ เราฆ่าฟันกันไมได้ การใช้ความรุนแรงไม่เกิดประโยชน์ เพราะคนเจ็บตายก็คนไทยทั้งนั้น ถามว่า ถ้าคนเจ็บตายเป็นพี่น้องตัวเองจะยอมได้หรือไม่ ทุกคนต้องเคารพกติกา จะใช้ความรุนแรงกดดันกันไม่ได้

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับนายกฯ ในการเจรจากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็มีการพูดกันบ้างเล็กน้อย ทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่ตน แต่อยู่ที่คนพูดคุยกัน ตนไม่อยากเข้าไปอยู่ในส่วนตรงนี้ เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะคุยกันอย่างไรไม่ใช่เรื่องของตน หน้าที่ตนคือสร้างสภาวะแวดล้อมให้ปลอดภัย เรื่องอื่นเป็นเรื่องของการเมือง เรื่องผิดกฎหมายเป็นเป็นเรื่องของศาล กระบวนการยุติธรรม ส่วนทหารไปช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยของประชาชน ขณะที่ตำรวจไปติดตามจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย

เมื่อถามว่า ความวุ่นวายจะจบอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนกลับบ้านหมด ไปกินข้าวบ้าน แล้วให้กระบวนการทำงานไป ต้องกำหนดบทบาทของแต่ละฝ่ายให้ชัดเจน สังคมวันนี้จะหยุดได้โดยพวกเราช่วยกันให้ทุกคนเคารพกติกา และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ถ้าใช้อาวุธต่อสู้ไม่มีใครชนะ ซึ่งทหารก็ปล่อยไม่ได้ที่จะให้ทุกคนมารบกัน

“เราต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม หากเราไม่เชื่อมั่น ประเทศจะไปไม่ได้ ทุกประเทศต้องใช้กระบวนการยุติธรรม ส่วนจะเป็นธรรมหรือไม่ ต้องติดตามดู คิดว่าการตัดสินอะไรก็แล้วแต่ ท้ายสุดจะอยู่ที่กระบวนการตรวจสอบ พยานหลักฐาน และสิ่งที่พิสูจน์ทราบได้ชัดเจน และแก้ต่างได้หรือไม่ แต่จะถูกหรือผิด ไม่ได้อยู่ที่เราเป็นคนตรวจสอบ ผมไม่ก้าวล่วงอำนาจศาล เป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนพูดได้ว่า ใครถูกหรือผิด แต่พูดแล้วไม่เกิดประโยชน์ และสุดท้ายต้องเข้าไปสู่กระบวนการยุติธรรม และตัดสินด้วยการไม่ถูกบังคับ แต่ถ้าคิดว่า ตัดสินไม่ดีก็สามารถอุทธรณ์ ต่อสู้ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามถึงการปรับกำลังทหารในการดูแลสถานการณ์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะมีการปรับกำลังทหารให้มีความเหมาะสม และกำหนดบทบาทให้ชัดเจน เพราะถูกกล่าวหาว่า ไปดูแลใครเป็นพิเศษ ยืนยันว่าเราไม่ได้ไปดูแลให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ที่ต้องนำกำลังทหารไปดูแลเพราะพื้นที่ตรงนั้นเป็นที่หมายในการใช้อาวุธสงครามและการใช้ความรุนแรงทั้งในและนอกพื้นที่ หากเราลดจุดหนึ่งจุดใดลงไปจะทำให้สถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ซึ่งตนไม่โทษฝ่ายใด เมื่อฝ่ายหนึ่งใช้ อีกฝ่ายก็ต้องป้องกันเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนการดูแลความปลอดภัยในสถานที่ราชการนั้น เราวางกำลังอยู่ตามแผนของ ศรส. ซึ่งเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องไปดูแลสถานที่ราชการให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีต้องการให้ปรับบังเกอร์ทหาร เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้พยายามปรับอยู่ อาจจะปรับติดดอกไม้ เอาผ้าม่านสีชมพูมาติด แต่การดำเนินการเป็นไปตามโซนนิ่งเพื่อควบคุมดูแลความปลอดภัย ส่วนที่มีการใช้อาวุธสงครามเราก็ป้องกันอยู่ และที่สร้างบังเกอร์เพราะต้องใช้ป้องกัน เนื่องจากทหารไม่ได้ใช้อาวุธ แต่อาจจะทำให้บังเกอร์ดูนุ่มนวลลงหน่อย แต่ทหารก็คือทหาร จะให้อ่อนแอพับเพียบเรียบร้อยเป็นลิเกหรืออย่างไร


กำลังโหลดความคิดเห็น