xs
xsm
sm
md
lg

“สตรีเพื่อแม้ว” ป้อง “กะบังลม” ถูกเป่านกหวีดไล่ เหน็บ “ณัฐพล-ทยา” อันธพาลในคราบผู้ดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้สมัคร ส.ส.หญิง “เพื่อไทย” เรียงหน้าป้อง “นายหญิง” ฉะอันธพาลในคราบผู้ดีคุกคาม “อนุสรณ์” จี้ผู้บริหารเอ็มโพเรียมฟ้องม็อบนกหวีด ข้องใจท่าทีทหาร เอี่ยวอาวุธ-กำลังพล อ้าง กวป.ล้อม ป.ป.ช.แค่หยั่งเชิงองค์กรอิสระ 2 มาตรฐาน

วันนี้ (27 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ผอ.ศูนย์ติดตามผลกระทบจากการชุมนุมเฉพาะกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายณัฐพล ทีปสุวรรณ และนางทยา ทีปสุวรรณ แกนนำ กปปส.นำมวลชนเป่านกหวีดใส่คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ที่ห้างเอ็มโพเรียม ว่า เป็นการกระทำที่ไม่รู้จักผู้ใหญ่ สร้างความแตกแยกเกลียดชังในหมู่คนไทย กปปส.ทำลายสถาบันด้วยการเอาธงชาติมาผูกขาดเป็นของตนเอง ทำลายพระพุทธศาสนา เอาพระมาเป็นแกนนำผู้ชุมนุม ขัดขวางการเลือกตั้ง ใช้สถาบันฯมาทำลายบุคคลอื่น ใส่ร้ายว่าไม่จงรักภักดี นอกจากนี้ยังเอาผู้หญิงถ่อยๆ มาเป็นโฆษก เด็กเยาวชนซึมซับตัวอย่างที่ไม่ดี ยุคนี้เป็นเหมือนที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เคยทำนายไว้ว่า ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน ใช่หรือไม่

ขณะที่ น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความเห็นต่างเกิดขึ้นได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกรับไม่ได้ ทั้ง 2 คน มีการศึกษาแต่ไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นเลย การกระทำไร้ซึ่งวุฒิภาวะ พาลอาละวาดเหมือนสุนัขบ้า มีพฤติกรรมถ่อย เหมือนสวะเหม็นๆ ของสังคม อยากเชิญชวนให้ประชาชนช่วยกันออกมาประณามพฤติกรรมของบุคคลทั้งสอง

ด้าน นางปารีณา ปาจรียางกูร ผู้สมัคร ส.ส.ราชบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ กปปส.ยุติการใช้ความรุนแรง และขอให้นายณัฐพลไปใส่กระโปรง ส่วนนางทยาขอให้ลาออกจากผู้บริหารโรงเรียนศรีวิกรณ์ หลังจากแสดงให้เห็นถึงตัวอย่างที่ไม่ดี

ส่วน น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากถามว่าคณะกรรมการสิทธิฯอยู่ที่ไหนจึงไม่ออกมาแสดงท่าทีในเรื่องนี้ หรือว่าเลือกข้างชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ ประชาชนคงเห็นชัดเจนแล้วว่าพฤติกรรมที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และคงพึ่งหวังอะไรไม่ได้อีกต่อไป

นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากเป่านกหวีดแล้วยังมีการผลักคนติดตามคุณหญิงพจมาน ซึ่งเป็นกิริยาไม่เหมาะสม ทั้งที่เป็นคนมีการศึกษาชาติตระกูล แบบนี้เรียกว่าอันธพาลในคราบผู้ดีถ่อย

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตเหตุระเบิดมักเกิดกับ กปปส.เพียงฝ่ายเดียว ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ก.พ.มีเหตุยิงเอ็ม 79 เข้าไปตกในสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสและศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศรส.) จากการสนทนากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตรวจสอบพบมีระเบิดหนึ่งลูกที่ยิงเข้าไปตกใน ศรส.แต่ไม่ทำงาน ระเบิดลูกดังกล่าวมีเกลียวลำกล้องลักษณะคล้ายกับกระสุนที่บรรจุในเครื่องยิงแบบพิเศษที่สามารถบรรจุได้ 6 ลูก โดยเครื่องยิงดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจและคนทั่วไปไม่น่าจะมีในครอบครอง คำถามคือใครที่มีเครื่องยิงลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้เมื่อเชื่อมโยงกับการจับกุมนาวิกโยธินพร้อมอาวุธ ที่สารภาพภายหลังว่ามารับหน้าที่อารักขาแกนนำ กปปส.ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย แกนนำ กปปส.ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันสอดคล้องกันว่ามีทหารเป็นชุดปฏิบัติการคุ้มกันแกนนำ ตนขอให้ทหารออกมาอธิบายต่อสังคมและประชาชนว่าเกิดอะไรขึ้น และถามองค์กรอิสระยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าการชุมนุมของ กปปส.ยังสันติ อหิงสา ไม่มีอาวุธใช่หรือไม่

นายอนุสรณ์ กล่าวถึงกรณีแกนนำ กปปส.นำคลิปภาพนางทยา และนายณัฐพล ทีปสุวรรณ แกนนำ กปปส.เป่านกหวีดไล่ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ในห้างเอ็มโพเรียม และล่าสุดวันนี้ (27 ก.พ.) มีการรวบกลุ่มแสดงพลัง ผู้ค้าราชประสงค์ ราชดำริ ไล่ม็อบ กปปส.ตนขอแแนะนำให้กลุ่มผู้ค้าไปไล่สองสามีภรรยาที่ไปเป่านกหวีดก่อน เพราะถือเป็นตัวทำลายบรรยากาศ และขอตั้งข้อสังเกตการเป่านกหวีดในห้างเอ็มโพเรียมเป็นความพยายามทำลายคู่แข่งทางธุรกิจหรือไม่ เพราะภาพข่าวที่ปรากฏออกไปกระทบต่อลูกค้าไปห้างเอ็มโพเรียม จึงอยากเรียกร้องผู้บริหารเอ็มโพเรียมให้ฟ้องกลุ่มที่เป่านกหวีด เพื่อยืนยันไม่เกี่ยวกับกระบวนการของ กปปส.และเป็นการพิทักษ์สิทธิ์ทางธุรกิจ ในทางกลับกันขอถามว่าหากมีแกนนำของพรรคเพื่อไทยไปเดินในโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กปปส.จะตามไปเป่าหรือไม่ หรือมีคนเสื้อแดงไปเดินไปในห้างเกษรพลาซ่า จะกล้าตามไปเป่าหรือเปล่า หรือถ้ามีใครไปใช้บริการในเครือของตระกูลศรีวิกรม์ หรือทีปสุวรรณจะไปเป่าหรือไม่ เรื่องนี้เหมือนเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะนอกจากจะแสดงออกถึงการต่อต้านแล้วยังทำลายธุรกิจห้างสรรพสินค้าในย่านนี้ไปด้วยในตัว

ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายตัวแทนรับทราบข้อกล่าวหาโครงการรับจำนำข้าว กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถือเป็นสิทธิทำได้ ป.ป.ช.จะเร่งรัดพิจารณาคดีดังกล่าว โดยอ้างว่านายกฯไม่ได้มารับทราบข้อกล่าวและชี้แจงด้วยตัวเองไม่ได้ และพรรคประชาธิปัตย์จะหาเหตุมาอ้างว่านายกฯหนีความผิดก็ไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิที่จะดำเนินการได้ ดังนั้นจึงต้องฟ้องประชาชนไว้ก่อน ส่วนกรณีกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ไปชุมนุมปิดสำนักงาน ป.ป.ช.นั้น ขอยืนยันว่า กวป.ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย แต่ได้ตั้งข้อสังเกตถึงยุทธวิธีของ กวป.ว่าอาจจะเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ ที่มาจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรมนูญ เพราะเมื่อเห็นว่า กปปส.เคยทำแล้วศาลเห็นว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบแล้ว ก็น่าจะทำได้เช่นเดียวกัน เมื่อ กปปส.ทำได้ กวป.ก็น่าจะทำได้ ถ้าสิ่งที่กวป.ทำกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย นนั่นหมายความว่าประเทศนี้มีสองมาตรฐาน


กำลังโหลดความคิดเห็น