กลุ่ม กวป.บุก ป.ป.ช. ปิดประตูโซ่คล้องพร้อมล็อกกุญแจห้ามรถและคนเข้า-ออก พร้อมตั้งเวทีปราศรัยโจมตีการทำหน้าที่ เผาโลงศพ “วิชา มหาคุณ” ยันจะปักหลักค้างคืนเพื่อไม่ให้นายกฯ เข้ารับทราบข้อกล่าวหล่าวหาทุจริตจำนำข้าวในวันพรุ่งนี้ ด้านกลุ่มตัวแทนภาคประชาชนยื่น จม.สนับสนุนการทำหน้าที่ ปปช.ก่อนแยกย้ายกันกลับ
วันนี้ (26 ก.พ.) กลุ่ม กวป.นำโดยนายชาญ ไชยะ รองประธาน กปว. นายสมศักดิ์ ล้อเพชรรุ่งเรือง เลขาธิการ กวป. นายนายศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษก กวป.พร้อมประชาชนกลุ่ม กปว.ประมาณ 200 คนรวมตัวเดินทางปิดสำนักงาน ป.ป.ช.โดยใช้โซ่คล้องพร้อมล็อกกุญแจห้ามรถและคนเข้า-ออกเด็ดขาดและปิดถนนการจราจรฝั่งด้านหน้า ป.ป.ช. ช่องทางขาออกมุ่งหน้าถนนติวานนท์ พร้อมตั้งเวทีปราศรัยซึ่งจะมีการปักหลักค้างคืนหน้า ป.ป.ช.ในคืนนี้ ขณะรอเวทีมีการใช้รถขยายเสียงโจมตีการทำงานของ ป.ป.ช.ตลอดเวลา และในเวลา 11.40 น.กลุ่มประชาชนได้นำโลงศพมาเผาที่ด้านหน้า ป.ป.ช. โดยมีการเขียนบนโลงศพก่อนที่จะทำการเผาว่า “เลือกปฏิบัติ ไอ้คนขี้กบฏ, ป.ป.ช.สำนักงานปกป้องประชาธิปัตย์ ชาตะ : คมช. มรณะ : 26 ก.พ. 57” พร้อมวางรูปนายวิชา มหาคุณแล้วเผาพร้อมโลงศพ ซึ่งตลอดเวลามีเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกประมาณ 50 นาย
ต่อมาเวลา 13.30 น.ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่อยู่ใกล้กับสำนักงาน ป.ป.ช.ได้สั่งให้เจ้าหน้าหยุดงานทันทีและกลับบ้าน โดยมีรถตู้ทยอยออกจากกองสลาก แต่ทางการ์ดของกลุ่ม กวป.ได้มีการตรวจค้นรถทุกคัน เนื่องจากเกรงว่าจะมีคณะกรรมการของ ป.ป.ช.หลบออกไป ซึ่งจุดประสงค์ในการชุมนุมของกลุ่ม กวป.เพื่อให้คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.หยุดงานและเป็นการปิดเพื่อไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามารับทราบข้อกล่าวหากรณีโครงการจำนำข้าวในวันพรุ่งนี้ (27 ก.พ. 57)
ด้านภาคประชาชนรวมตัวกันประมาณ 200 คน นำโดยนางศรัณย์ภัสสร ศาตะมาน ตัวแทนนักธุรกิจเพื่อเดินทางมายื่นจดหมายเปิดผนึกแก่คณะกรรมการ ป.ป.ช.พร้อมทั้งแสดงออกทางสัญลักษณ์ถือป้ายเรียกร้องให้ปฏิบัติหน้าที่ เที่ยงตรง เที่ยงธรรม นำความสุข เพื่อให้คณะกรรมการทั้งหมดตั้งอยู่ในความเที่ยงตรงและให้สถานการณ์บ้านเมืองดีไม่เลวร้ายไปกว่านี้
ซึ่งในขณะนี้ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน เกิดการแตกแยกครั้งใหญ่ในสังคมไทย โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่พรรคการเมือง นักการเมือง และกำลังลุกลามขยายตัวไปสู่ประชาชนในวงกว้างทุกระดับ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพและสันติสุขของประเทศที่ผ่านมา นักการเมือง พรรคการเมืองแต่ละฝ่ายมีการกล่าวหาอีกฝ่ายด้วยข้อมูลที่จริงบ้าง เท็จบ้างเพื่อทำลายล้างซึ่งกันและกัน
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีบทบาทหน้าที่สูงมากทั้งในอดีตและปัจจุบันในการธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมให้แก่สังคม และเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่าบทบาทหน้าที่ของ ป.ป.ช. คือหนึ่งในกระบวนการยุติธรรม ไม่แตกต่างจากศาลชั้นต้นในการให้ความยุติธรรมแก่คู่กรณี อีกทั้งในหลายสถานการณ์ ป.ป.ช. มักถูกฝ่ายการเมืองใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดศัตรูฝ่ายตรงข้ามอย่างแยบยล ป.ป.ช.ต้องตระหนักในหน้าที่ของตนเองว่ามีความสำคัญต่อสถานการณ์โดยรวมของบ้านเมือง และควรตั้งมั่นในศักดิ์ศรีและเกียรติยศขององค์กรที่จัดตั้งตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญปี 2542 อีกทั้ง ป.ป.ช.พึงปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงตรง ไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่กลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองหรืออำนาจแฝงนอกระบบใดๆ
ในช่วงที่ผ่านมา มีข่าวหนาหูทางสื่อสารมวลชนที่ได้นำเสนอทำนองว่า ป.ป.ช.มีพฤติกรรมที่มีอคติในการปฏิบัติหน้าที่ต่อกรณีโครงการช่วยเหลือชาวนาของรัฐบาล โดยเลือกที่จะเร่งรัดตรวจสอบและเร่งรีบแจ้งข้อกล่าวหาต่อรัฐบาลปัจจุบันในโครงการรับจำนำข้าว แต่ละเลยที่จะตรวจสอบโครงการประกันราคาข้าวของรัฐบาลที่แล้วในมาตรฐานเดียวกัน ทั้งๆ ที่เหตุเกิดมานานหลายปีแล้ว และเป็นที่ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการทุจริต และล้มเหลวมาก่อนพวกเราในฐานะประชาชนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งต่อบทบาทของกรรมการ ป.ป.ช. บางท่านที่หมั่นออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยท่าทีที่ค่อนข้างจะมีอคติ ผิดวิสัยที่กรรมการ ป.ป.ช.พึงปฏิบัติ พวกเราจึงรวมตัวกันมาเรียกร้องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งหมดให้ตั้งอยู่บนความเที่ยงตรง มีมาตรฐานเดียวกัน มีความเที่ยงตรง ทั้งนี้เพื่อไม่เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ของบ้านเมืองให้เข้าสู่ทางตันเลวร้ายมากยิ่งขึ้น พวกเราอยากเห็นทางออกของประเทศ และพวกเราเชื่อว่า ป.ป.ช.อยู่ในสถานะที่จะช่วยบ้านเมืองได้
ในขณะที่ประชาชนยื่นจดหมายได้มีกลุ่ม นปช.นำรถขยายเสียงมาปิดประตูด้านหน้า ป.ป.ช. ทำให้กลุ่มภาคประชาชนต้องรีบยื่นจดหมาย และอ่านแถลงการณ์ต่อนายสุชาติ ฉิมน้อย ผอ.สำนักการข่าวและกิจการพิเศษ ตัวแทน ป.ป.ช.ที่ออกมารับจดหมายจากทางภาคประชาชนก่อนแยกย้ายกันกลับ