กมธ.การเงินจัดเสวนาช่วยชาวนาอย่างไรไม่ขัด รธน. “อัมมาร” ชี้รัฐบาลทำขายหน้า วินัยการคลังพัง หลังติดหนี้ชาวนา 1.3 แสนล้าน แถมจงใจปกปิดข้อมูล อดีต รมว.คลัง แนะต้องประมูลล็อตใหญ่เดือนละ 2 ล้านตันต่อเดือน ส่วนทางออกคืนข้าวและโรงสีช่วยจ่าย 50% เอาระเบียบอะไรมาใช้ ส่วนข้อเสนอเลือกตั้งให้จบใช้เวลานาน รัฐบาลลาออกง่ายกว่า นายกสมาคมโรงสีข้าวเชื่อรัฐไม่กล้าขายแบบจีทูจี ส.ว.สรรหาชี้ทางเดียวไม่ใช้รัฐบาลชุดปัจจุบัน
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา ได้จัดเสวนา “ช่วยชาวนาอย่างไร โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และรักษาวินัยการเงิน การคลัง” โดยนายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า เมื่อวันนี้รัฐบาลเป็นหนี้ชาวนาจึงเป็นภาระผูกพันไปถึงรัฐบาลชุดต่อไป การดำเนินการในฐานะรัฐบาลรักษาการ สุ่มเสี่ยงที่จะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 181 (3) แต่น่าจะจ่ายได้เฉพาะกรณีใบประทวนที่ออกก่อนยุบสภา วันที่ 9 ธ.ค. 2556 หากมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา คิดว่าอาจมีการอนุโลมได้ ถ้ารัฐบาลยอมรับความแพ้ว่าอั๊วไปกู้เงินมาเยอะแล้ว ไม่มีเงินจ่าย สามารถรีไฟแนนซ์ได้เฉพาะหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนยุบสภา แต่หนี้ที่เกิดหลังการยุบสภาก็ต้องไปหาทางออกอย่างอื่น ซึ่งตนก็ยังไม่ทราบ การที่รัฐบาลไม่มีสภาพคล่องต้องกลายเป็นหนี้ชาวนาถึง 1.3 แสนล้านบาท เป็นความอับอายขายหน้า แสดงให้เห็นว่าวินัยการเงินการคลังพังไปแล้ว
นายอัมมารกล่าวว่า การกู้เงินเป็นแสนล้านบาทต้องผ่านรัฐสภา ต้องให้รัฐสภามีส่วนรับรู้และอนุมัติก่อน อย่างน้อยต้องตึ๊งไว้กับรัฐสภาเป็นการสัญญาว่าจะทะลุกรอบที่เสนอไม่ได้ นอกจากนี้ การไม่นำใบประทวนไปทำบัญชี จึงไม่มีทางรู้ว่าเงินหมด ถือว่ารัฐบาลจงใจไม่ให้เกิดข้อมูลเพื่อความโปร่งใส ทั้งเรื่องราคา และอันดับการขาย หากไม่ยุบสภาก็คงขยายเพดานกู้ไปเรื่อยไม่จำกัด ดังนั้นช่วงการปฏิรูปจึงอยากให้แก้ไขช่องโหว่นี้ที่ทำลายวินัยการเงินการคลังอย่างรุนแรง แม้ประชานิยมจะทำได้แต่ต้องไม่ใช่ได้มาง่ายๆ ด้วยการบอกว่าจะแจก ต้องพร้อมบอกถึงต้นทุน การที่ป.ป.ช.ใช้เวลาตรวจสอบเรื่องนี้นาน ถือว่ามีจริยธรรมถ้าจะเล่นงานคดีอาญา ก็ต้องจับให้มั่นคั้นให้ตาย ซึ่งหัวใจการคอร์รัปชันจำนำข้าวคือช่วงขายข้าว รัฐบาลอ้างแต่การขายข้าวจีทูจี แล้วสงสัยหรือไม่ว่าข้าวที่เรากินวันนี้มาจากไหน สาวไปสาวมามันก็เล็ดลอดจากการคอร์รัปชัน จีทูจีกับจีนจึงเป็นเรื่อง โกหก ต้องมีผู้รับผิดชอบที่นอกจากคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ก็คือกลุ่มการเมืองและระบบราชการ เมื่อทำผิดก็ต้องรับผิด ทำถูกจึงจะรับชอบ
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า มีทางออกในการแก้ปัญหานี้ 3 ทาง คือ การเงิน การตลาด และการเมือง การแก้ปัญหาด้วยวิธีทางการเงินทำได้ยาก แม้จะอ้างว่ากฤษฎีกาตีความว่าให้กู้เงินมาจ่ายหนี้ชาวนาได้ แต่ก็เป็นหนี้ที่ผูกพันไปถึงรัฐบาลต่อไป และยังเป็นการลิดรอนสิทธิของรัฐบาลใหม่ หากจะโยกวงเงินในกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ จากกระทรวงคมนาคมมาแก้ปัญหานี้ และการกู้เงินยังมีความเสี่ยง เพราะธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ให้กู้ อาจตกเป็นผู้สนับสนุนการทำผิด ซึ่งรัฐบาลใหม่อาจฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องลงนามพร้อมยอมรับความเสี่ยงทุกอย่างแทนข้าราชการที่รับผิดชอบ แต่ก็ยังยาก ดังนั้นแนวทางปลอดภัยที่สุด คือ การขายข้าว แต่ไม่ใช่แบบจีทูจี ต้องเปิดประมูลล็อตใหญ่ 2 ล้านตันต่อเดือน ถ้าทำแบบนี้เชื่อว่าภายใน 6-8 เดือน จะมีเงินไปปลดหนี้ชาวนาได้ แต่อาจมีปัญหาเรื่องสต็อกว่ามีอยู่จริงหรือไม่
นายธีระชัยกล่าวว่า ส่วนข้อเสนอจะคืนข้าวชาวนา ปริมาณ 1.5 เท่าที่รับจำนำเพื่อชดเชยให้ชาวนา ยังติดปัญหาว่าจะใช้ระเบียบใดมาปฏิบัติ หรือการขอให้โรงสีช่วยจ่าย 50% ในวงเงินใบประทวน แต่มีปัญหาว่ารัฐบาลจะเอาระเบียบการคลังใดมาเป็นแนวปฏิบัติ หรือจะใช้เทคนิคออกเป็นตราสารหนี้ จะเอาสต๊อกข้าวจากไหนมาเป็นหลักประกัน จะมีใครกล้าจะรับประกันว่าสต็อกข้าวมีอยู่ครบ ส่วนทางออกในแง่การเมือง คือ รัฐบาลต้องหาทางผลักดันให้การเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 2 ก.พ.จบโดยเร็ว แต่คงยากเพราะต้องคุยกับ กปปส. ซึ่งวิธีนี้ใช้เวลานาน ดังนั้นวิธีการเร็วที่สุด คือ รัฐบาลรักษาการลาออกเพื่อให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะไม่ติดข้อจำกัดในการกู้เงิน
ด้านนายนิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า เชื่อว่ารัฐบาลคงไม่กล้าขายข้าวแบบจีทูจีแล้ว เพราะสต๊อกตลาดโลกล้นเกิน 100 ล้านตัน ที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศจะขายในตลาดโลก ตนจะรอดูว่าจะขายได้เท่าไหร่ เพราะรู้มาว่าร่างทีโออาร์กำหนดให้จ่ายเงินภายใน 180 วัน จึงเป็นปัญหาว่าระหว่างนั้นชาวนาจะเอาเงินมาจากไหน ได้คุยกับเจ้าของโรงสีเขาก็อยากรับซื้อ แต่เงื่อนไขในทีโออาร์บีบให้เขาต้องจ่ายเงินภายใน 30 วัน อาจเร็วไป เพราะโรงสีต้องนำข้าวเปลือกไปสีก่อนส่งขายยี่ปั๊ว ส่วนวิธีที่จะให้นำใบประทวนไปจำนำกับโรงสี ในวงเงิน 50% ยังเถียงกันว่าจะให้ในราคาตลาดที่ 8,000 บาท หรือราคารับจำนำที่ 15,000 บาท และทางโรงสีเขากังวลว่าอาจซ้ำรอยกรณีโรงสีสิริพินโย ที่ซื้อข้าวเหนียวในราคาทุนรัฐบาล แต่ครม.ไม่สามารถออกเป็นมติ ครม.ได้ ทำให้ถูกฟ้องร้อง 120 ล้านบาท หรือถึงทำได้ก็อาจเกิดปัญหาสภาพคล่องอีก
นายนิพนธ์กล่าวต่อว่า เชื่อว่าข้าวที่นำมาจำนำ 80-90% ถูกสีเป็นข้าวสารแล้ว แต่สามารถคืนในรูปแบบข้าวสารได้ แต่มีปัญหาเรื่องคุณภาพข้าวอีก แถมเซอร์ไวเยอร์ยังมีส่วนรู้เห็นอีก ดังนั้นผู้ที่รู้ว่าข้าวคุณภาพมาจากโรงสีใด จึงมีแต่พรรคพวกใกล้ชิดนักการเมืองเท่านั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ตามของเสนอของนายอัมมารว่าใบประทวนที่ออกก่อนวันที่ 9 ธ.ค. 2556 ให้เปลี่ยนจากการจำนำ 15,000 บาท เป็นการชดเชยจากต้นทุนการผลิตที่ตันละ 2,100 บาท ซึ่งตนคิดว่าไม่ขัดกฎหมาย ไม่ขัดวินัยการเงินการคลัง และกำหนดช่วยชาวนาเฉพาะรอบก่อนการประกาศยุบสภา
นางอัจนา ไวความดี อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการเงินฯ กล่าวว่า ปัญหาตอนนี้คือรัฐบาลขาดสภาพคล่อง และยากที่จะขายข้าวได้ในเวลาอันสั้น การนำใบประทวนไปจำนำอาจช่วยแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง แต่ได้ไม่มาก ส่วนวิธีการคืนข้าวให้ชาวนาปริมาณ 1.5เท่าที่รับจำนำ ไม่แน่ใจอาจเป็นการสร้างภาระให้รัฐบาลใหม่ หรือตามกฎหมายจะทำได้หรือไม่ แต่อาจมีวิธีแก้ไขในระยะยาว คือ นโยบายประชานิยมทุกรูปแบบต้องทำให้ออกมาในรูปแบบของกฎหมายผ่านรัฐสภา แม้รัฐสภาจะยกมือผ่านให้รัฐบาล แต่ยังดีกว่าให้ฝ่ายบริหารอนุมัติวงเงินจำนวนมากที่อาจเกิดการขาดทุนได้
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า มีทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ คือ ต้องไม่ใช่รัฐบาลชุดปัจจุบัน หากมีรัฐบาลคนกลางมาบริหารแทนจะไม่มีข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 เหมือนรัฐบาลรักษาการนี้ เข้ามาเมื่อไหร่ก็ออกมติช่วยเหลือชาวนาได้ทันที และสังคมยอมรับ และต้องหยุดระบบจำนำข้าว จากนั้นขายข้าวให้หมดเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ โดยช่องทางที่รัฐบาลรักษาการจะพ้นไปมี 2 ช่องทาง คือ 1. ลาออก 2. พ้นไปโดยกฎหมาย คือ องค์กรอิสระที่ตรวจสอบอยู่ถ้ารอ ป.ป.ช.พิจารณาเรื่องจำนำข้าวอาจใช้เวลานาน และถึงชี้มูลความผิดไปแล้วก็แค่หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่มันมีเรื่องร้องทุจริตเลือกตั้งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีอยู่ที่กกต. ถ้ากกต.จะกระชับเวลาการตรวจสอบให้เร็วขึ้น แล้วให้ใบแดง น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งรวมไปถึงครม.ทั้งคณะด้วย เพื่อเปิดทางรัฐบาลคนกลางเข้าสู่กลไกได้ อาจมีการเยียวยาจ่ายเงินชดเชยให้ชาวนา ส่วนระยะยาวต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์การมอง ไม่ใช่ผลิตข้าวให้มากขึ้น แต่ต้องควบคุมปริมาณการผลิต เพื่อช่วยเหลือชาวนารายเล็กที่ยากจน ไม่ใช่ช่วยนักธุรกิจชาวนา
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้เดินหน้ามองแต่ฟ้า ไม่มองที่เท้าจนตกหลุมตกท่อ แล้วก็โทษคนโน้นคนนี้ ไม่ใช่ว่าเราไม่ทักท้วงโครงการนี้ เราทักท้วงแล้วแต่รัฐบาลยืนยันมั่นใจว่าทำได้ ที่เรามาชุมนุมยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง และกลุ่มชาวนาที่มาชุมนุมวันนี้ต้องการให้ยกเลิกโครงการไปเลย วันใดที่มีการปฏิรูปตนจะนำแผนปฏิรูปชาวนาที่ยกร่างไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ด้านชลประทาน การคัดคุณภาพข้าว การตลาด โรงสี ทุกด้านที่เป็นประโยชน์ของชาวนาเราคิดไว้หมดแล้ว ต่างจากรัฐบาลที่ไม่มีอะไรเลย ล่าสุดได้รับแจ้งว่าเริ่มมีการทยอยขนข้าวออกจากโรงสีทั้งวันทั้งคืน อย่างที่โรงสี จ.สระบุรี แห่งหนึ่งมีข้าวอยู่ 10 ล้านกระสอบ ขนกันตลอดวัน พอถามไปก็บอกว่าเป็นโครงการจีทูจี ถามไปยังรัฐบาลก็ตอบไม่ได้ ดังนั้นใน 1-2 วันนี้ ตนจะพาพี่น้องชาวนาไปเปิดโกดังเพื่อตรวจสอบดูว่ามีข้าวในสต๊อกเท่าไหร่ คุณภาพเป็นอย่างไร