กปปส.คึกคัก “สุเทพ” นำมวลชนเดินรณรงค์ไล่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” รับบริจาคช่วยชาวนา ขณะที่ กปปส.เวทีสวนลุมแบ่งกำลังช่วยสหภาพรัฐวิสาหกิจฯ หลังมีข่าว ศรส.เตรียมใช้กำลังบุกมหาดไทย พร้อมเล็งยึด สตช.แบบเบ็ดเสร็จ หลังตำรวจสองมาตรฐาน ปล่อยผู้ชุมนุมได้รับอันตราย แต่เร่งคดี “ขวัญชัย” แกนนำแดง ส่วน “ถาวร” เผยเตรียมส่งทนาย นำเอกสารร้องศาลแพ่งเพิ่มเติม ขอคุ้มครองชั่วคราว
การชุมนุมของกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เช้าวันนี้ (10 ก.พ.) มวลชนจากเวทีแยกปทุมวัน ตื่นขึ้นมาปฏิบัติภารกิจส่วนตัว เพื่อเตรียมความพร้อมในการไปร่วมเดินรับบริจาคเงินช่วยเหลือชาวนาซึ่งเป็นวันที่ 2 โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.เป็นผู้นำขบวน โดยในวันนี้ขบวนจะเริ่มที่สถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัย ในเวลา 10.00 น.ไปตามถนนสุขุมวิท ขณะที่กิจกรรมบนเวทีมีการเปิดเพลงเพื่อเป็นการปลุกใจ และสร้างบรรยากาศให้ผู้ชุมนุม ด้านเต็นท์ครัวอาสากำลังทยอยประกอบอาหารไว้แจกจ่ายผู้ชุมนุมสำหรับการรักษาความปลอดภัยนั้น ยังคงมีการวางการ์ดคอยดูแลอย่างเข้มงวดทุกจุดเข้า-ออก
ด้านนายอิสสระ สมชัย แกนนำ กปปส.เวทีสวนลุมพินี สีลม เปิดเผยว่า วันนี้เวทีสวนลุมพินี สีลม จะมีการจัดเคลื่อน 2 ขบวน โดยขบวนแรกจะออกเดินทางไปสมทบกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เพื่อเดินรณรงค์ขับไล่รัฐบาล และหาเงินช่วยเหลือชาวนา ส่วนอีกขบวนจะไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้ชุมนุมกลุ่ม สรส. หลังจากมีกระแสข่าวว่า ศรส. จะเข้าสลายการชุมนุมในเร็วๆ นี้
นายอิสสระกล่าวว่า กรณีของนายสาธิต เซกัล ซึ่งพำนักอาศัยทำงานในประเทศไทย กว่า 50 ปี ที่ถูก ศรส.มีคำสั่งเนรเทศนั้น ยังไม่มีเอกสารอย่างเป็นทางการ เพราะผู้บังคับบัญชาสูงสุดไม่กล้าลงนาม เพราะอาจจะถูกฟ้องกลับในมาตรา 157 ส่วนความสัมพันธ์กับชาวนา ยืนยันว่าจะเดินหน้าช่วยเหลือ ส่วนการที่มีใครบางคนออกมาพูดว่า ต้องช่วยแบบไร้เงื่อนไขนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะได้มีการพูดคุยกับผู้ชุมนุมกลุ่มชาวนาแล้วว่า เงินที่มอบให้นั้นไม่สามารถนำไปแบ่งปันให้กับชาวนาได้ ต้องนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการชุมนุม และการฟ้องร้องเอาผิดรัฐบาลเท่านั้น
นายอิสสระยังกล่าวด้วยว่า จากการที่ได้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำงานแบบไม่สนใจความทุกข์ของประชาชน ปล่อยปละละเลยให้ผู้ชุมนุมได้รับอันตราย และไม่มีความคืบหน้าใดๆ ซึ่งตรงข้ามกับคดีของนายขวัญชัย ไพรพนา ซึ่งอยู่ฝ่ายเดียวกับรัฐบาล ที่มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้กำลังคิดว่าอาจจะต้องไปปิด หรือยึดสำนักงานตำรวจแห่งชาติแบบเด็ดขาดในเร็วนี้
ส่วนนายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส.กล่าวว่า ได้หารือ แกนนำ กปปส.เพื่อเตรียมส่งทนายความยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง รัชดาฯ พิจารณาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำสั่งเรื่องคุ้มครองชั่วคราวในคดีที่ได้ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้อำนวยการ ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เพราะขณะนี้เห็นว่าฝ่ายรัฐกระทำการเกินกว่าคำสั่งศาลแพ่งและเป็นการละเมิดสิทธิ โดยจะยื่นคำร้องเพิ่มเติมในวันนี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ศาลแพ่งสั่งให้จำเลยทั้ง 3 ยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาลด้วย ส่วนช่วงเวลาที่จะมายื่นคำร้องนั้นจะขอหารือกับทนายความอีกครั้ง
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม จำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำโต้แย้งเรื่องเขตอำนาจของศาลว่าคดีนี้อยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครองและขอให้ศาลแพ่งชะลอการพิจารณาชั่วคราวก่อน แต่ศาลแพ่งพิเคราะห์แล้วเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยแล้วว่าคดีไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจของศาลปกครอง ดังนั้น ศาลปกครองจึงไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดีและสิทธิเสรีภาพของประชาชน สามารถนำเข้าสู่กระบวนการของศาลยุติธรรมได้ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 216 วรรค 5 โดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นถือเป็นเด็ดขาดและมีผลผูกพันทุกองค์กร จำเลย จะโต้แย้งไม่ได้ ศาลแพ่งจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง อย่างไรก็ตาม คดีนี้ ศาลแพ่งได้นัดชี้ 2 สถาน เพื่อตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 12 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.
