“สุเทพ” เปิดเสวนาปฏิรูปประเทศนัดแรกย้ำ 5 เรื่องหลัก ตั้งเป้า 18 เดือนเสร็จ ยันไม่ได้คิดช่วงชิงอำนาจ ไล่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เสร็จกลับบ้าน แนะคนที่มาเป็นรัฐบาลชั่วคราว และสภานิติบัญญัติที่จะมาทำหน้าที่ปฏิรูป ต้องเว้นวรรคการเมือง 1-2 สมัย แนะเลิก ส.ส.ปาร์ตี้ลีสต์ เหตุมีแต่นายทุน นักเลง เจ้าของบ่อนเยอะ เล็งเชิญนักวิชาการ 7 องค์กรธุรกิจเข้าร่วมจัดทำพิมพ์เขียว ด้านบุคลากรทางการแพทย์ เสนอปฏิรูปองค์กรอิสระ รื้อ กม.เลือกตั้ง กม.พรรคการเมือง ดึงทุกสีทุกกลุ่มเข้าร่วม
ที่ห้องประชุมชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร วันนี้ (8 ก.พ.) กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) จัดกิจกรรมสานพลังสู่การปฏิรูปเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการนำเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ ในกลุ่มสาขาแพทย์พยาบาล กลุ่มวิชาชีพด้านสุขภาพ โดยมีตัวแทนแพทย์โรงพยาบาลมหิดล โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ รวมทั้งตัวแทนชมรมแพทย์ชนบท และกลุ่มต่างๆ ทางการแพทย์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวเปิดงานว่า การเริ่มต้นวันนี้มีความหมายต่อการปฏิรูปประเทศตามที่ กปปส. ตั้งใจไว้ และสิ่งที่เคยประกาศบนเวทีเกี่ยวกับเจตนารมณ์ของการปฏิรูปประเทศเป็นเพียงการประมวลภาพความต้องการของประชาชนเพียงกว้างๆ 5 เรื่อง คือ 1.ปฏิรูปกระบวนการทางการเมือง 2.ปฏิรูปปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ให้ประชาชนตรวจสอบรัฐบาลได้ 3.ปฏิรูปการกระจายอำนาจการปกครอง 4.ปฏิรูปความเหลื่อมล้ำในสังคม และ 5.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหลักคือใช้เวลาไม่มากจะต้องให้เสร็จภายใน 18 เดือน หากนานกว่านั้นรัฐบาลชั่วคราวอาจยึดติดอำนาจ คงได้เป่านกหวีดอีก ถ้าทำได้ประเทศจะไม่เสียหาย
“พวกเราไม่ได้ต้องการช่วงชิงอำนาจรัฐบาล เพราะการตั้งรัฐบาลชั่วคราวผมก็ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ทำงานเสร็จก็กลับบ้านไม่ลงเลือกตั้งอีก และอาจเสนอว่าใครที่มาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลจะไม่ต้องลงเลือกตั้ง ให้เว้นวรรค 1-2 สมัย รวมทั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติด้วยเพื่อความบริสุทธิ์ และเมื่อวางกฎเกณท์เสร็จก็จะพิมพ์เขียวต่างคนกลับไปทำอาชีพตนเอง สำหรับระบบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก่อนหน้านี้ที่คิดว่าดี แต่ตอนนี้ก็คิดว่าไม่ใช่แล้ว เพราะมีทั้งเจ้าของบ่อน นักเลง มีคนดีน้อยมาก รวมทั้งพวกที่ร่วมลงหุ้นกับพรรคการเมืองก็มาอยู่ในบัญชีรายชื่อทั้งนั้น เชื่อว่าขณะนี้รัฐบาลไม่มีทางไป ไม่มีทางอยู่ได้แล้ว จะเอาหน้าหรือหัวลง หรือวิธีไหนก็เร็วๆ นี้”
นายสุเทพ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นเวทีเสวนาครั้งแรก และสัปดาห์หน้าตนจะส่งสารไปยังอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ ให้จัดเสวนาเพื่อระดมสมองทำพิมพ์เขียวลักษณะนี้ และอยากให้ส่งสัญญาณไปยังองค์กรเอกชน โดยเฉพาะ 7 องค์กรธุรกิจที่เคยเคลื่อนไหวแต่ขณะนี้กลับยังนิ่งเฉยอยู่ เนื่องจากอยากให้มาช่วยคิด เพราะมวลชนที่เคลื่อนไหวไม่ได้พูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งขอเดาว่าการที่นิ่งเฉยเพราะยังไม่รู้ว่าข้างไหนจะชนะ หรือแพ้
ขณะที่ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป อดีตคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ในฐานะผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า เวทีนี้มี 3 เงื่อนไขที่จะระดมความคิด คือ 1.การก้าวเข้าสู่รัฏฐาธิปัตย์ 2.การมีรัฐบาลเฉพาะกาล เพื่อเปลี่ยนผ่าน และ 3.การมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พร้อมรัฐบาล โดยจะขอถามว่า 18 เดือน ต้องการปฏิรูปอะไรบ้าง เห็นด้วยกับ 5 ประเด็นของ กปปส. หรือจะเพิ่มเติมอะไรหรือไม่ และขอเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม เมื่อได้ข้อสรุปจะเสนอต่อ กปปส.
ทั้งนี้ จากการพูดคุยได้ข้อสรุปว่า บุคลากรทางการแพทย์เห็นว่า การปฏิรูปต้องดูแลป้องกันควบคุมความรุนแรงระหว่างการปฏิรูป และกระบวนการปฏิรูปต้องเปิดรับคนทุกสีไม่ยึดติดตำรา หรือพิมพ์เขียว แต่ให้นำมาเป็นแนวทาง จัดให้มีสภาประชาชน เพื่อนำไปสู่พัฒนาการมีส่วนรวมของประชาชน และทำงานควบคู่กับสภานิติบัญญัติ และต้องปฏิรูปองค์กรอิสระ เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เนื่องจากจัดตั้งมานานแล้วจึงต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม
ส่วนด้านกฎหมาย ต้องมีการแก้ไขพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พระราชการบัญญัติการเลือกตั้ง และรัฐธรรมนูญบางส่วน ขณะที่การออกกฎหมายกระจายอำนาจต้องตรวจสอบความพร้อมแต่ละจังหวัดด้วยว่ามีความพร้อมหรือไม่