กมธ.ต่างประเทศ วุฒิสภา ถกผลหลังคุยสภาคองเกรส สหรัฐฯ เรื่องม็อบเมืองไทย ก่อนเรียก อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ฝากข้าราชการรักษาผลประโยชน์ของชาติ อย่ารับใช้การเมือง ต้องเสนอข้อมูลเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เจ้าตัวอ้าง “บัน คีมูน” โทร.คุย “ยิ่งลักษณ์” เอง ยันไม่ทำลายศักดิ์ศรีชาติ แต่โบ้ยทูตแต่ละชาติแจงข้อมูลตามใจ แถมบางเรื่องจุ้นฝ่ายการเมืองไม่ได้ อ้างต่างชาติมองแค่เลือกตั้งคือประชาธิปไตย
วันนี้ (5 ก.พ.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. การประชุมคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา มีนางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ ส.ว.พิษณุโลก เป็นประธาน โดยก่อนการเริ่มประชุม นางพิกุลแก้ว ได้รายงานผลการเดินทางไปชี้แจงทำความเข้าในกับสมาชิกสภาคองเกรส สหรัฐอเมริกา โดยช่วงแรกหลายคนยังไม่เข้าใจว่าทำไมกลุ่ม กปปส.ต้องออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ โดยเฉพาะการขัดขวางการเลือกตั้ง แต่เมื่ออธิบายเขาก็เข้าใจ
จากนั้นได้เชิญ น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เข้าชี้แจง โดยกรรมาธิการฯ ส่วนใหญ่ได้ตั้งข้อสังเกตฝากไปถึงข้าราชการประจำถึงความน่าเชื่อถือของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์ อำนวยการรักษาความสงบ (ศรส.)ที่เป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ดังนั้นการทำหนังสือชี้แจงไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่าจะเป็นข้อเท็จจริงแค่ไหน เพราะอาจมีการเลือกหยิบเอาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตนเองเท่านั้น ทั้งนี้ กรมองค์การระหว่างประเทศจะมีส่วนในการชี้แจงข้อเท็จจริงกับต่างชาติอย่างไร และขอให้ข้าราชการต้องคำนึงถึงผลประโยชน์กับประเทศชาติเป็นหลักอย่ามุ่งรับใช้นักการเมือง
โดยเฉพาะกรณีที่นายสุรพงษ์ระบุว่าจะมีการทำหนังสือถึงทุกประเทศและรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.ทุกมิติต่อยูเอ็น หมายความว่าอย่างไร การฟ้องทุกประเทศโดยไม่คิดว่าจะเป็นผลร้ายต่อประเทศหรือไม่ ทั้งนี้ กรรมาธิการฯ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการทำหน้าที่เพื่อบอกข่าวสารไปยังต่างประเทศว่า อยากให้กรมองค์การระหว่างประเทศ ทำหน้าที่ในการสื่อสารข้อมูล เพราะเชื่อว่าจะได้รับความน่าเชื่อถือที่สุด และอยากให้เสนอข้อมูลอย่างเป็นธรรม และรอบด้าน
ทั้งนี้ ระหว่างการซักถาม นายสมชาย แสวงการ สว.สรรหา ได้กล่าวว่า ขณะนี้มีการรายงานข่าวว่านายบัน คีมูน แสดงความเห็นว่ารับไม่ได้กับการขัดขวางการเลือกตั้งในประเทศไทยและถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าให้อภัย ดังนั้นอยากให้กรมองค์การระหว่างประเทศ ช่วยชี้แจงในประเด็นดังกล่าวต่อยูเอ็นด้วยว่าการที่คนไม่ออกไปเลือกตั้ง ไม่ใช่เพราะถูกขัดขวาง แต่เป็นเพราะประชาชนไม่อยากออกไปเลือกตั้งเอง
ด้าน น.ส.พรประไพชี้แจงว่า เท่าที่ทราบกรณีการพบปะพูดคุยระหว่างนายบัน คีมูน เลขาธิการยูเอ็น กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั้นเป็นฝ่ายที่เลขาธิการยูเอ็นประสานมา ยอมรับว่าในสภาวการณ์ขณะนี้ข้าราชการทุกคนมีสิทธิ์ในการแสดงออกถึงความรู้สึกในฐานะที่เป็นข้าราชการแต่เป็นความท้าทายของข้าราชการทุกคนในการที่จะต้องทำงานในสภาวะแวดล้อมพิเศษที่แตกต่างกว่าที่ผ่านมา แต่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ คอยกำกับให้พวกเราให้ทำงาน โดยจะไม่ทำลายศักดิ์ศรีของประเทศอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่ทางยูเอ็นเอสซีอาร์ ร่วมสังเกตการณ์สถานการณ์ในประเทศไทย เนื่องจากเป็นการร้องขอของ รมว.การต่างประเทศ ให้มาร่วมสังเกตการณ์และให้ข้อมูลในภาพที่เป็นกลางๆ ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของข้าราชการทุกคนจะไม่ทำให้ประเทศเสียหาย แต่จะชี้แจงและทำความเข้าใจถึงข้อเท็จจริง แต่เมื่อส่งไปยังสถานทูตไทยในต่างประเทศ ทางเอกอัครราชทูตแต่ละคนนั้นจะคอยกลั่นกรองก่อนนำข้อมูลไปชี้แจงอีกครั้ง แต่บางภารกิจก็อยู่นอกเหนือจากฝ่ายข้าราชการประจำ ที่ไม่สามารถก้าวล่วงการทำงานของฝ่ายการเมืองได้ ยืนยันว่าทุกคนทำงานอย่างมืออาชีพ
น.ส.พรประไพ ได้ชี้แจงต่อประเด็นข้อซักถามนายสมชาย ด้วยว่า ตนเข้าใจว่าในต่างประเทศมองว่าการเลือกตั้งถือเป็นหัวใจหลักของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่นานาชาติยึดถือ เมื่อการเลือกตั้งไม่สามารถดำเนินการได้ให้แล้วเสร็จ ถือเป็นสิ่งที่กระทบกับหลักการในระบอบที่เขาเชื่อมั่น
วันนี้ (5 ก.พ.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. การประชุมคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา มีนางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ ส.ว.พิษณุโลก เป็นประธาน โดยก่อนการเริ่มประชุม นางพิกุลแก้ว ได้รายงานผลการเดินทางไปชี้แจงทำความเข้าในกับสมาชิกสภาคองเกรส สหรัฐอเมริกา โดยช่วงแรกหลายคนยังไม่เข้าใจว่าทำไมกลุ่ม กปปส.ต้องออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ โดยเฉพาะการขัดขวางการเลือกตั้ง แต่เมื่ออธิบายเขาก็เข้าใจ
จากนั้นได้เชิญ น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เข้าชี้แจง โดยกรรมาธิการฯ ส่วนใหญ่ได้ตั้งข้อสังเกตฝากไปถึงข้าราชการประจำถึงความน่าเชื่อถือของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์ อำนวยการรักษาความสงบ (ศรส.)ที่เป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ดังนั้นการทำหนังสือชี้แจงไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่าจะเป็นข้อเท็จจริงแค่ไหน เพราะอาจมีการเลือกหยิบเอาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตนเองเท่านั้น ทั้งนี้ กรมองค์การระหว่างประเทศจะมีส่วนในการชี้แจงข้อเท็จจริงกับต่างชาติอย่างไร และขอให้ข้าราชการต้องคำนึงถึงผลประโยชน์กับประเทศชาติเป็นหลักอย่ามุ่งรับใช้นักการเมือง
โดยเฉพาะกรณีที่นายสุรพงษ์ระบุว่าจะมีการทำหนังสือถึงทุกประเทศและรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.ทุกมิติต่อยูเอ็น หมายความว่าอย่างไร การฟ้องทุกประเทศโดยไม่คิดว่าจะเป็นผลร้ายต่อประเทศหรือไม่ ทั้งนี้ กรรมาธิการฯ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการทำหน้าที่เพื่อบอกข่าวสารไปยังต่างประเทศว่า อยากให้กรมองค์การระหว่างประเทศ ทำหน้าที่ในการสื่อสารข้อมูล เพราะเชื่อว่าจะได้รับความน่าเชื่อถือที่สุด และอยากให้เสนอข้อมูลอย่างเป็นธรรม และรอบด้าน
ทั้งนี้ ระหว่างการซักถาม นายสมชาย แสวงการ สว.สรรหา ได้กล่าวว่า ขณะนี้มีการรายงานข่าวว่านายบัน คีมูน แสดงความเห็นว่ารับไม่ได้กับการขัดขวางการเลือกตั้งในประเทศไทยและถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าให้อภัย ดังนั้นอยากให้กรมองค์การระหว่างประเทศ ช่วยชี้แจงในประเด็นดังกล่าวต่อยูเอ็นด้วยว่าการที่คนไม่ออกไปเลือกตั้ง ไม่ใช่เพราะถูกขัดขวาง แต่เป็นเพราะประชาชนไม่อยากออกไปเลือกตั้งเอง
ด้าน น.ส.พรประไพชี้แจงว่า เท่าที่ทราบกรณีการพบปะพูดคุยระหว่างนายบัน คีมูน เลขาธิการยูเอ็น กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั้นเป็นฝ่ายที่เลขาธิการยูเอ็นประสานมา ยอมรับว่าในสภาวการณ์ขณะนี้ข้าราชการทุกคนมีสิทธิ์ในการแสดงออกถึงความรู้สึกในฐานะที่เป็นข้าราชการแต่เป็นความท้าทายของข้าราชการทุกคนในการที่จะต้องทำงานในสภาวะแวดล้อมพิเศษที่แตกต่างกว่าที่ผ่านมา แต่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ คอยกำกับให้พวกเราให้ทำงาน โดยจะไม่ทำลายศักดิ์ศรีของประเทศอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่ทางยูเอ็นเอสซีอาร์ ร่วมสังเกตการณ์สถานการณ์ในประเทศไทย เนื่องจากเป็นการร้องขอของ รมว.การต่างประเทศ ให้มาร่วมสังเกตการณ์และให้ข้อมูลในภาพที่เป็นกลางๆ ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของข้าราชการทุกคนจะไม่ทำให้ประเทศเสียหาย แต่จะชี้แจงและทำความเข้าใจถึงข้อเท็จจริง แต่เมื่อส่งไปยังสถานทูตไทยในต่างประเทศ ทางเอกอัครราชทูตแต่ละคนนั้นจะคอยกลั่นกรองก่อนนำข้อมูลไปชี้แจงอีกครั้ง แต่บางภารกิจก็อยู่นอกเหนือจากฝ่ายข้าราชการประจำ ที่ไม่สามารถก้าวล่วงการทำงานของฝ่ายการเมืองได้ ยืนยันว่าทุกคนทำงานอย่างมืออาชีพ
น.ส.พรประไพ ได้ชี้แจงต่อประเด็นข้อซักถามนายสมชาย ด้วยว่า ตนเข้าใจว่าในต่างประเทศมองว่าการเลือกตั้งถือเป็นหัวใจหลักของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่นานาชาติยึดถือ เมื่อการเลือกตั้งไม่สามารถดำเนินการได้ให้แล้วเสร็จ ถือเป็นสิ่งที่กระทบกับหลักการในระบอบที่เขาเชื่อมั่น
