เลือกตั้งอีกกี่รอบก็ไร้ความหมาย ยิ่งฟอก ยิ่งลักษณ์ยิ่งเน่า!!

ผ่าประเด็นร้อน

เป็นการพิสูจน์ให้เห็นชัดกับตาแล้วว่า การเลือกเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเป็น “เลือกตั้งอัปยศ”ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นประเทศไทย เป็นการเลือตั้งครั้งแรกที่โดนประชาชนทั่วประเทศปฏิเสธ “นักกินเมือง” ในคราบของนักการเมืองมากที่สุด เป็นปรากฏการณ์ตื่นรู้ในประเทศไทยอย่างที่ไม่คยเห็นมาก่อน เป็นการปฏิเสธระบบการเมืองที่ล้มเหลว เป็นต้นตอของการทุจริตคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นในประเทศนี้อย่างฝังรากลึก จนเป็นอาการ"ทนไม่ไหว"ของมวลมหาประชาชนที่รวมพลังกันขับไล่ในตอนนี้

แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงเรื่องการทุจริตและต้นแบบ “ทุนสามานย์”ในประเทศนี้ก็ย่อมหมายถึง “ทักษิณ ชินวัตร”หรือระบอบทักษิณ ที่อยู่เบื้องหลัง รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ในเวลานี้ อย่างไรก็ดีอาจเป็นเพราะถึงเวลาที่คนพวกนี้กำลังอยู่ในภาวะถดถอย กำลังเสื่อมศรัทธาจากสังคมรอบด้านอย่าง

เสื่อมทรุดที่สุด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความ “ห่วยแตก” ที่เกิดด้วยตัวของมันเอง การบริหารงานที่ล้มเหลวในทุกเรื่องสร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งเป็นเพราะความตื่นรู้ของภาคประชาชนเองเกิดขึ้นมาอย่างกว้างขวางและรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนเกิดเป็นปรากฏการณ์รวมพลังกันออกมาขับไล่ “ระบอบทรราช” พวกนี้กันอย่างขนานใหญ่ เป็นการชุมนุมที่ยืนหยัดมั่นคงแบบ “ไม่ไปไม่เลิก” เป็นอันขาด จะว่าไปแล้วนี่คือการ “ต่อยอด” จากการตื่นรู้จากยุคของมวลชนในนาม “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”ที่เกิดเป็นปรากฏการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อราวสิบปีก่อน แต่คราวนี้เมื่อวิวัฒนาการมาถึงยุค กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ทุกอย่างจึงมีการ “ต่อยอด” ทางความคิดของมวลมหาประชาชนได้อย่างมีพลัง

การตื่นรู้ดังกล่าวนี่แหละทำให้สามารถยืนหยัดสู้กับทรราช ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่สร้างเครือข่ายกลไกรัฐ ในความหมาย “รัฐตำรวจ” ได้อย่างฝังรากลึกเอาไว้อย่างมั่นคง และนับวันการชุมนุมของมวลมหาประชาชนยิ่งเข้มแข็งขยายวงกว้างออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ระบอบทักษิณต้องถอยร่นจนสุดซอยแทบไม่มีทางไปอีกแล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละคนพวกนี้ ที่มักสร้างกลไก “จอมปลอม” หลอกลวงชาวบ้าน อาศัยคราบ “ประชาธิปไตยด้วยการลือกตั้ง” มาฟอกตัวเอง หรือไม่ก็สมคบกับต่างชาติที่แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยระบบทุนนิยมสามานย์ ใช้วิธี “โลกล้อมประเทศ” อยู่ในเวลานี้ เหมือนอย่างที่ “รัฐบาลเถื่อน” ชุดนี้กำลังใช้การเลืกตั้งมา “ฟอก” ตัวเอง

อย่างไรก็ดี สังคมก็รู้ทันไม่ยอมตกหลุมพราง ยังยืนยันเดินหน้าขับไล่รัฐบาลทรราช ที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ออกไปทั้งแก๊ง ปฏิเสธการเลือกตั้งปาหี่ครั้งนี้อย่างเด็ดขาด โดยยืนกรานว่า“ต้องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง” และเฉพาะหน้าก็คือ ยิ่งลักษณ์ ต้องลาออกไปจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีรักษาการทันที แต่กลายเป็นว่าบรรดา “แก๊งโจร” พวกนี้จะยังดื้อด้านพยายามทำทุกทางที่จะรักษาอำนาจอยู่ต่อไป ทั้งที่ไม่มีความหมายอะไรแล้ว ไม่สามารถบริหารราชการอะไรได้แล้ว

ผลการเลือกตั้งที่เห็นเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาย่อมพิสูจน์ให้เห็นกับตาแล้วว่า ชาวบ้าน “ตาสว่าง” ไม่ยอมรับคนพวกนี้อีกต่อไปแล้ว ไม่ต้องการคบค้าสมาคม สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าพวกเขาได่รับรู้ถึงการทุจริตเห็นแก่ตัวไม่เคยเห็นหัวประชาชน ทุกอย่างได้เห็นกันจะจะคาตามาจนเบื่อแล้ว และการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็เห็นชัดผ่านทางการปฏิเสธไปเลือกตั้งทำให้มีจำนวนผู้ไปใช้สิทธิน้อยเป็นประวัติการณ์ทั่วประเทศ หรือแม้แต่คนที่ไปเลือกตั้ง แต่ก็มีทั้งจงใจกาบัตรเสีย รวมทั้งโหวตโนคือไม่เลือกใคร นี่ยังไม่นับเรื่องข้อกฎหมายที่ “ต้องเป็นโมฆะ” เพราะไม่ใช่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปพร้อมกันทั่วประเทศ ขณะเดียวกันเมื่อมีการปิดหีบการือกตั้งลงไป มีการนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งแล้วทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ไม่ยอมประกาศผลการนับคะแนนออกมา นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่ามัน “ไม่ปกติ”

แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเลือกตั้งยังมีปัญหาหลายอย่างซ้ำซ้อน ทั้งหลายเขตที่เลือกตั้งไม่ได้ ไม่ครบทุกเขต รวมไปถึงการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ต้องยุติในหลายเขต มีปัญหาในทำนองดียวกัน มีการร้องเรียน สารพัดซึ่งที่ผ่านมาก็มีการชุมนุมคัดค้านการเลือกตั้งที่เป็น “ปาหี่”สร้างพิธีธรรมอำพราง เพื่อฟอกระบอบทักษิณ ฟอก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับเข้ามาสร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองให้จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ ซึ่งชาวบ้านเขารู้ทัน นี่ยังไม่นับเรื่องปัญหาความเดือดร้อนของชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินจากการขายข้าวไปนาน 5-6 เดือนมาแล้ว และกำลังลุกฮือขึ้นมากระหนาบกันทั้งประเทศ ซึ่งรัฐบาลก็ไม่มีทางออก ยังไม่รู้ว่าจะหาเงินจากที่ไหนมาจ่ายหนี้ เพราะแบงก์ต่างๆ ไม่กล้าปล่อยกู้เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงทั้งในแง่กฎหมายและการชำระหนี้ในอนาคต

นี่แหละถึงได้บอกว่าไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งอีกกี่ครั้งก็ไร้ความหมาย เพราะชาวบ้านเขารู้ทันและไม่ยอม มีทางเดียวต้อง “ไปให้พ้น” สถานเดียว และต้องไปเดี๋ยวนี้ อย่าพยายามดันทุรังฟอกตัวเองอีกเลย เพราะยิ่งฟอก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยิ่งเน่า !!