ผ่าประเด็นร้อน
ได้เห็นอาการกระบิดกระบวนของผู้บัญชาการทหารสูงสุด และบรรดาผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่ไม่ยอมหารือกับคณะกรรมการ กปปส.ที่นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ยอมให้คำตอบให้ชัดเจนว่าจะยืนอยู่ข้างประชาชนและร่วมกันปฏิรูปประเทศไทยหรือไม่ เชื่อว่าทำให้หลายคนรู้สึกรำคาญ และ “สะอิดสะเอียน” กับท่าทีที่พยายาม “เอาตัวรอด” และ “ฉวยโอกาส” สร้างอำนาจต่อรองให้กลุ่มของตัวเองให้มากที่สุด
แทนที่จะใช้ความ “กล้าหาญ” เพียงน้อยนิดเท่านั้นออกมายืนเคียงข้างกับมวลมหาประชาชน ที่พวกเขาเหล่านั้นต้องการ “ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศ” เพื่อประโยชน์ของคนทุกคนในประเทศนี้
แต่บรรหา “ขุนทหาร” เหล่านี้กลับไม่ยินดียินร้าย ไม่กล้าแม้แต่ออกมาพูดคุยกับตัวแทนประชาชนเพื่อสอบถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้างที่เห็นประชาชนทุกสาขาอาชีพ ออกมารวมพลังกันขับไล่ระบบการเมืองสามานย์ และกำลังออกแบบเพื่อป้องกันนักการเมืองเลว “ข้าราชการชั่ว” ไม่ให้มาเกาะกินบ้านเมืองในวันข้างหน้าอีก ไม่ใช่การออกมาต่อสู้เพื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ หรือต่อสู้ให้เปลี่ยนขั้วไปเป็นรัฐบาลประชาธิปัตย์หรือให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ แต่เป็นการยืนยันว่าต้องการ “ปฏิรูปประเทศไทย” เพื่อคนไทยทั้งหมด รวมไปถึงตัวผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการเหล่าทัพ และลูกเมียของพวกเขาด้วย เพราะต่อไปหากเจ๋งจริงก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งไปให้ ทักษิณ ชินวัตร อนุมัติเคาะหัวให้ถึงต่างประเทศ เพราะถ้าเก่งจริง ผู้ใต้บังคับบัญชายอมรับก็สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงขึ้นได้ไม่ยาก
ได้เห็นท่าทีของผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ที่พยายามบ่ายเบี่ยงหลบหน้าไม่ยอมรับโทรศัพท์ ความหมายก็คือ “ไม่กล้าสู้หน้า” อย่ามองเป็นอย่างอื่นให้ซับซ้อนแบบให้เกียรติ เพราะที่ไม่ให้คณะ กปปส.พบก็เพราะกลัวว่า ทักษิณ ชินวัตร จะโกรธ กลัวว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถ่างควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะโกรธ จะมีปัญหาภายหลัง เพราะคนพวกนี้ยังไม่เชื่อว่า “พลังประชาชน” จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้
หรือคำพูดของผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ย้ำว่า “ต้องเป็นกลาง” หรือก่อนหน้านี้ที่บอกว่า “ให้ถอยคนละก้าว” ก็ยังเป็นคำพูดของทหารที่ตกยุคและ “แกล้งโง่” ได้ใจจริงๆ และที่สำคัญยังคิดว่าชาวบ้านที่ออกมานั้นรู้ไม่ทัน
ถามว่าทำไมต้องเป็นกลาง ทำไมต้องถอยคนละก้าว ใช้วาทกรรมแบบ “โลกสวย” แสร้งไม่เข้าใจสถานการณ์ ทำไมคนระดับผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แยกไม่ออกเลยหรือว่า ดำขาวเป็นอย่างไร “ระบอบทักษิณ” มันชั่วอย่างไร หรือถ้าให้ตรงตัวไปอีกถามว่า แยกแยะไม่ออกเลยหรือว่าคนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทุจริตคดโกงอย่างไร
เพราะหากพิจารณาจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ก็อาจเข้าใจได้ว่าที่ยังไม่แสดงท่าที หรือทำตัวโลกสวยเพราะอำนาจเบ็ดเสร็จยังอยู่ที่ ทักษิณ ผ่านทาง ยิ่งลักษณ์ ที่เป็นหุ่นเชิดน้องสาวตัวเอง แต่นาทีนี้ก็น่าจะเข้าใจแล้วว่า ประชาชนได้รวมใจกันออกมาจำนวนมากมายเป็นประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ โดยไม่ต้องมาเถียงกันว่ามีจำนวนกี่หมื่นกี่ล้านคน แต่เอาเป็นว่าตั้งแต่พวกผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งหลายเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่รับรองว่าไม่เคยมีมวลมหาประชาชนออกมาแบบนี้แน่ และที่สำคัญคนพวกนี้เขา “ตื่นรู้” ไม่ใช่วูบวาบชั่วครั้งชั่วคราว หากไม่เชื่อลองพิสูจน์กันไปก็แล้วกันว่าพวกเขาจะแน่วแน่แค่ไหน เพราะสาเหตุที่ออกมามันเกิดจากความ “เหลืออดเหลือทน” แล้ว ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
สถานการณ์ความเป็นจริงขณะนี้ บรรดานายทหารเหล่านี้น่าจะเข้าใจได้ดี น่าจะออกมาร่วมมือกับประชาชนด้วยการประกาศว่า “กองทัพจะยืนเคียงข้างประชาชนและความถูกต้อง” เท่านั้น ไม่ต้องถืออาวุธออกมา ที่เหลือปล่อยให้มวลมหาประชาชนเขาออกแบบจัดการกันเอง เพราะทุกคนก้าวหน้าไปไกลลิบแล้ว
แต่นี่กลายเป็นว่า บรรดานายทหารในกองทัพพวกนี้กลับ “สำคัญตัวเองผิด” คิดจะฉกฉวยสถานการณ์ที่คิดว่าประชาชนยังไม่ชนะ “คิดสร้างอำนาจต่อรอง” ให้กับพวกตัวเอง ทั้งที่ที่ผ่านมาประชาชนยังให้เกียรติและศรัทธากองทัพ และพยายามยั้งมือไม่อยากพูดถึงในด้านลบ แต่เมื่อเห็นท่าทีล่าสุดที่แสดงออกมามันก็ทำให้ “เหลือทน” แล้วเหมือนกัน เพราะถ้าคิดจะต่อรอง หรือยืนยันเป็นกลางด้วยการยืนดูประชาชนออกมาปราบปรามรัฐบาลทรราชอย่างไม่รู้สึกรู้สา หรือแม้แต่คิดเข้ามา “ชุบมือเปิบ” มา “แบ่งเค้กอำนาจ” ในช่วง “เปลี่ยนผ่าน”
ถ้าคิดแบบนั้นก็ต้องบอกว่า “อย่าฝัน” และอย่าคิดดูถูกความต้องการของประชาชนที่ “ตื่นรู้” อันมหาศาลในยุคใหม่เป็นอันขาด
หวังว่าจะยืนยัน “เป็นกลาง” แบบไร้ราคาไปแบบนี้ให้ตลอดก็แล้วกัน เพราะมวลชนจะได้เลิกกล่าวถึง จะได้ไม่วอกแวก จะได้มุ่งมั่นรวมพลังเดินหน้าเพื่อล้างระบบการเมืองอันสามานย์ ทุนสามานย์ รวมไปถึงกลไกข้าราชการที่รับใช้ออกไปให้พ้นพร้อมกันทีเดียว!!