xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” อ้างติดหนวดฉุกเฉินแค่ใช้ปฏิบัติงาน แหลไม่เคยมีนายกฯ คนไหนเคยถูกไล่ล่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รักษาการนายกฯ เผยย้ำ ศรส.ใช้ความละมุนละม่อม อ้างออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินใช้เป็นเครื่องมือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ขอร้องม็อบ กปปส. ไม่อยากถูกไล่ล่า หลีกเลี่ยงพูดจาเกลียดชัง โอดเปิดทุกประตูเจรจากันแล้ว ยุบสภาก็แล้ว แหลไม่เคยมีนายกฯ คนไหนถูกไล่ล่า ทั้งที่สมัย “อภิสิทธิ์” ถูก “เสื้อแดง” ตามไล่ฆ่าชัด อ้างไม่เคยดื้อรั้นแต่บางอย่างทำไม่ได้

วันนี้ (23 ม.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสภากลาโหม ครั้งแรกของปี 2557 ว่า เป็นการประชุมตามวาระปกติ รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ต่างๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าใจถึงการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ชี้แจงไปแล้ว ซึ่งการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถือเป็นเครื่องมือให้กับเจ้าหน้าที่ในการปฎิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย จึงเป็นที่มาการเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบให้หน่วยงานที่เป็นหัวหนัาปฎิบัติ อยู่ในการดูแลของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพราะเราเน้นเรื่องขั้นตอนตามกฎหมาย มากกว่าการที่เราจะใช้กำลังทหาร

ขณะเดียวกัน เราได้บูรณาการกำลังทางทหารเข้ามาเหมือนเดิม ซึ่งเราได้ขอความร่วมมือเหล่าทัพเรื่องการเตรียมหน่วยแพทย์พยาบาลต่างๆ และการดูแล รวมถึงการตั้งจุดตรวจร่วมเพื่อความปลอดภัยของประชาชน เหล่านี้เป็นจุดที่เราเน้นย้ำเหมือนเดิม ทั้งนี้ ครม.ได้เน้นย้ำให้หัวหน้าฝ่ายปฎิบัติงานของศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความละมุนละม่อม และขั้นตอนต่างๆ ขอให้ยึดหลัก ตามขั้นตอนของกฎหมาย อย่าให้ลุเกินแก่อำนาจ หรือเกินขอบเขต

เมื่อถามว่า กองทัพให้ความร่วมมือเรื่องกำลังพลกับรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ ตามที่ ศรส.ร้องขอ เหมือนกับขั้นตอนเดียวกับการทำงานของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เมื่อถามว่า เรื่องการเลือกตั้งได้เน้นย้ำกำลังพลให้ไปใช้สิทธิ นายกฯ กล่าวว่า ด้านการเลือกตั้งได้ย้ำเหล่าทัพในการให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามที่ กกต.ร้องขอ รวมถึงการดูแลเรื่องความปลอดภัยให้แก่ประชาชนโดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้

เมื่อถามว่า ห่วงสถานภาพของตัวเองหรือไม่ ที่แกนนำ กปปส.ประกาศไล่ล่า ทั้งตนเอง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ นายกฯ กล่าวว่า อยากเรียนว่าทุกอย่างทุกคนมีสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล การละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนต้องขออนุญาต ให้นึกถึงเรื่องขั้นตอนและสิทธิของแต่ละคน เชื่อว่าในส่วนนี้ใครๆ ก็ไม่อยากเห็น การไล่ล่าประกาศจับคนนั้นทีคนนี้ทีเป็นรายวัน ก็ต้องขอร้องเถอะค่ะ เราเองพยายามที่จะช่วยกันในการหลีกเลี่ยงการพูดจาให้เกิดความเกลียดชัง ความขัดแย้งอย่างที่ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.พูดว่าเราจะโกรธจะเกลียดจะแรงกันไปถึงไหน วันนี้น่าจะถึงเวลาแล้วที่ไปพูดคุยกัน รัฐบาลก็พร้อมเปิดเวทีทุกประตูทุกเวลาในการที่จะพูดคุย ยืนยันตนเองยังอยากเห็นอย่างนี้อยู่

“เชื่อว่าหลายคนถ้าเป็นใครก็คงไม่อยากได้รับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ก็ต้องขอเรื่องสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลเถอะค่ะ และไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนไหนที่จะเจอขนาดนี้ ดิฉันเองยอมรับว่าเราเองก็อดทน ขอความเห็นใจจากผู้ชุมนุม ดิฉันพร้อมที่จะรับฟังบางอย่างก็ต้องขอความเห็นใจ ถ้าปฏิบัติได้เราก็ยินดีให้ความร่วมมือ วันนี้เราได้คืนอำนาจให้กับประชาชนแล้วในการยุบสภา ซึ่งสิ่งที่พูดที่ร้องขอมานั้นเป็นส่วนที่ปฏิบัติไม่ได้ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ต้องขอเรียนย้ำดิฉันเองไม่ใช่คนที่จะดื้อรั้นไม่ฟังอะไรเลย แต่บางอย่างมันปฏิบัติไม่ได้ก็ต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันพูดคุย อันนี้น่าจะเป็นหนทางออกของเรา” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าวันนี้ผู้ชุมนุมค่อนข้างจะท้าทาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกฯ กล่าวว่า คงต้องให้เจ้าหน้าที่ว่าไปตามขั้นตอน เราไม่อยากบอกว่าออก พ.ร.ก.เพื่อท้าทายอะไรเลย แต่อันนี้เป็นเครื่องมือของเจ้าหน้าที่ในการดำเนินงาน เรายืนยันไม่อยากเห็นภาพเหมือนอย่างเหตุการณ์ปี 53 จึงได้ย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนระมัดระวังอย่าใช้เกินสิ่งที่จำเป็น ขอให้ใช้ขั้นตอนการเจรจาพูดคุยเรายังคงพยายามรักษาตรงนี้ไว้เหมือนเดิม และใช้กฎหมายเป็นหลัก

น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ กกต.ไม่รับพิจารณาการขออนุมัติเงิน 1.3 แสนล้านบาท ที่จะไปจ่ายให้กับเกษตรกรในโครงการรับจำนำข้าว โดยให้เป็นดุลพินิจของรัฐบาลเอง ระบุว่า ตอนนี้เพิ่งได้รับหนังสือจาก กกต. จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินตามขั้นตอน ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้างว่าไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนไหนถูกไล่ล่านั้น เป็นคำพูดที่บิดเบือนไปจากความเป็นจริง เพราะในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้การสนับสนุน และมีพฤติกรรมไล่ล่านายอภิสิทธิ์มาแล้ว ในปี 2552 ทั้งการล้มประชุมอาเซียน การทุบรถของกลุ่มคนเสื้อแดงที่แยกเทพประสิทธิ์ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และการทุบรถนายอภิสิทธิ์ที่กระทรวงมหาดไทย ทำให้คนขับรถได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นต้น






กำลังโหลดความคิดเห็น