ว่าที่รอง หน.ปชป. อัดรัฐโหนกระแสตั้งสภาปฏิรูปไม่จริงใจ ทำแค่ให้สังคมยอมรับ ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ชี้สำเร็จได้นักการเมืองต้องถอย เหตุทำเพื่อสกัดกั้นโกง ย้ำต้องให้ทุกภาคส่วนยอมรับ นายกฯ ไม่ลดอำนาจฟังแต่เสียงหนุนต่ออำนาจ ฝืนไปไร้ประโยชน์ ยันต้องปรับแนวคิด รองโฆษก ปชป.ดักอย่านำปฏิรูปมาฟอกขาวรัฐ ย้อนปาหี่มาตลอด แนะให้สถาบันพระปกเกล้า-องค์กรตุลาการเป็นคนกลางปฏิรูป
วันนี้ (25 ธ.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ว่าที่รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่รัฐบาลพยายามที่จะจัดตั้งสภาปฏิรูปประเทศเพื่อปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งว่า มีข้อเสนอจากหลายฝ่ายและรัฐบาลก็พยายามโหนกระแสในเรื่องนี้ แต่เห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาลขาดความจริงใจในเรื่องการปฏิรูป เพราะเดิมนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศหลังการประชุมกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะใช้เวลาปฏิรูป 1 ปี ก่อนจะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ในขณะนี้กลับบอกว่าจะจัดให้มีสภาปฏิรูปทำงาน 2 ปีก่อนที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แสดงว่ารัฐบาลเห็นว่าการเลือกตั้งโดยยังไม่มีการปฏิรูปเลยไม่สามารถทำให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับของประชาชนได้ แต่การโหนกระแสปฏิรูปก็ไม่สามารถทำให้ประชาชนยอมรับการปฏิรูปของรัฐบาลได้เช่นเดียวกัน เพราะการปฏิรูปที่จะสำเร็จได้นักการเมืองต้องละเว้นที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง ถอยออกไปสักระยะเวลาหนึ่ง เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้เสียกับการใช้อำนาจ แต่การปฏิรูปจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเข้าสู่อำนาจและการใช้อำนาจรัฐ ดังนั้นการปฏิรูปประเทศจึงเป็นการสกัดกั้นการคอร์รัปชันของนักการเมือง ถ้านักการเมืองเป็นตัวหลักในการปฏิรูปก็เชื่อได้ว่านักการเมืองจะไม่พยายามลดทอนการใช้อำนาจของตนเองเพราะจะสูญเสียประโยชน์ จึงคิดว่าการดำเนินการของรัฐบาลเป็นเพียงแค่ให้สังคมยอมรับการเลือกตั้งเท่านั้น แต่เชื่อว่าคนส่วนมากไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของรัฐบาล หากยังทำต่อไปนอกจากประชาชนจะไม่เห็นด้วยแล้วก็จะแสดงถึงความไม่จริงใจของรัฐบาลด้วย
ดังนั้น รัฐบาลต้องหาวิธีการให้ทุกภาคส่วนของสังคมที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศยอมรับวิธีการของรัฐบาล และถ้าปฏิรูปโดยที่สังคมไม่ยอมรับก็ยากที่จะทำสำเร็จ จึงเห็นว่าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความจริงใจก็ต้องลดทอนอำนาจตัวเอง ถ้ายังยืนกรานเป็นนายกต่อไป เชื่อว่ารัฐบาลอาจผลักดันสภาปฏิรูปได้แต่จะไม่มีประโยชน์ใดๆ เพราะไม่ได้รับการยอมรับ กลายเป็นละครปฏิรูปที่รัฐบาลสร้างขึ้น จึงไม่เข้าใจจะดันทุรังทำไมเมื่อไม่ได้รับการยอมรับ เพราะรัฐบาลเลือกฟังแต่เสียงที่จะทำให้ตัวเองครองอำนาจให้ได้นานที่สุดเท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะเมื่อปฏิรูปประเทศเสร็จนักการเมืองจะถูกลดทอนอำนาจลง ตนอยากให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลปรับแนวความคิดและท่าทีในเรื่องของการปฏิรูปเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากสังคม ไม่เช่นนั้นเรื่องการปฏิรูปก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง
ด้านนายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรนำสภาปฏิรูปประเทศมาฟอกขาวให้กับตัวเอง เพราะการทำสภาปฏิรูปในช่วงเวลานี้ก็เพื่อเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้การเลือกตั้งที่มีความวุ่นวายสับสนในขณะนี้ และเชื่อว่าจะวุ่นวายต่อไปอีก ทั้งนี้ภาคเอกชนก็คงเห็นสภาพความวุ่นวายดังกล่าวจึงเสนอทางออกในเรื่องสภาปฏิรูปประเทศ แต่จะกลายเป็นเครื่องมือของรัฐบาลสร้างความชอบธรรมในการเลือกตั้ง เนื่องจากรัฐบาลเคยพยายามให้นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเวทีปฏิรูปแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะมีแต่คนของรัฐบาลโดยไม่รับฟังคนที่ไม่เห็นด้วย ถ้ารัฐบาลตั้งใจจริงต้องหาคนกลางเข้ามาดำเนินการทำสภาปฏิรูปอย่างแท้จริง เช่น สถาบันพระปกเกล้า หรือคุยกับองค์กรตุลาการ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่ยอมรับอำนาจตุลาการมาโดยตลอด ดังนั้นถ้ารัฐบาลจะแสดงความจริงใจในเรื่องหลักการคานอำนาจตามระบบประชาธิปไตย โดยให้ศาลเป็นตัวกลางทำเวทีปฏิรูปโดยอิสระซึ่งจะทำให้ได้คนที่หลากหลายและเป็นกลางเข้ามามีส่วนร่วม โดยรัฐบาลเพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งในการรับฟังเสนอความเห็นเท่านั้น หรือการทำแบบสอบถามกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยสถาบันพระปกเกล้าหรือองค์กรตุลาการในลักษณะประชาเสวนา ซึ่งจะเกิดขึ้นจริงได้มากกว่ารัฐบาลทำปฏิรูปในแบบที่ตัวเองต้องการ