ว่าที่รอง หน.ปชป.แจงพรุ่งนี้สมาชิกพรรคถกเอาคืน ดีเอสไอทำเกินกว่าเหตุอายัดบัญชี ชี้ต่างจากแดงปี 53 เหตุครั้งนี้ศาลชี้ชุมนุมสงบ จวกรัฐ-พท.ไม่จริงใจปฏิรูป นำมาอ้างเพื่อลุยเลือกตั้ง หวังรักษาอำนาจเพื่อล้างผิด “ชวนนท์” เผยพรรคลุยปฏิรูปเต็มที่เดินสายฟัง ปชช.ออกแบบพิมพ์เขียวประเทศ “ชินวรณ์” ดูแลจัดเวทีสมัชชา ปชช. ยันไม่ขวางเลือกตั้ง ยินดีรับนักการเมืองอุดมการณ์เดียวกัน และยินดีใครลาออกพรรค-อดีต ภท.เปิดตัวร่วม ปชป.ปฏิรูป
วันนี้ (22 ธ.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ว่าที่รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ แถลงอายัดบัญชีธนาคารของแกนนำ กปปส. นักวิชาการ และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้าร่วมชุมนุมกับมวลชนว่า ในวันพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) ทางสมาชิกพรรคที่ถูกอายัดบัญชีจะประชุมร่วมกับทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหาแนวทางการต่อสู้คดี และปกป้องสิทธิของตนเอง เนื่องจากการดำเนินการของดีเอสไอไม่เป็นไปตามกฎหมาย และเชื่อว่าน่าจะทำโดยพลการ น่าจะได้รับอาณัติสัญญาณจากผู้ใหญ่ในบ้านเมือง อีกทั้งการกระทำของดีเอสไอยังแตกต่างจากการอายัดบัญชีกับผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงเมื่อปี 2553 เนื่องจากครั้งนั้นดีเอสไอทำตามคำสั่งของศาลที่ระบุว่าการชุมนุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่การชุมนุมของ กปปส.ในครั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่าการชุมนุมชอบด้วยกฎหมายไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ สงบปราศจากอาวุธ โดยมีเหตุผลจากการไม่ไว้วางใจการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล
“ดังนั้น เมื่อการชุมนุมชอบด้วยกฎหมาย ดีเอสไอก็ไม่มีอำนาจที่จะมาเล่นงานกลุ่มผู้สนับสนุนเช่นนี้ อีกทั้งการจะดำเนินการอายัดบัญชีควรจะมีการดำเนินการสอบสวนก่อนว่ากลุ่มผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวทำสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือไม่ หากไม่ได้ทำผิดกฎไม่ควรอายัดบัญชี จึงเห็นว่าการกระทำของดีเอสไอเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ”
นอกจากนี้ พวกตนจะพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้มีพฤติกรรมในลักษณะเช่นนี้อีกต่อไป โดยคาดว่าจะร่วมกับฟ้องเป็นกลุ่มในส่วนของสมาชิกที่ถูกอายัดเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นายองอาจกล่าวประณามรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ว่าไม่มีความจริงใจในการปฏิรูปประเทศ โดยหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกมาแถลงก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะมีมติไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. โดยยื่นข้อเสนอจัดตั้งสภาปฏิรูปประเทศไทยหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น และให้บริหารราชการภายใน 2 ปี จากนั้นให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่พอหลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งในวันดังกล่าว นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กลับเสนอให้เวลาปฏิรูปประเทศเพียง 1 ปีเท่านั้น ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่านายกฯ รัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ไม่มีความจริงใจต่อการปฏิรูปประเทศ พยายามใช้การปฏิรูปประเทศสร้างความชอบธรรมในการเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง ทั้งที่รู้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ และอาจนำไปสู่วิกฤตได้รัฐบาลไม่มีจุดยืนที่จะปฏิรูป เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อรักษาอำนาจไว้และจะกลับมาแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรมอีกเท่านั้น
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคมีมติไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 2 ก.พ. 2557 ว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจครั้งที่ใหญ่ที่สุดของพรรค โดยสมาชิกพรรคทุกคนตระหนักถึงภาระหน้าที่ในฐานะผู้แทนประชาชน ทั้งที่เป็นอาชีพที่รัก โดยทุกคนเห็นตรงกัน ซึ่งหลังจากนี้เป็นต้นไป พรรคจะเดินหน้าปฏิรูปประเทศทุกรูปแบบ ด้วยการเดินสายเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากประชาชน เพื่อออกแบบพิมพ์เขียวประเทศไทยให้เป็นที่พอใจของประชาชนทุกคน และไปในทิศทางเดียวกัน โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบหมายให้นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นผู้รับผิดชอบจัดเวทีสมัชชาประชาชนตามภาคต่างๆ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าแม้พรรคจะไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งครั้งนี้ แต่จะไม่ขัดขวางการเลือกตั้ง
ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช.ระบุว่าหากพรรคประชาธิปัตย์บอยคอตเลือกตั้งจะส่งผลให้สมาชิกพรรคลาออกมากขึ้นนั้น นายชวนนท์กล่าวว่า ในวันที่พรรคมีการประชุมตัดสินใจเรื่องนี้ ตนเห็นมีสมาชิกใหม่ที่เป็นอดีต ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน เข้ามาร่วมตัดสินใจด้วย ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และหากใครที่มีอุดมการณ์เดียวกันอยากจะมาร่วมกับพรรคเราก็ยินดีต้อนรับ หรือใครอยากจะออกไปจากพรรคเราก็ยินดีเช่นกันเพราะจะได้รู้ว่านักการเมืองคนใดต้องการต่ออายุให้ระบอบทักษิณ และการเมืองที่ล้มเหลว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีอดีต ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย นายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และแม้จะรู้ว่าพรรคมีมติไม่ส่งคนลงสมัครในนามพรรค แต่นายภูมิพัฒน์ก็ยืนยันว่าพร้อมที่จะเดินหน้าเคียงคู่ไปกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะได้ตัดสินใจดีแล้วว่าจะช่วยดูแลพื้นที่อีสานตอนบนและทำแผนพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว ทั้งเรื่องน้ำ การเกษตร ลดความเหลื่อมล้ำ ราคาสินค้าเกษตรและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ดังนั้นระยะเวลาที่พรรคจะเว้นวรรคเพื่อปฏิรูปประเทศตนก็จะมีเวลาทำงานได้เต็มที่มากขึ้นและจะพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งตามมติพรรค หลังการปฏิรูปการเมืองเรียบร้อยแล้ว และได้ร่วมอยุ่ในกลุ่ม ส.ส.ประชาธิปัตย์ที่ยืนแถลงข่าวที่ลานพระแม่ธรณีฯเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมาด้วย