เวลานี้ผมเห็นใจมวลมหาประชาชนที่มาร่วมชุมนุมกันเดือนกว่าแล้ว และก็ต้องชมเชยว่าเดินกันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
มาถึงขั้นนี้กำนันสุเทพยังคงมีความหวังว่าคนจะมาร่วมชุมนุมเป็นล้านคน แต่ฝ่ายรัฐบาลแม้จะยังเฉยแต่ก็มีมาตรการเชิงรุกอายัดบัญชีของแกนนำสิบกว่าคน ก็คงจะไม่มีผลอะไร เพราะในสมัยนี้การจ่ายเงินทำได้หลายทาง
สิ่งที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ก็คือ การออกมาระดมความคิดเห็นจากทั่วทุกสารทิศเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ ซึ่งกินความมากกว่าการปฏิรูปการเมือง สิ่งที่กำนันสุเทพไม่น่าหยิบยกขึ้นมาก็คือ การประกาศว่าจะทำให้ทุกจังหวัดมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการฯ ฝ่ายมหาดไทยก็ต้องตั้งรับได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าจะให้ตำรวจไปอยู่กับท้องถิ่นแล้ว การให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ก็จะสอดคล้องกัน
การปฏิรูปประเทศมีการพูดกันตั้งแต่สมัยที่คุณอานันท์ให้พวกผมไปร่วมถก ที่จริงตอนนั้นเราไม่ได้พูดถึงการปฏิรูปการเมือง ส่วนข้อเสนออื่นๆ โดยเฉพาะการปฏิรูปที่ดิน รัฐบาลก็สามารถทำได้ รวมไปถึงการจัดงบประมาณลงพื้นที่มากขึ้น แต่ก็ไม่เห็นมีใครสนใจ แล้วตอนนี้จะมาพูดกันใหม่อีก
ทำไปทำมาเราก็ต้องกลับมาคิดว่า จะทำให้ระบบการเลือกตั้งดีขึ้นอย่างไร เรื่องการรวมเขต-แบ่งเขตก็มีความลงตัวดีแล้ว แต่การซื้อสิทธิ์ขายเสียงนี่เห็นทีจะลำบาก เพราะเวลานี้การซื้อเสียงได้พัฒนาไปถึงขั้นซื้อยกหมู่บ้านแล้ว โดยการซื้อทำผ่านการให้กองทุน 2-3 กองทุนแก่หมู่บ้าน จึงเป็นไปได้ยากนอกจากจะออกกฎหมายมาห้ามการกระทำเหล่านี้
การซื้อสิทธิ์ขายเสียงเป็นเรื่องแก้ยากเพราะประชาชนสมยอม หวังว่าการที่ประชาชนตื่นตัวกันมากอย่างนี้ จะทำให้การขายเสียงน้อยลง มาตรการอื่นๆ ที่พอจะทำได้ก็คือ การควบคุมการเลือกตั้งที่เข้มงวดขึ้นเช่น ขอให้ทหารและนักศึกษามาช่วยดูแลให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น แต่จะให้มีการเพิ่มโทษก็คงจะต้องถกเถียงกันนานว่า การขายเสียงเป็นอาชญากรรมทางการเมืองได้หรือไม่ หรือเป็นสิทธิ์ เมื่อเป็นสิทธิ์แล้วเจ้าของสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้กระนั้นหรือ
การเมืองก่อนการเลือกตั้งจะเข้มข้นมากขึ้น หากพรรคประชาธิปัตย์บอยคอตการเลือกตั้ง มีคนเห็นว่าถ้าทำอย่างนั้นก็เป็นการเตะหมูเข้าปากหมา เพราะพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นๆ ก็จะได้ที่นั่งมากขึ้น แต่พรรคประชาธิปัตย์มีทางเลือกหรือไม่ต้องคอยดูกันต่อไป ผมเองห็นว่าไม่ควรจะมีการบอยคอต เพราะไม่มีประโยชน์อันใด หากรัฐบาลได้เสียงข้างมากก็จะไม่มีฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ผมมั่นใจว่าในการเลือกตั้งคราวหน้ารัฐบาลจะมีที่นั่งน้อยลง เพราะคนไม่พอใจมาก และคนที่ไม่เคยออกไปลงคะแนนเสียงก็จะหันมาลงให้ฝ่ายค้าน เพราะความกลัวเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภาฯ อย่างน้อยในเขตกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเอาชนะได้ทุกเขต
ในที่สุดเราก็คงต้องอดทน รอระยะเวลาให้คนเราตื่นตัวไม่ยอมขายเสียง ผมคิดว่าอีกสักสิบปีสถานการณ์น่าจะดีกว่านี้ หากข้ามเหตุการณ์นี้ได้ การเมืองไทยก็นับว่าพัฒนาไปได้อีกขั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากคือ การไม่มีรัฐประหาร
มาถึงขั้นนี้กำนันสุเทพยังคงมีความหวังว่าคนจะมาร่วมชุมนุมเป็นล้านคน แต่ฝ่ายรัฐบาลแม้จะยังเฉยแต่ก็มีมาตรการเชิงรุกอายัดบัญชีของแกนนำสิบกว่าคน ก็คงจะไม่มีผลอะไร เพราะในสมัยนี้การจ่ายเงินทำได้หลายทาง
สิ่งที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ก็คือ การออกมาระดมความคิดเห็นจากทั่วทุกสารทิศเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ ซึ่งกินความมากกว่าการปฏิรูปการเมือง สิ่งที่กำนันสุเทพไม่น่าหยิบยกขึ้นมาก็คือ การประกาศว่าจะทำให้ทุกจังหวัดมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการฯ ฝ่ายมหาดไทยก็ต้องตั้งรับได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าจะให้ตำรวจไปอยู่กับท้องถิ่นแล้ว การให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ก็จะสอดคล้องกัน
การปฏิรูปประเทศมีการพูดกันตั้งแต่สมัยที่คุณอานันท์ให้พวกผมไปร่วมถก ที่จริงตอนนั้นเราไม่ได้พูดถึงการปฏิรูปการเมือง ส่วนข้อเสนออื่นๆ โดยเฉพาะการปฏิรูปที่ดิน รัฐบาลก็สามารถทำได้ รวมไปถึงการจัดงบประมาณลงพื้นที่มากขึ้น แต่ก็ไม่เห็นมีใครสนใจ แล้วตอนนี้จะมาพูดกันใหม่อีก
ทำไปทำมาเราก็ต้องกลับมาคิดว่า จะทำให้ระบบการเลือกตั้งดีขึ้นอย่างไร เรื่องการรวมเขต-แบ่งเขตก็มีความลงตัวดีแล้ว แต่การซื้อสิทธิ์ขายเสียงนี่เห็นทีจะลำบาก เพราะเวลานี้การซื้อเสียงได้พัฒนาไปถึงขั้นซื้อยกหมู่บ้านแล้ว โดยการซื้อทำผ่านการให้กองทุน 2-3 กองทุนแก่หมู่บ้าน จึงเป็นไปได้ยากนอกจากจะออกกฎหมายมาห้ามการกระทำเหล่านี้
การซื้อสิทธิ์ขายเสียงเป็นเรื่องแก้ยากเพราะประชาชนสมยอม หวังว่าการที่ประชาชนตื่นตัวกันมากอย่างนี้ จะทำให้การขายเสียงน้อยลง มาตรการอื่นๆ ที่พอจะทำได้ก็คือ การควบคุมการเลือกตั้งที่เข้มงวดขึ้นเช่น ขอให้ทหารและนักศึกษามาช่วยดูแลให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น แต่จะให้มีการเพิ่มโทษก็คงจะต้องถกเถียงกันนานว่า การขายเสียงเป็นอาชญากรรมทางการเมืองได้หรือไม่ หรือเป็นสิทธิ์ เมื่อเป็นสิทธิ์แล้วเจ้าของสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้กระนั้นหรือ
การเมืองก่อนการเลือกตั้งจะเข้มข้นมากขึ้น หากพรรคประชาธิปัตย์บอยคอตการเลือกตั้ง มีคนเห็นว่าถ้าทำอย่างนั้นก็เป็นการเตะหมูเข้าปากหมา เพราะพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นๆ ก็จะได้ที่นั่งมากขึ้น แต่พรรคประชาธิปัตย์มีทางเลือกหรือไม่ต้องคอยดูกันต่อไป ผมเองห็นว่าไม่ควรจะมีการบอยคอต เพราะไม่มีประโยชน์อันใด หากรัฐบาลได้เสียงข้างมากก็จะไม่มีฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ผมมั่นใจว่าในการเลือกตั้งคราวหน้ารัฐบาลจะมีที่นั่งน้อยลง เพราะคนไม่พอใจมาก และคนที่ไม่เคยออกไปลงคะแนนเสียงก็จะหันมาลงให้ฝ่ายค้าน เพราะความกลัวเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภาฯ อย่างน้อยในเขตกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเอาชนะได้ทุกเขต
ในที่สุดเราก็คงต้องอดทน รอระยะเวลาให้คนเราตื่นตัวไม่ยอมขายเสียง ผมคิดว่าอีกสักสิบปีสถานการณ์น่าจะดีกว่านี้ หากข้ามเหตุการณ์นี้ได้ การเมืองไทยก็นับว่าพัฒนาไปได้อีกขั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากคือ การไม่มีรัฐประหาร