ผ่าประเด็นร้อน
เชื่อว่ามวลมหาประชาชนคงนับวันนับชั่วโมงให้ถึงวันนัดหมายใหญ่อีกครั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม เพื่อที่จะออกไป “เดินขบวน” สำแดงพลังเพื่อขับไล่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้พ้นไปจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีรักษาการ แล้วเฟ้นหาคนดีมารักษาการแทน ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำหรับภารกิจเฉพาะกิจ “ปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง” เพราะเมื่อพิจารณาจากท่าทีของ ทักษิณ ชินวัตร คงไม่มีทาง “สั่ง” ให้น้องสาวตัวเอง คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวแน่นอน และเจ้าตัวก็ยืนยันแล้ว “ไม่ออก” และเดินหน้าเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ปีหน้าให้ได้
แน่นอนว่าเมื่อเป็นแบบนี้มันก็เหมือนยั่วอารมณ์ให้ต้อง “สำแดงพลังสั่งสอน” ว่า “พวกกูไม่เอามึงแล้ว” และเชื่อว่าวันที่ 22 ธันวาคมมวล มหาประชาชนจะออมามืดฟ้ามัวดินเช่นเดิม เพราะระดับความเกลียดของมวลชนได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากความยื้อเพื่อรักษาอำนาจของระบอบทักษิณ ประเภท “หน้าด้านหน้าทน”
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากความเป็นจริงในเวลานี้ถือว่า “ความชอบธรรม” ของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ได้หมดลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว แม้กระทั่งการเป็นรัฐบาลรักษาการ ดังนั้นไม่ต้องไปพูดถึงการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ปีหน้า เพราะนี่คือ “การตื่นรู้” อย่างแท้จริง!!
เป็นการพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่า มวลมหาประชาชนที่รวมพลังกันออกมา และยังยืนหยัดอย่างหนักแน่นถึงเป้าหมายที่มุ่งมั่นเอาไว้ตั้งแต่ต้น ไม่ยอมหลงกล “หลุมพราง” ที่ใช้การเลือกตั้งเป็นใบเบิกทางของพวกโจรในการกลับมา “ปล้นประเทศ” กันอีกแล้ว ถือว่าเป็นการ “ก้าวกระโดด” ครั้งใหญ่เลยทีเดียว และเชื่อว่าหากสามารถผ่านด่านทดสอบอันยากลำบากนี้ไปได้ บ้านเมืองจะเข้าสู่ยุค “เข้มแข็ง” อย่างยั่งยืน
นั่นคือหากมีการช่วยการระดมความคิดช่วยกัน “ออกแบบ” คัดกรองนักการเมือง ปราบปรามการทุจริตทุกรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพแท้จริง รวมไปถึงการกระจายอำนาจและงบประมาณอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ซึ่งทุกอย่างต้องเกิดขึ้นโดยฝีมือของประชาชนล้วนๆ ไม่มีนักการเมือง พรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง รับรองว่าสามารถทำให้เกิดผลสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว เพราะที่ผ่านมาที่ไม่เคยทำสำเร็จเพราะนักการเมืองและข้าราชการกลัวเสียประโยชน์จึงเกิดขึ้นไม่ได้สักที หรือคืบหน้าช้ามาก
ทั้งที่ในความเป็นจริงสาเหตุที่เป็นตัวขัดขวางกันพัฒนา ขัดขวางเรื่องแก้ไขความเหลื่อมล้ำ มาจากเรื่องนักการเมืองและข้าราชการทุจริต ไม่ยอมกระจายอำนาจเท่านั้น หากสามารถสร้างกลไกการตรวจสอบการทุจริตที่เข้มข้น มีประสิทธิภาพจริง นั่นคือ “โกงได้ แต่ต้องติดคุกทุกราย” รับรองว่าทุกอย่างไปโลด
แน่นอนว่าการแก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายพรรคการเมือง การกระจายอำนาจหรือที่เรียกใหม่ว่า “ปวงชนทวงอำนาจคืนมา” ก็ได้ด้วยการเสนอให้เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ปฏิรูปตำรวจให้ขึ้นกับท้องถิ่น การแก้ปัญหาความยากจนเหลื่อมล้ำโดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ใช่เรื่องใหม่มีการพูดถึงมานานแล้ว บางเรื่อง บางพื้นที่มีการเตรียมออกกฎหมาย หรือผลักดันกันไปหลายรอบแล้ว แต่ไม่สำเร็จ เพราะมันไม่มีพลังพอ เนื่องจากมีการขัดขวางดังกล่าวนั่นเอง ขณะเดียวกัน ที่สำคัญชาวบ้านยังพอกัดฟันทนได้ แต่คราวนี้เมื่อได้เห็น “ความอุบาทว์” ของระบอบทักษิณ ที่เหนือความคาดหมายทำให้เหลืออดเหลือทน อยู่นิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ เราจึงได้เห็นมวลชนยังยืนหยัดต่อต้านอย่างหนักแน่น และเชื่อว่าจะไม่ถอย ตรงข้ามจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน เมื่อหันมาทำความเข้าใจกับ “ครอบครัวชินวัตร” ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เวลานี้มีหนทางอยู่ทางเดียวคือต้องยึดเก้าอี้รัฐบาลรักษาการเอาไว้ให้ได้ รวมทั้งต้องจัดการเลือกตั้งตามกำหนดในวันที่ 2 กุมภาพันธ์เอาไว้ เพราะนี่คือ “พิธีกรรมอำพราง” สำหรับการกลับอยู่ในอำนาจรัฐอีกครั้ง แม้ว่าหากกลับมาได้จริงก็จะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องยืนหยัดแบบนี้ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะอีกทางหนึ่งที่เหลือก็คือ “จบสิ้น” กันเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ดี ปัญหาก็คือ ชาวบ้านเขา “รู้ทัน” น่ะซี เพราะมวลชนที่ออกมาต่อต้าน พวกเขายังยืนหยัดในเป้าหมายเดิมนั่นคือต้อง “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ไม่มีใครเชื่อถือรัฐบาลของระบอบทักษิณอีกต่อไปแล้ว ไม่เชื่อว่าการปฏิรูปจะเกิดขึ้นตามความต้องการของมวลมหาประชาชนหลังการเลือกตั้งอย่างแน่นอน เพราะรู้ว่านี่คือการซื้อเวลาเหมือนทุกครั้ง และที่สำคัญพวกเขาจะไม่ยอมให้ “นักการเมือง” มายุ่งเกี่ยวกับการปฏิรูปครั้งนี้เป็นอันขาด เพราะประชาชนจะเป็นคนกำหนดเอง จากนั้นค่อยเรียกเข้ามา หากเห็นว่า “เข้มงวดนัก” ปฏิบัติตัวลำบากก็เชิญไปหาอาชีพอื่น เพราะต่อไปนี้ต้องการนักการเมืองที่ “เสียสละ” เท่านั้น ไมใช่อาชีพที่แสวงหาประโยชน์ สร้างอำนาจและความร่ำรวยอีกต่อไปแล้ว
ด้วยความตื่นรู้แบบนี้แหละถึงได้เป็นคำตอบว่าทำไมยิ่งไล่ ระบอบทักษิณ มวลชนยิ่งเติบโตขยายวง ขณะที่อีกฝ่าย ยิ่งนานก็ยิ่งเห็นสันดานชั่ว มวลชนยิ่งหดลงเหลือแต่พวกขี้ข้า ที่ต้องกอดคอกันตาย เพราะมีผลประโยชน์เกาะเกี่ยวร่วมกันจึงต้องดิ้นรนยื้อกันสุดชีวิต นั่นแหละ!!