ผ่าประเด็นร้อน
เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ปีหน้า อาจถูกเลื่อนออกไป หรือจะไม่มีการเลือกตั้ง จากเดิมที่คนในรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยต่างยืนยันอย่างหนักแน่นตลอดเวลาว่ายังไงต้องไปเลือกตั้งในวันดังกล่าว แต่นาทีนี้เสียงเริ่มอ่อยลงมาตามลำดับ หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้เสียงแข็งอย่างเดิม เริ่มมีข้อเสนอให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน หรือแม้แต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ก็เริ่มไม่แน่ใจว่าจะเลื่อนการลือกตั้งได้หรือไม่ โดยพยายามพิจารณาในข้อกฎหมายอยู่เหมือนกัน
ความหมายโดยรวมก็คือเริ่มมีความเป็นไปได้ที่จะเลื่อนการ “เลื่อน” การเลือกตั้งออกไป
อย่างไรก็ดี แม้ว่านี่คือท่าทีที่อาจดูแล้วอ่อนลงก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่ความต้องการของมวลมหาประชาชนที่ออกมา เพราะสิ่งที่เขาต้องการก็คือ “ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ไม่ใช่ “เลื่อนการเลือกตั้ง” เพราะหากมีการเลื่อนการเลือกตั้งในความหมายก็คือเป็นการซื้อเวลาให้ “รัฐบาลโจร” ที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เป็นเครือข่ายของ “ระบอบทักษิณ” เป็นการต่อลมหายใจให้ตั้งหลักและเข้มแข็งกลับมาอีก
สิ่งที่ชาวบ้านและรวมพลังกันออกมาคราวนี้ยืนยันตรงกันก็คือ ต้องขับไล่ระบอบทักษิณออกไป ขับไล่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ออกไปจากรักษาการ เพื่อเปิดทางให้มีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีรักษาการในช่วง “เปลี่ยนผ่าน” ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่ปีครึ่งไม่เกินสองปีเท่านั้น เพื่อการปฏิรูปประเทศในเรื่องเร่งด่วนที่เป็นพื้นฐานสำคัญ 5-6 เรื่องสำคัญก่อน เช่น ปฏิรูปกฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายพรรคการเมือง การกระจายอำนาจด้วยการยกเลิกการปกครองส่วนภูมิภาคแล้วให้เลือกตั้งผู้ว่าราชการจัหวัดทุกจังหวัด ปฏิรูปตำรวจให้ขึ้นกับท้องถิ่นภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง หรืออาจรวมไปถึงการปฏิรูปโครงสร้างสำนักงานอัยการสูงสุดเสียใหม่ด้วย การจัดการแก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำโดยเป็นวาระแห่งชาติ เป็นต้น
นี่คือวาระเร่งด่วน เป็นความต้องการของมวลมหาประชาชนที่ต้องการแบบนี้ และต้องทำให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง นั่นหมายความว่าต้อง “หยุดการเลือกตั้งเอาไว้ชั่วคราว” ก่อนอย่างน้อยหนึ่งปีครึ่งถึงสองปี
ดังนั้น การเลื่อนการเลือกตั้งออกไป โดยที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังรักษาการนายกรัฐมนตรีอยู่ต่อไปแบบนี้มันไม่สิ่งที่มวลมหาประชาชนต้องการ
สำหรับฝ่ายเครือข่ายระบอบทักษิณ ที่ใช้อำนาจรัฐผ่านทางรัฐบาลหุ่นเชิดเวลานี้กำลังพยายามซื้อเวลารักษาอำนาจทุกทาง และหนึ่งในกุญแจสำคัญที่สุด คือ “การเลือกตั้ง” ภายใต้กติกาเดิมแบบนี้แหละ เพราะการเลือกตั้งถือว่าเป็นหลุมพรางสำคัญเพื่อใช้สร้าง “ความชอบธรรม” ในการอยู่อำนาจและการทุจริตอีกครั้ง เพราะถือว่านี่คือพิธีกรรมในการรับรองพวกเขา ดังนั้นจึงต้องทำทุกทางเพื่อให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นให้ได้ ทำได้แม้แต่ตั้งวงปาหี่ปฏิรูป ซึ่งจะเกิดกรณีแบบนี้มาทุกครั้ง หากถูกแรงกดดันจากสังคมภายนอก แต่เมื่อสถานการณ์ผ่านไป หรือแรงกดดันลดลงทุกอย่างก็เงียบหายไปกับสายลม
แต่คราวนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เกิด “ปรากฏการณ์กำนัน” ที่นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ออกมาพร้อมกับมวลมหาประชาชนนับล้านๆ คน ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ และที่สำคัญคือพวกเขา “เหลือทน” กับระบอบทักษิณ และรูัทันเกมชั่วๆ ทุกเรื่อง โดยยืนหยัดไม่ยอมถอยจนกว่าเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้จะประสบความสำเร็จเสียก่อน
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในที่สุดแล้วฝ่ายระบอบทักษิณจะสามารถลากถูจนมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ปีหน้าได้สำเร็จก็ตาม หรือไม่ก็พยายามซื้อเวลาเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีกระยะหนึ่ง แต่อยู่ภายใต้กติกากฎหมายเดิม ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถกลับเข้ามาเสวยอำนาจได้อย่างง่ายดาย หรืออาจไม่มีทางเกิดขึ้นหากยังดึงดัน เพราะยังมีวิธีการขัดขวางทางอื่นได้อีกมาก และหากไม่นำเอาเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์จะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่มาพิจารณาก็ตาม มวลมหาประชาชนก็ยังมีไม้เด็ดทางอื่นมาขัดขวาง นั่นคือการ “โหวตโน” เพื่อไม่ให้มี ส.ส.ถึงร้อยละ 95 ทำให้เปิดสภาไม่ได้ เลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้
ดังนั้นเอาเข้าจริงยิ่งนานไปก็ไม่รู้แรงกดดันกลับไปอยู่ข้างใครกันแน่ เพราะกลายเป็นว่าเวลานี้กลุ่มมวลมหาประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น ตั้งแต่ลุ้นให้ พรรคประชาธิปัตย์บอยคอตไม่ลงเลือกตั้ง ไปจนถึงโหวตโนขัดขวางในเรื่องไม่ให้ “ชนะในเขตเลือกตั้งได้คะแนนเกินร้อยละ 20” ในเขตที่ชัวร์คือหลายจังหวัดภาคใต้และในกรุงเทพมหานคร เพื่อไม่ให้มี ส.ส.เกินร้อยละ 95 เปิดสภาไม่ได้
หากพิจารณากันตามความเป็นจริง การเลือกตั้งอาจเกิดขึ้นได้หรือเลื่อนออกไป หรือไม่เกิดขึ้นมีโอกาสเป็นไปได้เท่าๆ กัน แต่ถ้าหากมีการระดมพลมวลมหาประชาชนให้ออกมาสำแดงพลังยืนยันเพื่อขับไล่ระบอบทักษิณและ ยืนยัน “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” อีกครั้ง เชื่อว่าอย่างหลังสุดมีโอกาสมากที่สุด เพราะในเมื่อพลังมวลชนยังยืนหยัดไม่เปลี่ยนแปลงอะไรก็ขวางไม่ได้แน่นอน!!