xs
xsm
sm
md
lg

ม.อ.หาดใหญ่ จัดเสวนา “ปฏิรูปการเมือง โดยประชาชน เพื่อประชาชน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จัดเสวนาทางวิชาการในหัวข้อ “ปฏิรูปการเมืองไทย ของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน” ที่ห้องประชุมทองจันทร์ คณะแพทยศาสตร์ มี พล.ต.อ.วศิษฐ เดชกุญชร และ ผศ.ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร เข้าร่วมเสวนา บทสรุปจากเวทีย้ำชัดประเทศต้องปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้ง

วันนี้ (18 ธ.ค.) เวลา 19.00 น. ที่ห้องประชุมทองจันทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีการจัดกิจกรรมเสวนาทางวิชาการในหัวข้อ “ปฏิรูปการเมืองไทย ของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน” โดยมี พล.ต.อ.วศิษฐ เดชกุญชร และ ผศ.ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร เข้าร่วมเสวนา โดยมี อ.จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นผู้ดำเนินรายการ

โดยในช่วงเริ่มต้นการเสวนา พล.ต.อ.วศิษฐ กล่าวว่า จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ท่านทรงสอนให้คนไทยรู้จักคำว่า “หน้าที่” ซึ่งในสมัยที่ประเทศไทยถูกคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์ พระองค์ท่านทรงพระราชทานพระให้แก่เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่ และทรงรับสั่งแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในขณะนั้นให้นำทองไปปิดไว้ที่หลังพระเพื่อเป็นเครื่องเตือนสติในการทำงานว่าเวลาทำงานไม่ควรเพื่อหวังผล หรือเพื่อให้คนอื่นเห็น ทรงดำรัสแก่เจ้าหน้าที่ว่าขอให้ทุกท่าน “ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่” โดยไม่ควรหวังสิ่งตอบแทนในการทำงาน ซึ่งในปัจจุบันนี้พระองค์ท่านก็ยังรับสั่งให้คนไทยรู้หน้าที่ของตน ไม่ควรทำในสิ่งที่นอกหน้าที่

จากนั้น ผศ.ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร กล่าวเสริมต่อว่า คำว่าหน้าที่ เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองซึ่งเข้ามาบริหารประเทศโดย ได้รับอำนาจจากประชาชนที่ควรจะรู้หน้าที่ของตนมากที่สุด เนื่องจากเป็นบุคคลที่ทำงานเกี่ยวเนื่องกับความเป็นไปของประเทศชาติ เข้ามาบริหารประเทศชาติ ประเทศชาติจะเดินไปในทิศทางใด จะเจริญหรือไม่เจริญล้วนแล้วแต่เป็นหน้าที่ในการบริหารของนักการเมืองทั้งสิ้น ดังนั้น นักการเมืองควรสำนึกถึงสิ่งที่เรียกว่า “หน้าที่” ของตนให้มาก

จากนั้น อ.จุมพล ผู้ดำเนินรายการได้ถามถึงประเด็นกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ถูกนำมาใช้อ้างในการแก้ปัญหาวิกฤตการทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้

ซึ่งในประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ผศ.ดร.จักษ์ ได้แสดงความเห็นว่า การอ้างกฎหมายรัฐธรรมนูญมากจนเกินไปโดยไม่พิจารณาบริบทของสังคม หรือเรียกว่าหลัก “รัฐธรรมนูญนิยม” กล่าวคือ การนิยมในรัฐธรรมนูญยึดถือรัฐธรรมนูญเป็นหลักการเพียงอย่างเดียวในการปกครองประเทศ เป็นสิ่งที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง ควรมองผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสังคมมากกว่า ทั้งยังกล่าวเสริมว่า ไม่ควรพิจารณาตามหลักนิติศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาตามหลักการทางรัฐศาสตร์ด้วย เพราะรัฐธรรมนูญร่างขึ้นโดยพิจารณาจากหลักการทางรัฐศาสตร์ ฉะนั้นกฎหมายมีไว้เป็นแนวปฏิบัติเท่านั้น ซึ่งตัวรัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่เป็นสิ่งที่มีปัญหา แต่บุคคลผู้ใช้รัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นในปัจจุบันต่างหากที่มีปัญหา โดยตีความตัวบทกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐที่แท้จริง แต่ตีความไปในทางเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเอง

ทั้งนี้ พล.ต.อ.วศิษฐ กล่าวเสริมเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจไว้ว่า นับตั้งแต่คุณทักษิณเข้ามาบริหารประเทศประเทศนั้น ประเทศไทยได้ถูกครอบงำโดยคุณทักษิณ ซึ่งมีความพยายามแทรกแซงองค์กรอิสระ เช่น อัยการ กกต. ป.ป.ช. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำรวจ เป็นต้น ซึ่งการที่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในประเทศไทยคนหนึ่งไปให้บุคคลซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีติดยศให้ โดยยกยออย่างออกหน้าออกตาว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้” เช่นนี้ถือว่าเป็นตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนองค์กรตำรวจที่ล้มเหลว รับใช้นักการเมืองอย่างเต็มตัว อันมีจุดเริ่มต้นจากคุณทักษิณ ฉะนั้น องค์กรตำรวจเป็นองค์กรแรกที่ตนคิดว่าจะต้องปฏิรูปให้สามารถแยกจากการถูกครอบงำจากนักการเมืองให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง

จากนั้นผู้ดำเนินรายการถามถึงประเด็นที่รัฐบาลประกาศยุบสภาเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง ว่า จะนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองได้หรือไม่ ควรจะเลือกตั้งก่อนปฏิรูป หรือปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

ในประเด็นการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ผศ.ดร.จักษ์ ให้ความเห็นว่า การเลือกตั้งคือเงื่อนไขที่ต่ำสุดของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ประเทศที่มีการเลือกตั้งไม่ได้หมายความว่าประเทศนั้นเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เช่น ผู้นำเผด็จการตลอดกาลของเยอรมนี อย่าง ฮิตเลอร์ ก็เข้าสู่อำนาจโดยวิธีการเลือกตั้ง แต่หลังจากนั้นก็กระทำการเป็นทรราชสั่งกวาดล้างชาวยิวส่งผลให้ชาวยิวต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก หรือแม้กระทั่งในประเทศไทย ที่การเลือกตั้งที่มีการซื้อสิทธิขายเสียง เมื่อได้รับการเลือกตั้งเข้ามาก็ใช้อำนาจไปในทางที่มิชอบ เช่น การออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ผู้กระทำความผิด กรณีเช่นนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขัดต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดเจน

จากนั้นผู้ดำเนินรายการได้ถามถึงประเด็นการนำทฤษฎีกฎหมายจากต่างประเทศมาใช้กับบริบทของสังคมไทยที่นักวิชาการระดับประเทศหลายๆ ท่านกำลังพูดถึงในขณะนี้

ในประเด็นการนำทฤษฎีกฎหมายจากต่างประเทศมาใช้กับบริบทของสังคมไทยนั้น ผศ.ดร.จักษ์ ให้ความเห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเราควรต้องพิจารณาจารรากเหง้าของประชาชนในพื้นที่ ควรที่จะพิจารณาถึงภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศ ยกตัวอย่างเช่น การที่ประเทศไทยนำหลักประชาธิปไตยจากต่างประเทศมาใช้ทั้งหมดโดยไม่ปรับในรายละเอียดบางอย่างซึ่งไม่มีความเหมาะสมกับสังคมไทยซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง อันส่งผลให้ประเทศไทยต้องประสบกับปัญหาทางการเมืองมาโดยตลอด ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 จนกระทั่งปัจจุบัน


จากนั้นผู้ดำเนินรายการถามต่อว่า การปฏิรูปการเมืองนำโดยคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งในอดีตคุณสุเทพ ก็เป็นนักการเมืองคนหนึ่ง จึงถือว่าคุณสุเทพ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเมืองที่ล้มเหลวในอดีตที่ผ่านมา จึงอยากถามว่าว่าคนไทยจะสามารถเชื่อใจคุณสุเทพได้หรือไม่

ในประเด็นการปฏิรูปการเมืองซึ่งนำโดย คุณสุเทพ ผศ.ดร.จักษ์ ให้ความเห็นว่า เราไม่ควรมองว่าคุณสุเทพ เป็นใคร แต่เราควรมองว่าคุณสุเทพ ทำอะไรมากกว่า ซึ่งสิ่งที่คุณสุเทพ ทำเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยซึ่งตนคิดว่าควรมองในจุดนี้มากกว่าที่จะไปตั้งแง่ในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งยังกล่าวเสริมว่า การปฏิรูปประเทศต้องเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ต้องมีความอดทน และต้องต่อสู้ด้วยสันติวิธีถึงจะนำประเทศไทยไปสู่การปฏิรูปที่แท้จริงได้

ทั้งยังกล่าวเสริมว่า ขอให้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกเพื่อประเทศ หากเป็นประเทศอื่นๆ ประชาชนออกมาไล่มากขนาดนี้ตามหลักสากลควรต้องลาออกไปแล้ว ซึ่งในวันที่ 22 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ เป็นการระดมพลครั้งใหญ่ขอให้ทุกคนออกมาแสดงพลังเพื่อปฏิรูปประเทศไทย หากออกมาน้อยกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา คงยากที่จะปฏิรูปประเทศได้
ในช่วงท้ายของการเสวนา ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมเสวนาซักถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งผู้เข้าร่วมเสวนาได้เสนอความเห็นอย่างตรงกันว่า ควรเพิ่มบทบัญญัติทางกฎหมายโดยเพิ่มบทลงโทษในคดีทุจริตคอร์รัปชัน และที่ผ่านมา การปฏิรูปประเทศไม่เคยมาจากความคิดของนักการเมือง ควรมองเรื่องการปฏิรูปการศึกษาเป็นอันดับแรกสุด เนื่องจากการศึกษาเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของประชาชนในประเทศ
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น