รองโฆษก ปชป. เรียกร้องนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเร่งตำรวจไล่ล่า “ตั้ง อาชีวะ” ขึ้นเวทีเสื้อแดงปราศรัยหมิ่นสถาบันมาดำเนินคดี งง “เจ๋ง ดอกจิก” อ้างเฉยหนีไปนิวยอร์กแล้ว ขณะเดียวกัน อดีต ส.ส.พท.ยังออกมาปกป้อง สงสัยทำกันเป็นขบวนการ พร้อมเสนอให้เรียก “จตุพร” สอบด้วย เหตุเป็นผู้มอบเงินให้คนที่ปราศรัยหมิ่นสถาบัน
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ออกหมายจับ นายเอกภพ เหลือรา หรือ “ตั้ง อาชีวะ” ในข้อหาหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในการขึ้นเวทีกลุ่มคนเสื้อแดงปราศรัยที่สนามราชมังคลาก่ฬาสถาน ว่า ขอเรียกร้องนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องที่รักษาการอยู่ในขณะนี้ สร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองในการจับกุมบุคคลดังกล่าวเพื่อแสดงความจริงใจต่อสังคมไทย ทั้งล่าสุด ทางการข่าวทราบว่า นายเอกภพ ได้หนีไปพักพิง โดยมีผู้ที่มีอิทธิพลทางการเมือง และเป็นต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นให้เงินสนับสนุน ซึ่งล่าสุด นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำ นปช.ระบุว่า นายเอกภพ หนีไปที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว
น.ส.มัลลิกา กล่าวอีกว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าการที่ นายไพโรจน์ อิสรเสรีพงศ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ได้มาปกป้อง และระบุได้แจ้งความดำเนินคดี และไล่บุคคลที่คุกคามนายเอกภพ ไปแล้ว แต่กลับไม่ดำเนินการจับกุมนายเอกภพ จึงถือเป็นการขัดขืนการทำหน้าที่ของเจ้าพนักงานต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งข้อสงสัยไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรักษาการ และ รมว.กลาโหม รวมทั้งนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ซึ่งอยู่ที่เวทีปราศัยในวันดังกล่าวว่า รู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ นี่หรือไม่ที่ก่อนหน้านี้มีการตั้งผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันไปเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีไอซีที การดำเนินการดังกล่าวมีการดำเนินการเป็นขบวนการหรือไม่
“ขอฝากไปยัง ผบ.ตร.ว่า นอกจากนายเอกภพ แล้ว อยากให้มีการดำเนินการสอบปากคำต่อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.เพราะได้มีการมอบเงินให้แก่นายเอกภพ พร้อมระบุชัดเจนว่ามอบเงินให้เพราะปราศรัยดี จึงตั้งข้อสังเกตว่า นายจตุพร มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ถ้านายกฯ มีความจงรักภักดี ต้องดำเนินการจับกุมให้ได้ภายใน 1-2 วันนี้ ถ้าจับไม่ได้ก็จะชัดเจนว่าตั้งแต่ระบอบทักษิณ ถึงระบอบยิ่งลักษณ์ เป็นขบวนการเดียวกันคือ ขบวนการบั่นทอนสถาบัน”