xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ลั่นให้เชื่อมั่น “แม่ทัพเทือก” - “จิตตนาถ” เตือน รบ.สร้างสถานการณ์เปิดทางทหารแทรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปานเทพ” ชี้ชุมนุม 9 ธ.ค.อย่าถามแพ้หรือชนะ ให้เชื่อมั่นในแม่ทัพ ยันไม่สูญเปล่าแน่นอน “จิตตนาถ” คาดรัฐบาลเตรียมสร้างสถานการณ์รุนแรง เตือนมวลชนอย่าแรงกลับ ไม่เช่นนั้นแทนที่ประชาชนจะกดดันให้ทหารมาเลือกข้าง กลับกลายเป็นว่าทหารเข้ามาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยและกดดันประชาชนแทน


วันนี้ (8 ธ.ค.) เมื่อเวลา 21.35 น. นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) สื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกและแกนนำรุ่น 2 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมสนทนาในรายการ “เกาะติดสถานการณ์การชุมนุม” ทางเอเอสทีวี

นายปานเทพกล่าวว่า ต้องชื่นชมประชาธิปัตย์ที่ตัดสินใจลาออก แม้การแถลงของนายอภิสิทธิ์ยังมองเรื่องการยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ จะเห็นว่าความเห็นบางอย่างไม่ตรงกันกับนายสุเทพ แต่ก็ยังเสียสละลาออกเพื่อไม่ให้เสียรูปกระบวนในการต่อสู้

ตอนนี้เต็มไปด้วยคนเสียสละ คือ นายสนธิ ที่จะนำขบวนจากเอเอสทีวีไปเจอกับขบวนของ พล.ต.จำลอง ที่สะพานผ่านฟ้าฯ ตรงนี้สำคัญมาก เพราะสองท่านนี้ได้รับบาดแผลจากการกระทำของประชาธิปัตย์ แต่ยอมทิ้งเรื่องในอดีต แล้วเอาชาติเป็นตัวตั้ง นายสุเทพก็เสียสละอย่างมาก เสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดี และต้องหมดอนาคตทางการเมือง น้องๆ นักศึกษา คปท. รวมถึง กปท.ก็เสียสละด้วยกันทั้งสิ้น ฉะนั้นประชาชนก็ต้องเสียสละเช่นกัน

นายปานเทพกล่าวอีกว่า 9 ธ.ค.ออกมากันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ได้อยู่ที่คำถามว่าจะแพ้หรือชนะ แต่อยู่ที่มวลมหาประชาชนมากขนาดนี้ทำได้ไม่ง่าย แล้วอาจไม่มีโอกาสแบบนี้แล้ว สำคัญคือเราทุกคนต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในบทบาทของตัวเอง ไม่ต้องกังวล ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแกนนำ

แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ถ้ารัฐบาลหน้าด้านจะทำอย่างไร จะเห็นว่าวันนี้รัฐบาลถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแก้มาของ ส.ว. และจะขอพระราชทานอภัยโทษด้วย นี่ขนาดก่อนเคลิ่อนขบวนยังทำได้ขนาดนี้

ส่วนจะชนะได้อย่างไร นายสุเทพต้องการทำสิ่งหนึ่ง คือ การประกาศอย่างเป็นทางการว่าทวงอำนาจประชาชนสำเร็จแล้ว แน่นอนหลังประกาศต้องมีขั้นตอนต่อๆ ไป แต่เขาคงมีแผนวางไว้แล้ว อีกทั้งการต่อสู้ครั้งนี้มีชัยชนะมากมาย รัฐบาลยกเลิก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมตลอดกาล ไม่กล้าแก้รัฐธรรมนูญ ถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว. ประชาชนได้ตื่นรู้ เสื้อแดงลดลง ทุกวันมีชัยชนะ แล้วสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ส.ส.-ส.ว. 312 คนไม่ชอบธรรม บทลงโทษถึงขั้นติดคุก ฉะนั้น คุณประโยชน์ของการชุมนุมคือการค้ำจุนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัย ทำให้สามารถนับถอยหลังอายุของ 312 คนได้เลย แล้วเป้าหมายใหญ่สุดคือการปฏิรูปประเทศ วันนี้ทุกคนพูดถึงแล้ว มันเกิดขึ้นแน่

นายปานเทพยังกล่าวด้วยว่า 9 ธ.ค. ถ้าคนมีมหาศาลจะเป็นคนกำหนดท่าทีกองทัพ ส่วนสำคัญคำประกาศพรุ่งนี้ไม่ใช่แค่เรียกร้องการทวงอำนาจ แต่ต้องรู้ว่าโอนถ่ายอำนาจรัฐไปอยู่ที่มือใคร และใครสั่งการหลังจากนี้ แล้วใครจะเชื่อ ดังนั้นถ้ามีมวลมหาประชาชนมากพอต้องไปกำหนดท่าที สังคมไทยเป็นสังคมอำนาจนิยมปฏิเสธอำนาจทหารไม่ได้ แต่อำนาจทหารเกิดขึ้นได้ต้องให้ประชาชนกำหนด แล้วเมื่อกำหนดท่าทีกองทัพสำเร็จ ฝ่ายพลเมืองก็จะตาม

อย่าลืมสถาบันการศึกษาเยอะมากที่ให้หยุดในวันพรุ่งนี้ หลายแห่งเป็นของรัฐ ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจรัฐบาลแต่ฟังคำสั่ง กปปส. แสดงว่าเขาอารยะขัดขืนอำนาจรัฐในปัจจุบัน ฉะนั้นอย่าคิดว่าไม่มีโอกาสเกิดขึ้นอยู่ที่ว่าต้องศรัทธาและเชื่อมั่นในมวลมหาประชาชน และเชื่อว่านายสุเทพคงต้องมีปฏิบัติการบางอย่างแน่เพื่อกำหนดท่าทีของกองทัพ

นายจิตตนาถกล่าวว่า การต่อสู้ 9 ธ.ค. เหมือนเป็นการจัดปาร์ตี้บนเครื่องบินใหญ่ โดยนายสุเทพเป็นกัปตัน เขาไม่พาเราไปตายหมู่แน่ เพราะตายหมู่เขาก็ต้องตายด้วย ไม่ต้องมีคำถามเยอะแยะ การต่อสู้ไม่สูญเปล่าแน่นอน

คาดว่ารัฐบาลคงจะรับมือด้วยการดึงให้นานที่สุด ฉะนั้นต้องเชื่อในแม่ทัพ ถ้าแม่ทัพสั่งให้อยู่ยาวก็ต้องอยู่ยาว ต้องยืนหยัด อีกวิธีคือรัฐบาลอาจยุบสภาหนี อันนี้ต้องเตรียมไว้ว่าจะทำอย่างไรต่อ อีกวิธีรัฐบาลต้องทำให้คนที่บอกว่าอยู่ข้างประเทศไทยมาเป็นคนกลาง ฉะนั้นมวลชนต้องมีสติ ถ้ามีเหตุรุนแรงมาอย่ารุนแรงกลับ อย่าตกเป็นเหยื่อ ไม่เช่นนั้นแทนที่ทหารจะเลือกข้างประชาชน ทหารจะกลายเป็นคนเข้ามาไกล่เกลี่ย

คำต่อคำ : “ปานเทพ-จิตตนาถ” ร่วมสนทนาในรายการ “เกาะติดสถานการณ์การชุมนุม” 8 ธ.ค.

จินดารัตน์ - สวัสดีค่ะคุณผู้ชมคะ พรุ่งนี้วันที่หลายคนรอคอยว่า จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้หรือไม่ กับกำนันสุเทพ เรามาวิเคราะห์สถานการณ์กันล่าสุดกันก่อนว่า พรุ่งนี้จะทำอะไรจะเกิดอะไรขึ้นกันบางกับอาจารย์ปานเทพ พงษ์พัวพันธ์ และคุณจิตตนาถ ลิ้มทองกุลค่ะ สวัสดีค่ะ

จิตตนาถ - สวัสดีครับ

ปานเทพ - สวัสดีครับ

จินดารัตน์ - เมื่อคืนดุเดือดเลยนะคะ บนเวที คปท.

จิตตนาถ - ครับผม เล่นพระเจ้าตากดุเดือดเลยครับ

จินดารัตน์ - เราจะมาคุยกันสิ่งที่หลายคนกำลังกังวลใจว่า มันมีคำถามอยู่ เอาเริ่มจากเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ก่อน และแล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ตัดสินใจลาออก ให้ ส.ส.ลาออกทั้งพรรค ถามว่ามันมีนัยอะไรในคำพูด หรือในพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เราควรจะมองต่อ หรือตั้งข้อสังเกต หรือไว้ใจเขาได้แล้วนะ พรรคประชาธิปัตย์ ยินดีที่จะร่วมปฏิรูปประเทศกับประชาชน มวลมหาประชาชนแล้ว
คุณจิตตนาถคะ

จิตตนาถ - ก่อนอื่นนะครับ อันนี้ต้องให้เครดิตกับพรรคประชาธิปัตย์ก่อนนะครับ เพราะว่าผมเข้าใจว่า เป็นการเรียกประชุมโดยด่วนนะครับ ส.ส.ทั้งพรรครู้สึกจะมาหมด ยกเว้นคนเดียวที่อ่านตามข่าวไม่ได้มาคือ คุณชวน หลีกภัย และมตินี้ก็เป็นเอกฉันท์ให้ลาออก คือพูดง่ายๆ ว่าลาออกทันเวลา คุณูปการของพรรคประชาธิปัตย์ก็คือ อย่างน้อยการที่เขาประกาศลาออกในครั้งนี้เท่ากับว่า เขาไม่รับรองสภาฯ และไม่รับรองรัฐบาลที่เป็นกบฏแล้ว ก็สร้างความชอบธรรมให้กับการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนมากขึ้นนะครับ ผมไม่ได้มองในมิติว่า พรรคประชาธิปัตย์มีฐานเสียงที่จะพาเข้ามาเพิ่มขึ้นหรือไม่อย่างไร แต่ผมมองในมิติของการหมดความชอบธรรมของรัฐบาล และของสภาฯ ที่พรรคประชาธิปัตย์ช่วยในครั้งนี้ ก็ต้องถือว่า อย่างน้อย 1 Step เขาฟังเสียงของประชาชนนะครับ อันนี้ให้เครดิตเขา

จินดารัตน์ - เพราะจริงๆ แล้วเมื่อคืนนี้ จะว่าไปแล้วทั้งเมื่อคืนทั้งเช้าวันนี้ ถ้าเราเข้าไปดูในหน้าโซเชียลเน็ตเวิร์กทั้งหมด มีการกดดันด้วยคำพูดด้วยอะไรก็แล้วแต่ ที่บอกว่า ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องลาออกทั้งพรรค อันนี้ก็น่าจะมีส่วนด้วย

จิตตนาถ - คิดว่าเขาคงจะล็อบบี้กันไป ล็อบบี้กันมาหลายรอบนะครับ เพราะว่าเท่าที่เช็กเฟซฯ ของคุณกรณ์นะครับ เมื่อคืนหรือเมื่อเช้ายังประกาศอยู่เลยว่า ยังยืนยันอยู่ในแนวทางเดิม ก็คือยังอยู่ในระบบสภาฯ อยู่

จินดารัตน์ - คือจะให้ลาออกทำไม อย่างนั้นใช่ไหมคะ

จิตตนาถ - ใช่ครับ แต่ก็ควรมีการคุยกันอย่างปัจจุบันทันด่วนว่า สถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว มวลมหาประชาชนออกมาขนาดนี้ สถาบันการศึกษาต่างๆ ให้นักศึกษาเข้าร่วมบ้าง ใช่ไหมครับ

จินดารัตน์ - หยุดการเรียนการสอน

จิตตนาถ - ใช่ครับ เกือบจะทุกสถาบัน ซึ่งไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ เพื่ออะไร เพื่อที่จะล้มรัฐบาล อันนี้ไม่ใช่เพื่อต่อต้าน พ.ร.บ.ปรองดองอันนี้อยู่ เพื่อที่จะปฏิรูปประเทศ เพื่อที่จะล้มรัฐบาล สถาบันการศึกษาเปิดให้ขนาดนี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็คิดว่า โอ้โหถ้านักศึกษามาขนาดนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ฟังเสียงประชาชน ก็ต้องขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์

จินดารัตน์ - ก่อนหน้านี้ทำไมไม่ยุบ เขาบอกภายในพรรคเถียงกันเยอะ ถึงใช้เวลาประชุมนานมาก หลายชั่วโมงมาก

จิตตนาถ - 5 ชั่วโมงครับ

ปานเทพ - ผมคิดเหมือนคุณจิตตนาถก็คือว่า ข้อแรกเลยคือ ผมคิดว่าทุกคน ใครก็ตามที่อาจจะไม่ชอบพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เราก็ต้องถือว่า การลาออกครั้งนี้เป็นการเสียสละ และต้องแสดงความขอบคุณและให้กำลังใจกับคนที่ลาออกมาทั้งหมดนะครับ

จิตตนาถ - เหตุผลเป็นเพราะว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ พรรคการเมืองพรรคหนึ่งประกาศมาโดยตลอดว่า เชื่อมั่นในระบบรัฐสภาจะก้าวข้ามวาทกรรมที่ว่า ทุกอย่างว่าด้วยระบบรัฐสภา เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา มากลายเป็นลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

ปานเทพ - ผมยังจำได้ครั้งหนึ่งนะครับ ในสมัยพรรคความหวังใหม่เคยลาออกจากฝ่ายค้าน แล้วก็ปรากฏว่า ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์เองยังคงดำรงเดินหน้าในการประชุมสภาฯ ต่อไป เพราะถือว่าตัวเองต้องเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา สะท้อนให้เห็นว่าความต่อเนื่องมาอย่างยาวนานที่พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นในสิ่งนี้

บัดนี้มันเป็นก้าวข้ามครั้งใหญ่ เทียบเคียงได้กับเมื่อครั้งปี 2449 ที่พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจที่จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งหรือบอยคอตในการเลือกตั้ง ก็ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ครั้งแรกของพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งนี้ครั้งที่ 2 คือ ลาออกทั้งสภาฯ แต่ถามว่าอะไรเป็นจุดที่น่าสนใจในเรื่องของการลาออกครั้งนี้ ผมคิดว่าขอแรกเลยก็คือคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เรียกร้องก่อนหน้านี้มา 3 ข้อ ว่าจะเป็นปัจจัยในการชี้ขาดที่ทำให้เกิดมวลมหาประชาชน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแลงได้ แม้ว่าคุณสนธิจะไม่ปฏิเสธว่า ทหารเป็นตัวจักรสำคัญในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ว่ามวลมหาประชาชนเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งนะครับ ดังนั้นการจะเกิดมวลมหาประชาชนได้ พันธมิตรฯ โหวตโนได้ล้านกว่าวันนั้นเป็นวันที่เราตัดสินใจบอกว่า ไม่ยอมรับกับลระบบการเมืองที่ล้มเหลว ทั้งรัฐสภาแบบนี้ ในเวลาตอนนั้นไม่มีใครฟังเราหรอกครับว่ามันยากที่จะเชื่อ ต้องใช้เวลากี่ปีครับ 54,55,56 2 ปี กว่าคนจะบอกว่าจริงด้วยระบบรัฐสภาแบบนี้มันล้มเหลว แล้วก็ทุกคนกำลังก้าวข้ามหาสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำรอยเดิม อยากจะบอกว่า ก่อนหน้านี้สิ่งที่คุณสนธิเรียกร้องก็คือ 1.ประชาธิปัตย์ให้นำการชุมนุม เพราะว่ามีมวลชนเยอะที่สุดจากฐานเสียงโหวตโน เรารู้ว่าจะมีเท่านี้ประชาธิปัตย์มี 12 ล้านคน ถ้าเขาพลิกมาเป็นผู้นำมวลชน โอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงสูง และก็มีมวลชนอย่างมหาศาลที่เป็นแฟนคลับของเขานี้เยอะ บวกกับสถานการณ์ที่สุกงอม มันจะทำให้มีโอกาสได้รับชัยชนะเพิ่มมากขึ้น ข้อที่ 2 ก็คือว่า พรรคประชาธิปัตย์เอง ต้องชูธงปฏิรูปการเมือง เพราะว่าถ้าไม่ชูธงการปฏิรูปการเมือง สุดท้ายจะจบด้วยการยุบสภาฯ ของนายกรัฐมนตรี หรือลาออก แล้วก็เลือกตั้งใหม่ ภายใต้ระบบเดิม และพรรคประชาธิปัตย์ก็จะแพ้อีก ดังนั้นเราก็บอกว่า ต้องมาควบคู่กับการปฏิรูป

จิตตนาถ - นี่เงื่อนไขที่คุณสนธิยื่นไป

ปานเทพ - ยื่นไปแล้ว คือยื่นข้อที่ 3 อีกบอกว่า ไม่ใช่แค่นี้นำการชุมนุม ปฏิรูปการเมือง ยังต้องมีข้อที่ 3 ด้วย คือต้องลาออกทั้งหมดเลย เพื่อปฏิเสธความชอบธรรมของระบบการเมืองที่ล้มเหลวในปัจจุบัน มาจนถึงระบบในที่สุดศาลได้วินิจฉัยว่า คนเหล่านี้ 312 คน สมาชิกรัฐสภาล้มเหลว ทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 3 ในที่สุด 3 เงื่อนไขนี้ครบแล้ว

จินดารัตน์ - ถึงเกิดภาพวันนี้

ปานเทพ - ถึงเกิดภาพวันนี้ ทุกคนก็ ผมอยากจะบอกว่า ปรากฏการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นกลไกที่นึกจะเกิดก็เกิดนะครับ มันมีวิวัฒนาการที่ไม่ใช่เกิดขึ้นง่ายๆ ย้อนกลับไปซัก 2 ปีที่แล้ว หลับตามองภาพดูนะครับ ในเวลาตอนนั้นทุกคนไม่มีใครพูดถึงคำว่า ปฏิรูปการเมือง ทุกคนพูดเรื่องคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โค่นล้มรัฐบาล คิดแต่เรื่องขั้วอำนาจใช่ไหมครับ มาวันหนึ่ง แฟนคลับพรรคประชาธิปัตย์ต้องเป็นคนที่เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา ไม่อยากนั้นคงไม่ได้ 12 ล้านเสียงคราวนั้น วันหนึ่งได้คนนำอย่าง คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนแรกๆ เสียสละมากนะครับ เป็นนักการเมืองมาตลอดชีวิต เสียเงินเสียทอง ว่ากันว่าเงินใช้จ่ายอย่างมโหฬาร เรียกว่าแทบต้องขายทรัพย์สินมาเพื่อระดมการครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่คุณสุเทพ ยากครับที่จะทำ ด้วยการระดมทรัพย์สินเงินทองมากมายขนาดนี้

ผมได้คุยกับคนกองทัพธรรมแล้วหลายคน เขาบอกว่า คุณสุเทพเขามีความคิดในการปฏิรูป แต่ว่ายังมีความไม่มั่นใจถึงมวลชนพรรคประชาธิปัตย์ ที่เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา จริงๆ ถ้าเป็นคุณอภิสิทธิ์ในการนำการชุมนุมนะครับ เราอาจจะไม่ได้ยินคำว่า ปฏิรูปเลยก็ได้ ในช่วงเวลาความคิด ณ เวลาตอนนั้น แต่คุณสุเทพตัดสินใจเริ่มพัฒนาไปสู่การปฏิรูป ไปจนกระทั่งถึงไม่รับระบบรัฐสภาแบบนี้ ไม่รับรัฐบาล และไปไกลจนถึงหาทางออกเป็นรัฐบาลประชาชน เป็นสภาประชาชน เกินกว่าที่หลายคนจะคาดการณ์ เพราะว่าหลายคนบอกว่า มันยากที่จะเกิดได้ในรัฐธรรมนูญ

เพราะฉะนั้นแล้ว ลักษณะที่เกิดขึ้นต้องถือว่า คุณสุเทพได้แปรสภาพมวลชนที่เชื่อมั่นในระบบรัฐสภาของพรรคประชาธิปัตย์ กลายเป็นมวลชนเรียกร้องการปฏิรูปการเมือง นี่ถือเป็นชัยชนะของคุณสุเทพที่เป็นก้าวสำคัญนะครับ ถ้าคุณสุเทพไม่สามารถแปรมวลชนให้เปลี่ยนความคิดจากระบบการเมืองที่เป็นระบบนี้ ที่ต้องเรียกพรรคประชาธิปัตย์ ให้มาเป็นมวลชนเรียกร้องการปฏิรูปการเมือง ยากครับที่ประชาธิปัตย์จะลาออกในวันนี้ เพราะกระแสมวลชนยังเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา เชื่อมั่นว่าคะแนนเสียงจะต้องเพิ่มขึ้น
เพราะลึกๆ แล้ว ทำไมผมจะไม่รู้ว่า วันที่ตัดสินใจที่มีความสำคัญอย่างยิ่งว่า พรรคประชาธิปัตย์จะถอยไหมจากการชุมนุมนะครับ คือวันที่อยู่ที่ราชดำเนิน และก็มีนักการเมืองที่มีความคิดไม่ตรงกับคุณสุเทพบอกว่า รัฐบาลถอยแล้วเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คำนวณในเรื่องของการดูสถิติแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนเพิ่มขึ้น คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น เลือกตั้งแล้ว เดี๋ยวคะแนนจะเพิ่มขึ้น จะมี ส.ส.เพิ่มมากขึ้น บางคนตีความจนกระทั่งมีกรรมการบริหารบางคนให้สัมภาษณ์ว่า เรามั่นใจว่า เราอาจจะชนะการเลือกตั้ง ตรงนั้นแหละครับเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ขึ้นเวทีหลังจากนั้น เพราะคุณสุเทพยืนยันว่า จะเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จุดตรงนั้นเองถึงขนาดมีความคิดเลยนะครับว่า จุดเปลี่ยนที่มีความสำคัญ 2 ข้าง พอคุณสุเทพเริ่มเผยว่า เส้นทางของตัวเองจะเสนอตามรัฐธรรมนูญมาตรา 7 รัฐธรรมนูญมาตร 3 คือรัฐธรรมนูญที่บอกว่า สภาฯ ขัดหลักนิติธรรมพ้นสภาพเป็นโมฆะ คุณสุเทพอ้างจุดนี้ว่า เป็นโมฆะแล้ว รัฐบาลเสนอทูลเกล้าฯ ไม่ยอมรับผิด แล้วก็กระทำความผิดเอากฎหมายที่ผิดๆ ทูลเกล้าฯ ขัดหลักนิติธรรม พ้นสภาพรัฐบาลทั้งสภาฯ ไปแล้วนะครับ ก็เลยอ้างความชอบธรรมว่า ถ้าอย่างนั้นก็ต้องอาศัยว่ามาตรา 7 บอกว่า เมื่อไม่มีบทบัญญัติใดๆ ในรัฐธรรมนูญให้ใช้ประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่า ต้องไม่สามารถใช้บทบัญญัติใดได้แล้วในรัฐธรรมนูญ แต่บังเอิญครับในรัฐธรรมนูญมาตรา 93 วรรค 5 บัญญัติไว้ว่าเมื่อใดก็ตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ้นสภาพไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดให้ถือว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่าที่มีอยู่เป็นสภาผู้แทนราษฎร ให้ถือว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่าที่มีอยู่เป็นสภาผู้แทนราษฎร หมายความว่าที่คุณสุเทพบอกว่า สภาฯ เป็นโมฆะแล้ว มันไม่โมฆะทั้งหมด มันโมฆะไป 312 คน มันเหลือประชาธิปัตย์ เมื่อเหลือประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถใช้มาตรา 7 ได้ เพราะประชาธิปัตย์เป็นส่วนหนึ่งของสภาฯ

ดังนั้นความขัดแย้งตรงนี้จะบอกว่า เป็นทาง 2 แพ่งที่้เดินคู่ขนานกันมันไม่ได้แล้ว มันได้เพราะว่ามันเลือกทางใดทางหนึ่ง เพราะว่าสภาประชาชนตามความเชื่อของคุณสุเทพจะเกิดขึ้นไม่ได้ตามมาตรา 7 หากยังมีสภาฯ อยู่ สภาฯ ถ้าบอกว่า 312 คนโมฆะไปยังเหลือประชาธิปัตย์เป็นสภาฯ เท่าเหลืออยู่ในสภาผู้แทนราษฎร สถาบันสภาฯ ยังอยู่ครบถ้วน ตรงนี้เท่ากับประชาธิปัตย์เป็นอุปสรรคต่อการ

จินดารัตน์ - การปฏิรูป การตั้งสภาประชาชน

ปานเทพ - ถูกต้อง เป็นอุปสรรคต่อมาตรา 7 เป็นอุปสรรคต่อสภาประชาชน ดังนั้นการดำรงอยู่ของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อเปิดเผยว่า จะใช้มาตรา 7 ประชาธิปัตย์เป็นอุปสรรคทันที เห็นไหมรับ เพราะฉะนั้นบางคนก็ยังบอกว่าไม่หรอกเขาเล่นแบ่งบทกันเล่น ผมจะบอกว่าการพูดอย่างนั้นเท่ากับดูถูกคุณสุเทพและพรรคประชาธิปัตย์ และก็เป็นการใส่ร้ายว่าคน 2 กลุ่มนี้สมรู้ร่วมคิดกันหลอกประชาชนชนในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

จิตนาถ - เป็นไปไม่ได้ครับ เขาขัดแย้งกันจริงๆ ทางความคิด แต่ก็ดีครับวิวัฒนาการที่คุณสุเทพพัดพามาจนคลื่นมหาชนจนถึงจุดนี้เนี่ยนะครับ มันทำให้เกิดกระบวนการ มวลชนของพรรคประชาธิปัตย์ที่เชื่อมั่นในพรรคประชาธิปัตย์ และระบบรัฐสภาได้คุณสุเทพมาโน้มน้าวเรื่องการปฏิรูป และการเปลี่ยนแปลง และคลื่นมวลมหาชนเหล่านี้ได้ส่งสัญญาณไปยังพรรคประชาธิปัตย์

ปานเทพ - แรงมากนะครับ คุณจิตตนาถ นี่โดน 2 ที ก็โดนตอกกลับมาเยอะนะครับ แมลงสาบกัดกินล้นหลามนะครับ ส่งสัญญาณไปเหมือนสัญญาณที่คุณสนธิพูดไปเมื่อหลายเดือนก่อน ในที่สุดกระแสนี้มันถกโถม ทุกคนเริ่มคิดว่า เออจริงมันเป็นอุปสรรค และเมื่อถาโถมเข้าไป พรรคประชาธิปัตย์ต้องเลือก

จินดารัตน์ - ไม่ไหว

ปานเทพ - ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ตามคำสัมภาษณ์นี้นะครับ คุณอภิสิทธิ์วันนี้พูดว่า หากนายกฯ ยุบสภาฯ ผมก็พอใจมากกว่านายกฯ ไม่ทำอะไร คือพรรคประชาธิปัตย์เขายังมีความเชื่อว่า พรรคการเมืองมีประโยชน์ในการปฏิรูป ถ้ายุบสภาฯ ก็ไปลงเลือกตั้ง และเสนอนโยบายการปฏิรูป และเลือกตั้งทัน พรรคประชาธิปัตย์ผมจะยังไม่บอกว่า ถูกหรือผิดนะครับ แต่ในกระแสที่คุณสุเทพตัดสินใจว่า ชุมนุมครั้งสุดท้ายคือ วันที่ 9 มันไม่มีเวลาแล้วที่คุณจะไปชูเรื่องการปฏิรูปจากการเลือกตั้ง คุณสุเทพจะแพ้หรือชนะ จะไปมอบตัว จะไปยุติการชุมนุมขึ้นอยู่กับวันที่ 9 ในครั้งสุดท้ายที่จะปฏิบัติงาน และถ้าคุณสุเทพไม่มีความชอบธรรมในการเรียกร้องสภาประชาชน โดยติดอุปสรรคพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องเป็นปัญหา และเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนในครั้งนี้

เพราะฉะนั้นแล้วก็เท่ากับว่า ถ้ายุบสภาฯ ถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้ใจคนไหม ถ้าวันหนึ่งคุณสุเทพพ่ายแพ้ เขาก็จะบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นปัญหา ทำให้คุณสุเทพไม่ได้รับความชอบธรรมมากพอ ประชาชนจึงไม่เข้าร่วม ประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถกลับมาชนะการเลือกตั้ง ดีไม่ดีอาจจะลดลงกว่าเดิม ในทำนองเดียวกันถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจเดินมาสู้กับประชาชน ในวันข้างหน้าเขาก็จะบอกว่า พรรคการเมืองนี้รู้จักคำว่าเสียสละ มายืนเคียงข้างประชาชน แม้ว่าในคำสัมภาษณ์เสียทีเดียว พรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้ยังพูดว่า ในขณะนี้แนวทางการปฏิรูปประเทศยังไม่ตรงกันในเรื่องของรูปแบบ และวิธีการแต่อย่างน้อย การลาออกครั้งนี้ก็จะไม่เป็นอุปสรรค ต่อการใช้มาตรา 7 ตามความเชื่อของ กปปส. ตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญ และต้องขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ เพราะถือว่า ถ้าไม่เชื่อแนวทางของคุณสุเทพ แต่ยังต้องเสียสละ เพื่อไม่ให้เขาเสียขบวนการ ตรงนี้ต้องขอบคุณเขา และต้องชื่นชมและให้กำลังใจเขา ในการแสดงสปิริตครั้งนี้

จินดารัตน์ - แต่คำถามก็คือ ถ้าสมมุติว่า วันที่ 9 วันพรุ่งนี้ เกิดรัฐบาลตัดสินใจยุบสภาฯ แล้วถ้าฟังจากคำพูดของคุณอภิสิทธิ์ มันมีโอกาสไหม บางคนมันแม่งๆ นะ เหมือนกับว่า ถ้ายุบสภาฯ แล้วประชาธิปัตย์จะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งอีกหรือเปล่า

จิตตนาถ - ตรงนี้แหละครับ ที่เราควรที่จะมาวิเคราะห์กันให้ดีนะครับ ก็คือว่าขอย้อนไปนิดหนึ่ง จริงๆ เสียดายที่พรรคประชาธิปัตย์ลาออกช้าไปนิดหนึ่ง เพราะถ้าเกิดว่า พรรคประชาธิปัตย์ลาออกก่อน หรือลาออกพร้อมกับที่คุณสุเทพ ประกาศจะปฏิรูปการเมือง มันจะทำให้รัฐบาลหมดสภาพทันที หมดความชอบธรรมขึ้นทันที การประกาศที่จะให้พวกคุณสุเทพเป็นกบฏ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ถูกไหมครับ เวลาไปขึ้นศาลน้ำหนักในการที่ต่อสู้จะมีมากกว่าเดิม โอกาสที่จะปกป้องคุณสุเทพ และแกนนำท่านต่างๆ โอเคทีนี้กลับมาถึงไอ้เรื่องตรงนี้ต่อก็คือว่า ผมได้อ่านที่คุณอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ที่บอกว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะปฏิรูปภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ มันก็เป็นอีกอันหนึ่งที่มันดูขัดแย้งเล็ก

จินดารัตน์ - ไอ้คำนี้ใช้ไหมคะ

จิตตนาถ - กับการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ มิติในวันพรุ่งนี้ที่มวลมหาประชาชนได้เรียบร้อยจากพรรคประชาธิปัตย์แล้วก็คือ รัฐบาลหมดความชอบธรรมแล้ว แต่ว่ามิติการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ สู้เพื่ออะไร สู้เพื่อการปฏิวัติโดยประชาชนใช่หรือเปล่า ผมไม่ทราบไม่มีใครประกาศ ถือว่าเป็นการล้มรัฐบาล หรือว่าการขับไล่รัฐบาล คือการปฏิวัติด้วยมวลมหาประชาชนนั้นใช่ไหม ถ้าเป็นการปฏิวัติโดยมวลมหาประชาชน ก็หมายความว่า เราไม่ต้องการเลือกตั้ง แต่พรรคประชาธิปัตย์บอก ฉะนั้นรัฐธรรมนูญก็จะไม่มีความหมายอีกต่อไป ถ้าประชาชนปฏิวัติถูกไหมครับ ก็ต้องดูว่า จะใช้รัฐธรรมนูญฉบับไหนต่อไป พูดง่ายๆ ว่า ไม่ว่าใครจะปฏิวัติสำเร็จ ถ้ารัฐธรรมนูญว่ากันไว้ก่อนว่า คณะปฏิวัติจะใช้อันไหน ถ้าประชาชนปฏิวัติสำเร็จก็เท่ากับว่า ไอ้ตามรัฐธรรมนูญที่พรรคประชาธิปัตย์บอก จะมีการปฏิรูปมันก็ไม่ใช่แล้ว ก็หมายความว่าอะไร หมายความว่า ถ้าอย่างนั้นนายกฯ ปูบอกว่า จะยุบสภาฯ เลือกตั้งใช่ไหมครับ จะขอลาออกตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญ พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะเข้าร่วมในการส่ง ส.ส.ลงเลือกตั้ง โดยชูธงการปฏิรูปอย่างที่อาจารย์ปานเทพพูด
ฉะนั้นพรุ่งนี้ถ้าเกิดว่า พรุ่งนี้หรือวันต่อๆ ไป เกิดได้รับชัยชนะมา แล้วเขาก็มีทางถอยคือ ยุบสภาฯ อยู่ มันก็ต้องไปวัดใจกันอีกรอบว่า

จินดารัตน์ - ประชาธิปัตย์จะเอาอย่างไร

จิตตนาถ - พรรคประชาธิปัตย์จะเอาอย่างไร นี่ก็คือหมากที่มันซ้อนอยู่ ที่เขาสามารถจะพลิกไปแบบไหนก็ได้ ก็ต้องดูกระแสประชาชนอีกทีหนึ่ง

จินดารัตน์ - คือก็อาจจะเป็นไปได้เหมือนกันว่า ถ้ายุบสภาฯ แล้ว ประชาธิปัตย์ก็จะบอกว่า เราปฏิรูปได้นะ

จิตตนาถ - ผ่านพรรคการเมือง

จินดารัตน์ - ผ่านพรรคการเมือง เดี๋ยวเราจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็เลือกพวกเราเข้ามาเยอะๆ เราจะปฏิรูปการเมืองอย่างนั้น

ปานเทพ - ที่จริงเป็นความคิดที่ผมไม่ปฏิเสธเสียทีเดียวครับ เพราะผมจะย้ำเสมอว่า การปฏิรูปการเมืองจะต้องไม่ปฏิเสธผู้มีอำนาจรัฐ หรือผู้ที่จะสถาปนาอำนาจรัฐในอนาคต เพราะทั้งสองกลุ่มนี้้เท่านั้น ที่จะทำให้เกิดการปฏิรูปได้จริง พ้นจากนั้นประชาชนเฉยๆ ทำไม่ได้นะครับ ต้องคนมีอำนาจรัฐ หรือจะมีอำนาจรัฐในอนาคต พรรคประชาธิปัตย์เป็นเครื่องมือหนึ่งแน่นอน เพียงแต่ว่าอะไรเกิดก่อน และอะไรเกิดหลังนี่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างเช่น สมมุติถ้ามีการเลือกตั้งไปเรื่อยๆ และสมมุติเราเห็นระบบการเมืองการเลือกตั้งที่เป็นระบบเขตเลือกตั้งก็ดี ระบบบัญชีรายชื่อที่อยู่ภายใต้ทุนของพรรคการเมือง มันไม่เป็นคำตอบ แล้วเราก็ไปใช้วิธีการนี้ในการเข้าไปสู่อำนาจรัฐนะครับ
ถามว่าถ้าเราเห็นปัญหาในระบบการเลือกตั้งแบบนี้ เป็นปัญหา การชูนโยบายจะเกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อระบบการเลือกตั้งเป็นปัญหาเสียเอง เช่น สมมุติวันหนึ่งคนมองว่า ระบบการเลือกตั้งแบบนี้ใช้ไม่ได้ จะต้องมีส่วนผสมผสานจากส่วนที่ไม่ใช่พรรคการเมือง จากสาขาอาชีพ จากทางสังคมที่ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง มีสัดส่วนใกล้เคียงกัน แล้วค่อยนำไปสู่การเลือกตั้งตามสาขาอาชีพ ตามระบบเขต ตามระบบบัญชีรายชื่ออย่างนี้ เป็นต้น อย่างนี้เขาเรียกว่า ปฏิรูปก่อนค่อยมีการเลือกตั้ง แต่ความคิดแบบประชาธิปัตย์คือ เอาชุดการปฏิรูปไปสู่พรรค และไปสู่การหาเสียง ถ้าประชาชนเห็นด้วย ประชาชนในระบบการเลือกตั้งแบบนี้เห็นด้วย เขาก็จะได้รับชัยชนะ
ปัญหาก็คือว่า บางทีมันได้รับชัยชนะไม่ได้ เพราะมันต้องมีการวางระบบก่อน ถึงจะนำไปสู่กลไกการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐ หรือว่าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการได้มาซึ่งอำนาจรัฐ หรืออำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติได้ มันอยู่ที่ว่า อะไรก่อนและอะไรหลัง นี่คือข้อแรกเลยนะครับ ส่วนอันที่สองที่มีความสำคัญก็คือว่า ผมยังเชื่อว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์เสียสละครั้งนี้ มันเป็นสัญญาณที่ดี เพราะผมเชื่อว่าวันใดก็ตามที่คลื่นมวลมหาประชาชนคิดเป็นเอกภาพ หมายถึงว่า แกนนำบนเวทีมีวิวัฒนาการทางความคิด และพัฒนาความคิดไปสู่ประชาชน จนเกิดคลื่นมหาชน ผมว่าไม่มีใคร เลี่ยงกระแสความคิดของมวลมหาประชาชนได้ในท้ายที่สุด แม้ว่าวันหนึ่งเขาจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้ แต่วันหนึ่งเขาอาจเห็นด้วยเมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกัน มันเป็นเรื่องของการเอาชนะทางความคิด ไม่ต่างกับสิ่งที่เราบอกว่าปฏิเสธการเมืองทั้งระบบด้วยการโหวตโน เมื่อ 2 ปีกว่าที่แล้ว แล้วคนบอกว่าเราเพี้ยน หรือเปล่าการเมืองมันต้องมีแบบนี้ 2 ปีผ่านไป เออจริงระบบการเมืองแบบนี้มันใช้ไหม่ได้ เราไม่ควรจะปล่อยให้มีการเลือกตั้งแบบนี้อีกต่อไป

เห็นไหมครับ มันใช้เวลาตั้ง 2 ปี มันถึงจะเกิดกระบวนการแบบนี้ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันต่างจาก 2 ปีที่แล้วอย่างมาก เพราะว่ามันเกิดการจุดติดของคลื่นมวลมหาประชาชน พอจุดติดแล้วการต่อยอด และวิวัฒนาการมันเร็วมากนะครับ ยิ่งมีเฟซบุ๊กอินเทอร์เน็ตนะครับ โซเชียลมีเดียมันเร็วและแรงมาก เดือนครึ่งทุกพูดเรื่องการปฏิรูปการเมืองหมด เร็วมากนะครับ ตรงนี้ผมคิดว่าเป็นปัจจัยสำคัญและผมก็เชื่อว่าแม้ว่าประชาธิปัตย์อาจยังไม่คิดเหมือน กปปส.อาจเป็นเพราะ กปปส.คิดไม่ถูก หรือประชาธิปัตย์คิดไม่ถูก แต่ผมเชื่อว่าวิวัฒนาการของมวลมหาประชาชนมันจะค่อยๆ พัฒนาจนทำให้ทุกคนคิดเป็นเอกภาพ และเหมือนกันในท้ายที่สุด

จิตตนาถ - แต่ว่ามันชัดออกมาแล้วครับว่า พรุ่งนี้ที่มวลมหาประชาชนจะสู้กัน สู้กันเพื่อการปฏิรูปแล้วปฏิรูปเลยตอนนี้

จินดารัตน์ - เป็นเอกภาพเลยนะคะ

จิตตนาถ - เป็นเอกภาพเลยตอนนี้ ถ้าเกิดว่าพอสู้เพื่อการปฏิรูปแล้วปรากฏว่าคุณยัง ก็คือพูดง่ายๆ ว่าสู้เพื่อการแก้ที่ระบบก่อนที่จะปล่อยให้มีการเลือกตั้ง ถ้าคุณไปเลือกตั้งก่อนแล้วแก้ระบบพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องมีคำตอบให้กับมวลมหาประชาชนให้ได้

ปานเทพ - ว่าแก้ได้จริง

จิตตนาถ - ไม่ใช่ ว่าพวกมวลมหาประชาชนสู้มาเพื่ออะไรใช่ไหม ที่สู้ๆ ไปเพื่ออะไร ใช่ไหมครับ ถึงวันนั้นคำถามจะย้อนมาที่พรรคประชาธิปัตย์อีก ก็ต้องเตรียมคำตอบกันให้ดีๆ เพราะว่ามันเป็นฉันทามติเรียบร้อยแล้วของคนที่ออกมาในวันพรุ่งนี้ว่าต้องการสู้ เพื่อแก้ระบบเดี๋ยวนี้เลย

จินดารัตน์ - ไม่ใช่ผ่านพรรคการเมืองอีก

จิตตนาถ -ไม่ใช่ผ่านพรรคการเมืองอีก

ปานเทพ - แอน คนมาต่อสู้ขนาดนี้เขาต้องการเปลี่ยนตอนนี้นะครับ ไม่อย่างนั้นเขาก็ก้าวไม่ข้ามเรื่องการไม่สนใจการยุยสภาฯ ไม่สนใจการลาออก ถ้าเมื่อก่อนสู้ เพื่อล้มขั้วอำนาจเนี่ยนะครับ เขาจะดีใจถ้ามีการลาออก หรือยุบสภาฯ ตอนนี้เขาก้าวข้ามเรื่องอื่น

จินดารัตน์ - ไม่เอาๆ

ปานเทพ - อันนี้เป็นเรื่องใหญ่มากนะครับ เป็นเรื่องใหญ่เพราะเป็นการก้าวข้ามการต่อสู้รายประเด็น การข้ามการต่อสู้ขั้วอำนาจ เป็นการก้าวเข้าไปสู่การเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเขาอยู่ในบริบทนี้แล้ว การอยู่ในบริบทนี้ แล้วการจะไปบอกให้เขาถอยหลังกลับไปในบริบทที่เขาก้าวข้ามมาแล้ว มันอาจไม่ใช่ คำตอบที่เขาต้องการตอนนี้ โดยเฉพาะการเดิมพันครั้งสุดท้ายของคุณสุเทพ ที่ประกาศว่า เดิมพันถ้าไม่สำเร็จก็ยุติ และมอบตัว กับเดิมพันอนาคตของประเทศ ไม่มีใครเขารอแล้วครับว่า จะรอการเลือกตั้งในวันหน้าเสียก่อน เขารอการเปลี่ยนแปลงเร็วที่ฉับพลันที่สุด
ที่จริงไม่ได้เป็นการปฏิรูปนะครับ การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันที่ก้าวกระโดเร็วขณะนี้เรียกว่า เป็นการปฏิวัติตามพจนานุกรรมนะครับ ปฏิวัตินี้คนละคำกับรัฐประหารนะครับ รัฐประหารคือการไปโค่นอำนาจรัฐ ปฏิวัติคือต้องการเปลี่ยนแปลงฉับพลันทันที ปฏิรูปมันยังค่อยๆ เปลี่ยนได้ แต่คนนี้คนก้าวสู่บริบทของการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันรวดเร็ว และเป็นกระแสสูงมากในเวลาตอนนี้

จินดารัตน์ - ปฏิวัติโดยประชาชน

จิตตนาถ - ฉะนั้นสิ่งที่ผมพยายามจะสู้มาตลอดแล้วก็เรียกร้องพรรคประชาธิปัตย์ให้ลาออกมาตลอด ไอ้เรื่องเพิ่มความชอบธรรม ไอ้เรื่องการที่ทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลเป็นประเด็นหนึ่ง แต่น้ำหนักไม่เท่ากับการอุดทางถอยของรัฐบาล เพราะว่าการที่เราสู้และเราชนะรัฐบาลแล้วเนี่ย มวลมหาประชาชนให้การยอมรับอำนาจ พรรคการเมืองให้การยอมรับ ทหารให้การยอมรับ แต่รัฐบาลยังมีทางถอยอยู่ก็เท่ากับว่าสิ่งที่สู้มาแทบจะสูญเปล่าเลย

เพราะฉะนั้นมิติที่สำคัญที่สุดเลยที่พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นคุณประโยชน์ต่อมวลมหาประชาชน และการต่อสู้ครั้งนี้คือ คุณต้องอุดทางถอยของรัฐบาล วันนี้คุณมาแล้วครึ่งทางผมปรบมือให้ ทุกคนปรบมือให้

จินดารัตน์ - ชื่นชมนะคะ

จิตตนาถ - แต่อีกครึ่งทาง ครึ่งทางหลังคือการอุดทางถอยของรัฐบาลโดยการประกาศไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงเลือกตั้ง จะเป็นปัจจัยสำคัญและชี้ขาดของกา รต่อสู้ภายในวันสองวันสามวันสี่วันนี้ด้วย เพราะจะเป็นปัจจัยที่ข้าราชการและทหารจะมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการเลือกตั้งแล้ว พรรคเพื่อไทยหรือว่านอมินีทักษิณกลับมาใหม่นี้ตังหาก

จินดารัตน์ - จากประเด็นของพรรคประชาธิปัตย์ เดี๋ยวเราจะไปประเด็นว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรกัน แบบไหนถึงเรียกว่าชนะ มวลมหาประชาชนเป็นผู้กำชัยชนะ และอะไรเป็นปัจจัยเหตุหลักใหญ่ๆ ที่เราจะมองเฝ้ามองดู แอนขออนุญาตนะคะมีจดหมายเปิดผนึกของประชาชนไทยในสหรัฐอเมริกาส่งมาถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรื่องการให้สละอำนาจบริหารประเทศ ขอนุญาตใช้เวลาอ่านให้พี่น้องพันธมิตรฯ ที่สหรัฐอเมริกานิดหนึ่งนะคะ

เนื่องจากการชุมนุมประท้วงของมวลมหาประชาชนชาวไทย ได้ขยายวงกว้างไปทั่วราชอาณาจักร และในหมู่ชาวไทยนานาประเทศทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ด้วยจุดประสงค์ร่วมในประการเดียวคือ เรียกร้องอำนาจอันเป็นของปวงชนชาวไทยคืนจากพรรคเพื่อไทยและตระกูลชินวัตร เนื่องจากการใช้อำนาจบริหาร และอำนาจนิติบัญญัติอย่างฉ้อฉลทุจริต เพื่อวงตระกูลและบริวาร เพื่อให้เกิดการปฏิรูปการเมืองทั้งระบบ เป็นที่ประจักษ์ว่าการได้มาซึ่งอำนาจจากการใช้นโยบายประชานิยมที่แฝงไว้ด้วยเจตนาทุจริต โดยปราศจากความละอาย และการสนับสนุนให้เกิดความรุนแรงเผาบ้านเผาเมืองตามยุทธศาสตร์แก้ 3 ประการที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร คณาญาติและพรรคเพื่อไทยได้ให้การสนับสนุนอย่างใกล้ชิด ได้ส่งผลให้เกิดรัฐอันธพาลผสานรัฐตำรวจภายใต้การควบคุมของ นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษเด็ดขาด ซึ่งเป็นบุคคลต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ได้กระทำการข่มขู่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชนผู้บริสุทธิ์เสนอมา จนดูเสมือนว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์คือ กองกำลังพิทักษ์รัฐบาลและตระกูลชินวัตรโดยปริยาย

ปวงชนชาวไทยตกอยู่ในสภาวะไร้สวัสดิภาพต้องจำทนต่อการบริหารประเทศด้วยนโยบายวิปริตผิดมาตรฐานสากล ดังเห็นได้จากการใช้เสียงข้างมากกำหนดนโยบายการเงิน และการคลังออกกฎหมายให้รัฐบาลกู้เงินได้มหาศาลโดยไม่มีการเสนอแผนงาน และไม่นับเงินกู้นั้นเป็นเงินงบประมาณ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ การป้องกันการทุจริตในการบริหารราชการ อีกทั้งการส่อการทุจริตอย่างมโหฬารในการรับจำนำข้าวจนกองทุนการเงินระหว่างประเทศตั้งข้อสังเกตด้วยความกังวล ไม่นับรวมถึงโครงการกระชากค่าครองชีพต่างๆ ที่ท่านเคยวาดไว้ในการหาเสียงเลือกตั้งที่ไม่สามารถเป็นจริงได้ ถ้ารัฐบาลพยายามพิสูจน์ให้เห็นว่า ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยประสบผลสำเร็จในการหลอกลวงประชาชน และก็พูดถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์เนี่ยนะคะได้ละเมิดสิทธิของปวงชนชาวไทยเรื่องของการใช้ศาลสถิตยุติธรรมเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้ามนะคะ การกระทำที่ถือเป็นการละเมิดการใช้พระราชอำนาจทางตุลาการ แล้วก็เรื่องของการแก้ไขกฎหมายที่เขาเรียกว่า ข่มขืนจิตใจประชาชนคนไทยหลายต่ออย่างที่พันธมิตรฯ และปวงชนชาวไทยที่ในสหรัฐอเมริกายกขึ้นมานั้นนะคะ

สุดท้ายแอนขออนุญาตข้ามตรงนี้ไปนะคะ ไปอ่านในข้อความท่อนสุดท้ายที่จดหมายฉบับนี้ส่งถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จดหมายบอกเอาไว้อย่างนี้ว่า จากสาเหตุโดยสังเขปข้างต้นเราชาวไทยในสหรัฐอเมริกาเห็นพ้องว่านอกจากรัฐบาลไม่มีเจตนาที่จะบริหารบ้านเมืองให้เกิดประโยชน์สุขต่อปวงชนชาวไทยตามเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญ และตามสัตย์ปฏิญาณที่ถวายไว้ต่อหน้าพระพักตร์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านและบริวารยังมีเจตนาแอบแฝงต้องการรวบอำนาจทำลายนิติรัฐไทยหวังเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศด้วยวิถีอันขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของวงศ์ตระกูล และบริวารสำคัญ พรรคเพื่อไทยจึงขาดความชอบธรรมโดยสิ้นเชิงในการปฏิบัติหน้าที่บริหารและนิติบัญญติต่อ เราชาวไทยในสหรัฐอเมริกาจึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและบริวารยกเลิกแผนปฏิบัติการชั่วร้ายในการต่อต้านมวลมหาประชาชน ยุติการกระทำใดๆ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของปวงชนชาวไทย ยุติการใช้กองกำลังเถื่อน ทั้งในและนอกเครื่องแบบ คุกคาม ข่มขู่ ปราบปรามประชาชนทั้งทางตรง และทางลับโดยทันที และขอยืนยันให้การสนับสนุนการเรียกร้องอำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติคืนสู่ประชาชนโดยทันที เพื่อเปิดโอกาสให้มีการปฏิรูปการเมือง โดยมวลมหาประชาชนชาวไทยให้ได้มา ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์อันทรงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยความรักในประชาชน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประชาชนคนไทยในสหรัฐอเมริกา วันที่ 8 ธันวาคม พุทธศักราช 2556 ค่ะ ผู้ประสานงานกลางคือคุณทัศน์พงษ์ จันทรปัญนิตย์ และคุณบรรจบ เจริญชลวานิช นี้คือจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี แอนว่า จะมีจำหมายแบบนี้อีกหลายประเทศที่คนไทยเขาบอกว่า ตอนนี้ทั่วโลกเขาลุกฮือขึ้นมาหมดแล้ว หลายประเทศชุมนุมกันที่หน้ากงสุลหน้าสถานทูตไทยมาตลอดคู่ขนานกับเวทีที่ประเทศไทย และวันพรุ่งนี้ก็จะมีคนอีกจำนวนมากที่รอขึ้นรถมาสมทบกันที่ราชดำเนิน ที่ คปท. ที่ กปท.อีกหลายต่อหลายที่ ถามว่ามันเกิดคำถามในใจว่าวันที่ 24 มาแล้วหนหนึ่ง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนมา 2 ล้านก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พรุ่งนี้คุณสุเทพจะต้องทำอะไรถึงจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นประชาชนได้รับชัยชนะ

ปานเทพ - ถามก่อนนะครับ ก่อนที่จะไปถามว่าทำยังไงให้รับชัยชนะผมเริ่มต้นจากว่าพรุ่งนี้เอเอสทีวีจะจัดหน้าขบวนที่หน้าบ้านเจ้าพระยาแล้วก็จะตั้งขบวนแล้วก็ประมาณแปดนาฬิกา เราจะเริ่มเคลื่อนหรืออาจช้าหน่อย แล้วแต่ตามสถานการณ์นะครับ ถ้าใครสนใจจะร่วมขบวนนี้เรียนเชิญ เพราะเป้าหมายเหมือนกันคือเราจะเป็นหนึ่งในขบวนของมวลมหาประชาชนในวันพรุ่งนี้ในวันประวัติศาสตร์ ย้ำคุณสนธิขอเรียนเชิญทุกคนมาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้นะครับ ประการที่ 2 ก็คือเรามีนัดกับอีกบุคคลหนึ่งระหว่างขบวนที่เราเดินไปนะครับ ที่จะเดินขึ้นบนรถของเราก็ทักทายกับพี่น้องเพื่อเป้าหมายในการเดินขบวนไปด้วยกันจากผู้นำอีกหนึ่งคน ก็คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ลุงจำลองนะครับ เราจะเดินไปเส้นทางคงไม่ปิดแล้วครับ ผมว่าะได้รู้กันเลยจากบริเวณหน้าบ้านเจ้าพระยา แปดนาฬิกาของวันพรุ่งนี้นะครับ เดินไปเรื่อยตามถนนพระอาทิตย์ผ่านบางลำพูผ่านวัดบวรฯ ถึงผ่านฟ้า พบลุงจำลอง ศรีเมือง จะรออยู่ที่นั้น คนสองคนที่มาเจอกันระหว่างคุณจำลองกับคุณสนธิมีความหมายมากนะครับ เพราะเป็นคนสองคนที่ได้รับแผลจากเหตุการณ์ทางการเมือง

โดยเฉพาะจากพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต แต่ยอมเข้าสู้กระบวนการครั้งนี้เพื่อเอาชาติเป็นตัวตั้ง ไม่ต้องพูดถึงนะครับ พล.ต.จำลอง โดยอะไรบ้าง โดยข้อหาคนออกไปตาย คุณสนธิบอกว่า โดยข้อหารับเงินทักษิณ โดยกระสุนโดยศีรษะ โดยคดีอีกมากมาย ทั้งหมดคนสองคนนี้ แม้ว่าจะเจ็บปวดกับพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต ยังต้องทิ้งไว้ความหลัง เอาชาติเป็นตัวตั้ง เมื่อบรรลุเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ถ้าคนสองคนยอมเสียสละเรื่องในอดีต เพื่อเดินไปข้างหน้าได้ พี่น้องประชาชนจะไม่เสียสละเข้าร่วมขบวนการครั้งนี้ได้อย่างไร ขนาดคนสองคนที่โดนกระทำมาขนาดนี้

เพราะฉะนั้นคนสองคนจึงเป็นสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะเดินไปจากตรงนั้น จากผ่านฟ้า เดินไปยังถนนนครสวรรค์ถึงนางเลิ้ง อาจจะตั้งเวทีซักพัก เพราะว่าขบวนเราจะยาว พักเลี้ยวซ้ายเข้าไปสู่สะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก สะพานชมัยมรุเชฐ แล้วก็ทำเนียบรัฐบาลในท้ายที่สุด ขอย้ำว่าทุกขั้นทุกตอนนั้นถือว่า เรามีส่วนร่วมในการเข้าสู่ขบวนการภาคประชาชนครั้งนี้ ที่สำคัญมีข่าวจากคนที่ประสงค์ดีนะครับ แจ้งให้ทราบว่า ต้องระวังขบวนการทำลายความชอบธรรมของผู้ชุมนุมในเหตุการณ์ครั้งนี้ เช่น การเผาบางอาคารในทำเนียบรัฐบาล และโยนความผิดให้กับผู้ชุมนุม

เพราะฉะนั้นการก้าวเดินจะต้องฟังผู้นำที่มีประสบการณ์ และมีความรัดกุมอย่างรอบคอบนะครับ อันนี้เป็นข่าวจากผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่งแจ้งให้ทราบมานะครับ เมื่อเราเข้าใจถึงแผนงานวันพรุ่งนี้แล้วนะครับ ผมอยากเชิญชวนทุกท่านมาให้มากที่สุด มาให้มาก

จินดารัตน์ - 8 โมงเช้านะคะ

ปานเทพ - มาให้มากที่สุดนะครับ เท่าที่จะมากได้ ไม่ว่าท่านจะไม่ชอบเวทีนี้ จะไปเวทีไหนไปให้มากที่สุด เป็นวันมวลมหาประชาชนที่ทุกคนตัดสินใจแล้วว่า ไม่ได้อยู่ที่คำถามว่า แพ้หรือชนะ มันอยู่คำถามที่เรียกว่า คลื่นมวลมหาประชาชนกว่าจะทำถึงขนาดนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจทำไม่ได้แล้ว เมื่อคุณสุเทพประกาศว่า พรุ่งนี้คือวันเริ่มต้นของช่วงสุดท้าย ก็จะเดินเข้าสู่การมอบตัวยุติบทบาท ชนะเป็นของประชาชน เป็นของทุกคน เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องว่า เราไม่เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย จะมีแพ้หรือชนะสำคัญคือ มันเป็นวันที่เราทุกคนต้องทำ ต้องทำมันให้ดีที่สุดในบทบาทของตัวเอง เข้าร่วมไปให้มากที่สุด เป็นเอกภาพช่วยกันสร้างพลังของมวลมหาประชาชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ให้เป็นประวัติการณ์ แล้วการนำให้เป็นเรื่องของคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ และ กปปส. หรือพรรคประชาธิปัตย์ก็สุดแท้แต่ ให้เขาเป็นคนตัดสินใจเพราะว่า เมื่อเรามาในฐานะผู้สร้างส่วนหนึ่งของมวลมหาประชาชน การนำโดยวิธีการใดก็เป็นเรื่องของพวกเขา ที่ไม่จำเป็นต้องบอกเราในเวลาตอนนี้นะครับ

เพราะฉะนั้นแล้วไม่ต้องมีความกังวลในประเด็นนี้เราไม่ใช่ผู้กังวล คนกังวลจะต้องเป็นผู้ที่วางแผน และตัดสินใจในเรื่องนี้ เมื่อเราเดินทางมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ต้องมีความสงสัยมันวันสุดท้ายของพวกเขา ที่เขาต้องตัดสินใจ เราต้องช่วยเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถามว่าทำอะไร แน่นอนครับ มีคนกังวลที่สุดคือ อารยะขัดขืน กลัวที่สุดก็คือ กลัวความหน้าด้าน และนิ่งเฉยของฝ่ายรัฐบาล ถามว่าทำได้จริงหรือเปล่า วันนี้ได้ข่าวว่า เดิมทีจะมีการประชุมคณะทูตานุทูตวันพรุ่งนี้เช้าใช่ไหมครับ

จินดารัตน์ - เชิญไปดูเป็นผู้สังเกตการณ์ในทำเนียบฯ

ปานเทพ - ตอนนี้เปลี่ยนแล้ว ย้ายไปอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ วันนี้ล่าสุดคุณยิ่งลักษณ์ โดยโฆษกรัฐบาลครับออกมาแถลงว่า คุณยิ่งลักษณ์ต้องถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มา ส.ว. และขอพระราชทานอภัยโทษ ผมกำลังจะบอกว่า เห็นไหมครับ แค่ก่อนเคลื่อนก็มีพลังแล้ว ทำไมจะเปลี่ยนแปลงยิ่งกว่านี้ไม่ได้ ถ้าเขาเพิกเฉยได้จริง เขาไม่แยแสเรื่องพวกนี้หรอกครับ นี่แสดงว่า หวั่นไหวแล้วข้อแรก

จิตตนาถ - ข้อ 2 ต่างชาติไม่เอาด้วย คือทูตไม่เอาด้วย รัฐบาลเชิญมาเขาก็ไม่ไปหรอก

ปานเทพ - ใครๆ ก็รู้ครับเชิญมาทำเนียบรัฐบาล เพื่อจับทูตเป็นตัวประกัน

จิตตนาถ - เท่ากับอะไร เท่ากับพวกคุณไม่ได้ให้เกียรติทูตเลย

ปานเทพ - ใช่ เป็นการหยามเขานะครับ เอาทูตมาเป็นเครื่องมือ มาเป็นด่านประจันหน้าให้ม็อบกลัว ให้ผู้ชุมนุมกลัว แล้วจะได้มีความเกรงใจ มันทุเรศนะครับ จริงๆ เขาไม่ทำกัน และผมเชื่อว่า ถ้าเชิญจริงไปที่นั่น ผมว่าหลายประเทศแม้ยื่นจดหมายตอบไป เขาก็ไม่ไปหรอกครับ มันเป็นเท่ากับว่า เผชิญหน้ากับมวลชนของอีกชาติหนึ่ง ที่เขากำลังต่อต้านรัฐบาลอยู่ ไปเป็นเหมือนกับ

จินดารัตน์ - ด่านหน้า

ปานเทพ - เป็นตำรวจ ผู้คุมฝูงชน เป็นการไม่ให้เกียรติต่อทูตานุทูตโดยเจตนา อันนี้เป็นความไม่เหมาะสมอย่างยิ่งนะครับ ทีนี้เมื่อมีคำถามว่า จะชนะได้อย่างไร ฟังจากคุณสุเทพเมื่อซักครู่ คุณสุเทพต้องการสิ่งหนึ่งพรุ่งนี้ ในการบรรลุเป้าหมายของพรุ่งนี้นะครับ คือการประกาศบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น การประกาศของคุณสุเทพที่พูดมาซักครู่ตอนหัวค่ำบอกว่า เป็นการประกาศอย่างเป็นทางการในการทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลสำเร็จแล้ว ถ้ามีคลื่นมวลมหาประชาชนมาครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แน่นอนครับการประกาศทวงคืนสำเร็จมันต้องมี 2 3 4 5 ตามมา แต่มันไม่ใช่หน้าที่เราที่ต้องเป็นคนตอบว่ามันคืออะไรนะครับ เขาคงมีแผนในการวางไปแล้ว ให้เขารับผิดชอบ ขอให้เชื่อมั่นในสิ่งที่เขาทำ อย่าเพิ่งตัดสินใจในเวลาที่เรายังไม่รู้ ค่อยตัดสินใจหลังจากที่เรารู้แล้ว ค่อยวิพากษ์วิจารณ์กันจะหมดสมกว่า แต่ว่าตอนนี้ทำหน้าที่เราให้ดีที่สุด ออกไปให้มากที่สุด คนเสียสละทุกคนตอนนี้ เสียสละหมดแล้วนะครับ เต็มไปด้วยผู้เสียสละ พล.ต.จำลอง คุณสนธิ ไม่เป็นผู้นำ ยอมเป็นประชาชนคนหนึ่ง เข้าร่วมกับขบวนการกับผู้นำที่เคยทำให้เขาเจ็บปวดที่สุดในอดีต คิดดูสิครับ ยอมเป็นผู้ตามกับคนที่เคยทำให้เราเจ็บปวดในอดีต

จิตตนาถ - เรามีสัจจะ

ปานเทพ - เพราะเรามีสัจจะ ครบเงื่อนไขทั้งหมด ประชาธิปัตย์ลาออก ประชาธิปัตย์นำการชุมนุมเราจะตาม แล้วก็ชูธงปฏิรูปการเมือง เรารักษาสัจจะ แม้ว่าเรื่องในอดีตเราจะบาดเจ็บ เจ็บปวดเท่าไหร่ก็ตาม เห็นไหมครับ นี่คือการเสียสละของคนสองคน และก็พันธมิตรฯ ในอดีตทั้งหมด ที่ร่วมชุมนุมกับคุณสนธิ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ทุกคนโดนมา สภาพเข้าใจคนสองคนนี้เป็นอย่างดี นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราต้องมานะครับ เพราะเขาเสียสละกันมาก คนสองคนเสียสละ แล้วเราจะไม่เสียสละมาร่วมครั้งนี้ได้อย่างไร
พี่น้องประชาชนที่เคยร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ก็เป็นผู้เสียสละในเหตุครั้งสำคัญที่ คุณสุเทพ ทำมาได้ถึงขนาดนี้ จะไม่เสียสละช่วยเขาได้อย่างไรเช่นเดียวกันสองแล้วนะครับ สามคุณสุเทพไม่ต้องพูดถึงกลายเป็นผู้เสียสละอย่างมาก ทรัพย์สินเงินทอง เสี่ยงคดีความ เสี่ยงชีวิต และก็หมดอนาคตทางการเมืองของตัวเอง ถามว่าไม่เสียสละหรือครับคนอย่างนี้ เสียสละ รวมถึงอีก 8 คนที่เป็นพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนหน้านี้ก็เสียสละ คปท.น้องนักศึกษาโดนคดีความ ยังไม่จบเลยนะครับ ก็เสียสละ กองทัพธรรมก็เสียสละ กปท.ก็เสียสละ แม้แต่ล่าสุด ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็เสียสละ พี่น้องประชาชนโดนแก๊สน้ำตาทุกคนก็เสียสละ ทำไมคนเสียสละเหล่านี้แล้ว พี่น้องประชาชนจะอยู่กับบ้านได้อย่างไร ในเมื่อทุกคนพร้อมจะเป็นผู้เสียสละมากน้อยต่างกันก็สุดแท้แต่ แต่ทุกคนตัดสินใจจะเข้าสู่ขบวนการนี้ แม้แต่คุณสนธิที่มีคดีความ ศาลสั่งถอนประกันเมื่อไหร่ก็ได้ ยังต้องขึ้นเวที ยังต้องนำประชาชนเข้าร่วมขบวนการครั้งนี้ ขนาดนี้แล้ว จะไม่ออกไปได้อย่างไรครับ

ผมคิดว่าทุกคน อยากจะเชิญชวนทุกท่านเข้ามาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกัน เชื่อผมเถอะครับไม่มีคำว่า แพ้ ชนะมากหรือน้อยเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ทุกวันนี้ผมเชื่อนะครับ การชุมนุมทุกครั้งไม่มีคำว่า แพ้ ที่เราเรียกว่าชัยชนะรายการ วันหนึ่งมีประชาชนตื่นทั้งประเทศ รัฐบาลเลิกคิด พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไปตลอดกาล ไม่ชนะหรือครับ

จินดารัตน์ - นี่ก็ยิ่งใหญ่แล้วนะคะ

ปานเทพ - นี่ก็สุดยอดแล้วนะครับ หรือรัฐบาลไม่กล้าอีกแล้ว จะฮือแก้รัฐธรรมนูญกระชับอำนาจตัวเอง ขนาดวันนี้บอกว่า จะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับยังต้องถอย สิ่งที่ทูลเกล้าต้องเอากลับคืนมา รวมไปถึงประชาชนตื่นรู้มากมาอย่างมหาศาล เสื้อแดงจำนวนที่เป็นกระแสก่อนหน้านี้ลดลงไปมาก เหลือแต่จัดตั้งนะครับตอนนี้ เหลือมวลชนเสื้อแดงที่เป็นปัญญาชน เชื่อตามอุดมคติตามแกนนำเสื้อแดงน้อยลงไปมากแล้วนะครับ ดูจากการชุมนุมครั้งหลังสุดเราจะมองเห็น นี่หรอครับไม่ชนะ ทุกวันมีชัยชนะแม้กระทั่ง การชุมนุมครั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 312 คน สมาชิกรัฐสภา ทำผิดรัฐธรรมนูญขัดหลักนิติธรรม ได้มาซึ่งอำนาจที่ไม่เป็นตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

ถามว่าเมื่อเวลานานไปใครเสียเปรียบครับ เราอาจจะบอกว่า เหนื่อย เบื่อ ไม่คืบหน้า แล้วพวกเขาล่ะครับ นับถอยหลังไปเรื่อยๆ วันไหนที่ ป.ป.ช.ชี้มูลก็หยุดทำหน้าที่ วันไหนศาลฎีกาตัดสิน คุกนะครับ คดีอาญานี่คือคุกนะครับ ไม่ใช่แค่พ้นสภาพไปเฉยๆ ผมกำลังจะพูดว่า ถ้าเราคำนึงอย่างนี้ให้ดี เราจะรู้คุณประโยชน์ของการชุมนุมว่า ตราบใดที่มีผู้ชุมนุมค้ำจุนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัย เพียงแค่นี้

จินดารัตน์ - เรานับถอยหลังได้เลย

ปานเทพ - เรานับถอยหลังอายุของฝั่งสมาชิกรัฐสภา 312 คนได้เลย เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่า ชัยชนะเป้าหมายยิ่งใหญ่สุดคือ การปฏิรูปประเทศ ซึ่งเราวันนี้ทุกคนมีกระแสหมดแล้ว ฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลไม่มีใครไม่พูดเรื่องการปฏิรูป เหลือเพียงแค่ คลื่นมหาชนค่อยๆ พักไปตามกระแสเหมือนกับที่้เกิดขึ้นวันนี้กับ คุณสุเทพ กับพรรคประชาธิปัตย์ กับคนอีกหลายๆ คนนะครับ มันเกิดขึ้นแน่ นี่คือพลังที่เราไม่ควรท้อแท้ ไม่ว่าจะชนะวันพรุ่งนี้ทันที หรือไม่ก็ตาม แต่คุณสุเทพบอกว่า อย่าคิดว่าวันพรุ่งนี้วันเดียวกลับบ้าน ไม่ใช่แฟลชม็อบ คือมาฉับพลันกลับบ้าน อาจจะมี 9 10 11 12 แต่เอาให้ชนะจนถึงที่สุด ชนะหรือแพ้อย่างไร ฟังแม่ทัพ ไม่มีหรอกครับ สงครามแม่ทัพ แม่ทัพจะต้องบอกทุกอย่าง

จินดารัตน์ - ว่าจะทำอะไรบ้าง

ปานเทพ - ว่าจะทำอะไรบ้าง เสียเวลา เพราะว่าทุกคนมีเยอะแยะ และถ้าบอกก่อนฝั่งนั้นก็จะรู้ทันที เพราะฉะนั้นถ้าเราเชื่อว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำ ต้องให้เกียรติ

จินดารัตน์ - ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

ปานเทพ - และให้เกียรติกับผู้นำในการตัดสินใจ วิธีนี้ดีที่สุดครับ

จิตตนาถ - ผมเปรียบอย่างนี้ให้เข้าใจง่ายๆ ดีกว่านะครับ ผมเปรียบว่า เหมือนคุณสุเทพเป็นคนจัดปาร์ตี้ขึ้นมาดีกว่า แล้วเรามาร่วมปาร์ตี้ ทุกคนมาร่วมกันปาร์ตี้ มหาวิทยาลัยมาร่วมกันปาร์ตี้ คณาจารย์ ทุกหมู่อาชีพมาร่วมกันปาร์ตี้ ปาร์ตี้นี้เป็นปาร์ตี้ที่จัดบนเครื่องบินลำใหญ่ เครื่องบินแอร์บัสเอ 380 คุณสุเทพเป็นกัปตัน เราขึ้นเครื่องบินลำเดียวกันแล้ว เราต้องเชื่อในกัปตัน

จินดารัตน์ - ต้องมั่นใจว่าเขาจะพาเราถึงจุดหมายได้

จิตตนาถ - กัปตันย่อมไม่ยอมที่จะพาเราไปตายหมู่อย่างแน่นอน เพราะเขาก็ตามด้วยถูกไหมครับ ฉะนั้นก็ไม่ต้องมีคำถามอะไรเยอะแยะใช่ไหมครับ มาถึงตรงนี้แล้วใช่ไหมครับ ไม่เป็นไรตามหมู่ก็เกิดใหม่ได้ ตาย 1 เกิด 10 ตาย 100 เกิด 1,000

ปานเทพ - แต่ไม่สูญเปล่าหรอกครับ

จิตตนาถ - ไม่สูญเปล่า

ปานเทพ - ที่ผ่านมาชั่วโมงนี้ก็ไม่มีอะไรสูญเปล่า ทุกอย่างมีความคืบหน้า มีคุณูปการต่อประเทศ มองในแง่บวกอยู่ทุกวันมีประโยชน์ทุกวัน

จิตตนาถ - แต่ก็มีจุดหนึ่งที่จะต้องตระหนักนิดหนึ่งถึง ว่าทำอย่างไรเราถึงจะไปสู่เป้าหมายได้ ก็ต้องฝากกัปตันนิดหนึ่ง พวกเราอยากถึงเป้าหมายปลายทางนะครับ กัปตันอาจจะบังคับดี แต่บางทีมันอาจจะมีอุปสรรครออยู่ใช่ไหมครับ ที่เมฆฝน

จินดารัตน์ - ต้องพาเราผ่านไปให้ได้นะ

จิตตนาถ - แล้วถือว่าการตั้งรับของรัฐบาล อาจารย์ปานฯ พูดไปแล้วข้อหนึ่งก็คือว่า มีข่าวมาว่าจะมีการสวมรอยเผาโน้นเผานี่ ถูกไหมครับ

จินดารัตน์ - สร้างสถานการณ์

จิตตนาถ - คือถ้าผมเป็นรัฐบาล ผมอาจจะมีวิธีการที่จะรับมืออยู่ 2 3 ประการ ประการแรกคือ ง่ายที่สุดเลย ผมจะรักษาสภาพของผมไว้ ผมอาจจะต้องดึงให้นานที่สุด อาจจะไปตั้งรัฐบาลเชียงมงเชียงใหม่กันไป อันนั้นเราก็ต้องเชื่อในแม่ทัพของเรา ถ้าแม่ทัพบอกว่า จะต้องอยู่กัน จะต้องอยู่กัน จะต้องแข่งความอึดกับรัฐบาล เพื่อที่จะทำให้มันเกิดความเป็นรัฐล้มเหลว อย่างแฟลชม็อบไม่ใช่นะ คุณต้องมาแล้วนะ คุณยืนหยัดนะ รัฐบาลไปตั้งรัฐบาลกันที่เชียงใหม่ คุณก็ต้องตามไปเชียงใหม่ ยกทัพไปเชียงใหม่เลยนะ เห็นไหมครับ อันนี้เป็นจุดหนึ่งที่จากประสบการณ์ที่พันธมิตรฯ เคยเจอมา นั้นคือการดึงของรัฐบาล จนกระทั่งมันเกิดเงื่อนไขบางอย่างขึ้นมาเช่น ศาลตัดสิน หรือ ป.ป.ช.ใช่ไหมครับ

อันนี้คือ จุดหนึ่งใช่ไหมครับ อันที่สองก็คือว่า ทางถอยโดยที่เขายังมีอำนาจกลับมาได้โดยง่ายดาย แล้วก็เร็วที่สุดก็คือ การยุบสภาฯ อย่าดูถูกหมากตานี้ของรัฐบาล เพราะถ้าเกิดว่า คลื่นมวลมหาประชาชนมา ทุกคนเซย์เยสหมด คนที่เราต้องการได้ยินคำว่าอยู่ข้างเรา ไม่ใช่อยู่ข้างตัวเอง หรือว่าประเทศชาติ เซย์เยสขึ้นมา แต่เกิดว่ามันมีอุบัติเหตุ เพราะคุณยิ่งลักษณ์ถอยตามกระบวนการ ตรงนี้ก็ต้องเตรียมใจเอาไว้ว่า จะทำอย่างไรต่อ หรืออาจจะมีวิธีการที่ 3 ที่เกิดขึ้นมาก็คือว่า ต้องทำให้คนที่บอกว่า อยู่ข้างประเทศไทยกลายมาเป็นคนกลาง ยังคงสภาพเป็นคนกลางอยู่ ทำอย่างไรให้เขากลายสภาพเป็นคนกลางแล้วเขาเป็นคนเข้ามาห้ามทัพ และไกล่เกลี่ย ก็คืออาจจะเกิดความรุนแรงบางอย่างขึ้นมา อาจจะทำให้มีมวลชนจากฝั่งโน้นฝั่งนี้ มาปะทะกัน มาตีกัน

ฉะนั้นมวลชนต้องมีสตินะครับ เขาตีมา เขาจัดมวลชนมา เขาจัดมือที่ 3 มือที่ 4 มาต้องมีสติ ต้องไม่ทำต่อ เพราะว่าม็อบนี้

จินดารัตน์ - อย่าตกเป็นเหยื่อเขา

จิตตนาถ - อย่าตกเป็นเหยื่อเขา เพราะว่าเขาต้องการให้

จินดารัตน์ - เกิดเหตุการณ์แบบนี้

จิตตนาถ - ใช่เพื่อที่ทหาร ผมอาจจะใช้คำว่า ทหารก็ได้ อาจจะแทนที่โดนมวลชนกดดันว่า คุณจะมาอยู่ข้างมวลชนได้หรือยังวันนี้ ทุกอย่างมันสิ้นสภาพไปแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็ประกาศลาออก บอกเลยว่ารัฐบาลหมดสภาพ สภาฯ หมดสภาพ มวลมหาประชาชนออกมาขนาดนี้ หมอ นิสิต นักศึกษา ออกกันมาขนาดนี้แล้ว ทหารจำเป็นอาจจะต้องบอกว่า โอเคถ้าอย่างนั้น ผมอยู่ข้างประชาชน อาจจะต้องให้จุดที่เขาต้องเลือก แต่ก่อนถึงจุดที่เขาต้องเลือก ผมเชื่อว่าในที่สุด กัปตันสุเทพ ต้องใช้คำว่ากัปตันสุเทพ อาจจะมีหมากนี้ที่ทำให้ทหารต้องเลือก มีแน่นอนเลยผมรับประกันนะครับ แต่ระวังก่อนที่ถึงจุดที่เขาต้องเลือก รัฐบาลจะใช้สร้างสถานการณ์ทำให้ จากคนที่จะต้องเลือกกลายเป็นคนไกล่เกลี่ย

จินดารัตน์ - อย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้

จิตตนาถ - ใช่ แล้วทำให้เที่ยวบินลงไม่ถึงเป้าหมายต้องบินวกกลับมานะครับ ก็แค่เตือนสติว่า ทำอย่างไรให้เที่ยวบินมันถึงเป้าหมายที่เราหวังไว้เท่านั้นเอง

จินดารัตน์ - ท่าทีทหารวันนี้เป็นอย่างไรคะ

ปานเทพ - ล่าสุดวันนี้ก็ยังบอกว่า ทหารยืนอยู่ตรงข้างอยู่ข้างประเทศไทย ผมคิดว่าที่ผ่านมาทหารเล่นบทบาทในฐานะคนกลางที่ต้องการมีอำนาจในการต่อรอง และผมคิดว่าไม่ว่าคุณสุเทพจะพูดอย่างไร แต่ปฏิกิริยาที่เราเห็น ไม่ว่าจะเป็นการเข้ากองบัญชาการกองทัพบก และถูกเรียกให้ออก เพราะว่าเกรงใจทหาร หรือเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล วันนี้ไปอีกแล้ว และต้องถอยออกเพราะว่าเกรงใจทหาร ทำให้เรารู้ว่า กองทัพไม่ต้องการให้รู้ว่า เขาอยู่ข้างใคร แต่การกำหนดแบบนี้เท่ากับการยกอำนาจต่อรองของฝ่ายทหารให้สูงกว่ามวลมหาประชาชน เป็นคนจำกัดบทบาทและการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชน แต่วันพรุ่งนี้ตรงกันข้ามนะครับ ถ้ามีคนมาเยอะ ซึ่งผมเชื่อว่า เยอะและจะเยอะมากนะครับ ต้องเป็นคนกำหนดท่าทีของกองทัพ แต่ผมคิดว่า ส่วนที่สำคัญถ้าคำประกาศวันพรุ่งนี้ของ กปปส. ไม่ใช่แค่การเรียกร้องทวงอำนาจคืนเฉยๆ จะต้องเรียกร้อง หลังจากเรียกร้องต้องรู้ว่า การโอนถ่ายอำนาจรัฐไปอยู่ในมือใคร หมายถึงถ้าอำนาจที่ กปปส.ก็ต้องมีการประกาศ เพื่อให้รู้ว่า อำนาจรัฐอยู่ที่นี่แล้ว ตรงนี้ยังไม่มีใครคิดว่า เพียงแต่พูดว่า อำนาจรัฐจะต้องรัฐบาลไม่มีแล้ว

จินดารัตน์ - คืนให้ประชาชน

ปานเทพ - ปัญหาคืออำนาจอยู่กับใคร และคนเป็นคนสั่งการหลังจากนี้ และทำให้เชื่อได้อย่างไร และใครจะเชื่อหลังจากนี้นะครับ ถ้ามีมวลมหาประชาชนเยอะมากพอ จะต้องไปกำหนดท่าที และในสังคมไทยที่เป็นสังคมอำนาจนิยม คุณสนธิใช้คำว่าอำนาจนิยม ปฏิเสธอำนาจทหารไม่ได้ และเมื่อทหารจะเกิดขึ้นได้ ต้องไม่ใช่เป็นผู้กำหนดบทบาทภาคประชาชน

จิตตนาถ - ต้องให้ประชาชนกำหนด

ปานเทพ -และถ้าประชาชนกำหนดสำเร็จในส่วนของท่าทีกองทัพ ฝ่ายพลเรือนตามแน่นอนนะครับ หรือตรงกันข้ามถ้าฝ่ายพลเรือนตามมากๆ ฝ่ายกองทัพก็ต้องตามในที่สุด มันเป็นกระแสสังคมนะครับ วันนี้เราเห็น อย่าลืมนะครับมหาวิทยาลัยที่หยุดไปหลายแห่งเยอะมากในเวลาตอนนี้ สถาบันการศึกษาเยอะมากที่หยุดวันพรุ่งนี้ และเป็นสถาบันการศึกษาของทั้งเอกชนและของรัฐด้วย ตรงของรัฐนี่แหละครับ มหาวิทยาลัยของรัฐ

จินดารัตน์ - เป็นชั้นนำของประเทศ

ปานเทพ - โรงเรียนของรัฐ มหาวิทยาลัยของรัฐล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้อำนาจรัฐบาล การที่หยุดตามคำสั่ง กปปส. ย่อมแสดงให้เห็นว่า เขาอารยะขัดขืนกับอำนาจรัฐปัจจุบัน และเชื่อฟังอำนาจรัฐที่เกิดขึ้นจาก กปปส.ไปโดยปริยาย ตรงนี้มีความหมาย และคนอย่างปัญญาชนที่มีมวลมหาวิทยาลัยก็มีคนเป็นหลายพัน นับหมื่นคนด้วยนะครับ มันมีมวลมหาประชาชนขนาดไหน

เพราะฉะนั้นแล้ว อย่าคิดว่ามันไม่มีโอกาสเกิดขึ้น มันมีโอกาสเกิดขึ้น มันขึ้นอยู่กับเราศรัทธา และความเชื่อมั่นในพลังของมวลมหาประชาชนอย่างที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ระบุมาว่า ขอให้เชื่อในสิ่งนี้มากกว่าอำนาจต่อรองของฝ่ายกองทัพ ถ้าทำอย่างนี้เราก็จะมีโอกาส แต่ว่าต้องไม่ใช่อยู่เฉยๆ แน่ จะต้องมีปฏิบัติการบางอย่างที่ทำให้สุดท้ายเป็นตัวกำหนดท่าทีของกองทัพเป็นรูปธรรม ทำอะไรตอนนี้

จินดารัตน์ - เราไม่มีใครรู้

ปานเทพ - เราก็ไม่ต้องพูดตอนนี้ เราอาจจะมีคิดในใจ แต่มันอาจจะไม่เหมือนแผนของคุณสุเทพก็ได้ แต่เชื่อว่าเขาคงต้องคิดว่า ทวงคืนมาแล้วเอาอำนาจนั้นไปอยู่กับใครจะเป็นผู้รองรับอำนาจนั้น แล้วใครเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐนั้นหลังจากนั้นจึงจะทำให้เกิดกระบวนการที่เรียกว่า การก่อให้เกิดอำนาจรัฐ รัฐบาลประชาชน หรือสภาประชาชน ในรูปแบบที่คุณสุเทพ กำหนดขึ้นโดยใช้มวลมหาประชาชนเป็นผู้กำหนด

จินดารัตน์ - งั้นพรุ่งนี้เราต้องออกมาเยอะๆ นะคะ

ปานเทพ - ต้องให้เยอะครับ

จินดารัตน์ - แล้วไม่ต้องมีคำถามอยู่ในใจว่า จะแพ้หรือชนะ ทำตามหน้าที่ของตัวเอง และมั่นใจในผู้นำของเรา ร้านเอเอสทีวีช็อปพรุ่งนี้จะขอเปิดเวลา 10.30- 17.00 น. เพราะพนักงานจะขอไปร่วมแสดงพลังด้วย ส่วนเสรีชนคนนนทบุรี เดินไปที่ทำเนียบ พบกันที่หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์นนท์ บริเวณตลาดนนท์ วันพรุ่งนี้ 08.00 น. และอีกที่หนึ่งคือ มวกเหล็กขึ้นรถหน้าร้านเฮงรุ่งเรือง 08.00 น.ติดต่อคุณไก่ ปากช่อง 088-147-1500 มีข่าวฝากมาจากคนใต้เขาบอกว่า ตอนนี้รถบัส รถตู้ รถทัวร์ คือทุกอย่างที่เป็นรถรับจ้างเขาบอกว่า หมดเกลี้ยงเลยภาคใต้กำลังเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่า เขาบอกว่าจะมีอุบัติเหตุบ้าง รถน้ำมันคว่ำบ้าง เอ๊ะมันเกิดบ่อย วันนี้เกิดหลายรายแล้ว เขาบอกว่า ถ้าเกิดแบบนี้แล้วมีตะปูเรือใบ ให้ไปถาม 3 คนนี้ค่ะ พ.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พ.ต.ท.วินัย ทองสอง พ.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว เขาบอกว่า 3 คนนี้รู้ดีนะคะ วันนี้ขอบคุณทั้งสองท่าน พรุ่งนี้พบกันหน้าเอเอสทีวี ถนนพระอาทิตย์ 08.00 น.เราจะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันไป เพื่อปฏิรูปประเทศไทยกับยามใหญ่ของเรา สวัสดีค่ะ ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ/ครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น