แกนนำ กปปส.เชื่อหลังวันพ่อ การเมืองเดือดหนักกว่าเดิม ลั่นยกระดับกดดันเพิ่ม รับ “สุเทพ” ประกาศเลิกเล่นการเมืองทำคนคิดกลางๆ เอาด้วย หยันรัฐไร้อำนาจปกครองแล้ว ระบุใช้ รธน.มาตรา 3 และ 7 เลี่ยงสงครามกลางเมือง ให้เปลี่ยนผ่านสันติวิธี จวกพวกอ้างทำไม่ได้แค่หาเหตุผลให้อยู่ในอำนาจต่อ เตือน “ยิ่งลักษณ์” เลิกยื้อ
วันนี้ (4 ธ.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ตนเห็นว่าสถานการณ์ขนะนี้จะเป็นช่วงพักรบของทั้งสองฝ่ายเพื่อจัดงานเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช หลังจากนั้นตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคมเป็นต้นไป การเมืองไทยจะเข้าสู่สภาวะตึงเครียดมากกว่าช่วงที่ผ่านมา เพราะรัฐบาลต้องการเล่นเกมยื้อ แต่ผู้ชุมนุมจะไม่เล่นตาม จึงจำเป็นต้องยกระดับการกดดันมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา หลังพักรบเสร็จสิ้นเชื่อว่ามวลชนจะกลับมาคึกคักมากกว่าเดิม เพราะการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ประกาศสู้ไม่ถอย สู้เพื่อเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทย และเลิกเล่นการเมืองนั้นยิ่งได้ใจมวลชนมากขึ้นกว่าเดิม ปราศจากข้อคลางแคลงสงสัยของประชาชน คนที่ยืนอยู่กลางๆ จะเข้าร่วมมากขึ้น
“ไม่ว่ารัฐบาลจะเล่นเกมยื้อเพื่อรักษาอำนาจให้นานที่สุดแค่ไหนก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าในขณะนี้รัฐบาลไร้อำนาจปกครองข้าราชการเริ่มผละงาน ทหารไม่เอาด้วย ในขณะที่ตำรวจก็เริ่มโลเล แผนปราบปรามและสลายมวลชนแม้อยากจะทำก็ทำไม่ได้เพราะทหารไม่สนับสนุน เนื่องจากประชาชนชุมนุมกันโดยปราศจากอาวุธต่างกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงในเหตุการณ์ปี 2553” นายสุริยะใสกล่าว
ส่วนข้อเสนอของ กปปส.ให้ใช้มาตรา 3 และมาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญเพื่อผ่าทางตันทางการเมืองนั้น นายสุริยะใสกล่าวว่า ถือเป็นข้อเสนอที่หลีกเลี่ยงความรุนแรงและสงครามกลางเมือง เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ยืนอยู่บนหลักสันติวิธี และนับหนึ่งการปฏิรูปประเทศที่ทุกคนได้ประโยชน์ไม่ใช่เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ข้ออ้างที่บอกว่าทำไม่ได้เพราะการเมืองยังไม่เข้าสู่ทางตันนั้น เป็นเพียงการหาเหตุเพื่ออยู่ต่อและรักษาความได้เปรียบทางการเมืองโดยไม่สนใจความชอบธรรมและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสังคมโดยรวม ทั้งนี้ตนอยากเตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าเกมยื้อมีแต่ความสูญเสียรออยู่ เพราะรัฐบาลที่หมดความชอบธรรมจะไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับจากอีกฝ่ายได้แม้มาจากการเลือกตั้งก็ตาม
