นักกฎหมายมหาชนเสนอทางออกวิกฤตต้องอาศัยพระบารมีเท่านั้น ขอพระราชทาน “รัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปประเทศ” พร้อมคณะมนตรีความมั่นคงฯ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เพื่อสร้างกลไกใหม่ก่อนขอประชามติประชาชน ยอมรับรัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่มีช่องให้ทำได้ ชำแหละตั้งแต่ปี 35 ถึงปัจจุบัน เราต่างหลอกตัวเองปกครองด้วยประชาธิปไตย แท้จริงเป็นเผด็จการนายทุนพรรคการเมือง
วันนี้ (29 พ.ย.) นายอมร จันทรสมบูรณ์ นักกฎหมายมหาชนผู้เสนอแนวคิดสภาร่างรัฐธรรมนูญและการเกิดรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “กฎหมายมหาชนกับทิศทางประเทศไทย” ให้กับนักศึกษาหลักสูตร “นักบริหารการยุติธรรมทางปกครองระดับสูง” (บยป.) รุ่นที่ 5 สำนักงานศาลปกครอง ตอนหนึ่งว่า การปฏิรูปประเทศของไทย สามารถเทียบเคียงได้กับประเทศญี่ปุ่น โดยเริ่มต้นในเวลาใกล้เคียงกัน ของไทยเริ่มในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือ ค.ศ. 1867 ของญี่ปุ่นเริ่มสมัยจักรพรรดิมัตสุฮิโต หรือเมื่อปี ค.ศ. 1868 ซึ่งญี่ปุ่นใช้เวลารวม 42 ปี ปฏิรูปการเมือง ระบบกฎหมายและประเทศได้สำเร็จหมด ขณะที่ของไทย จนถึงปัจุบันการปฏิรูปก็ยังไม่สิ้นสุด ช่วงแรกในรัชกาลที่ 5 ก็สามารถปฏิรูปได้เพียงการมี ป.วิอาญา ป.วิแพ่ง มีระบบศาล มีการตั้งกระทรวง ทบวง กรม
นายอมร กล่าวอีกว่า ถ้าพูดถึงกฎหมายมหาชนแล้ว ประเทศไทยไม่มีทิศทางกฎหมายมหาชน เป็นประเทศที่ไม่มีอนาคต ไม่รู้กฎหมายมหาชนคืออะไร ปริญญาเยอะแยะไปหมด แต่ไม่มีความรู้ ตำรามีมากมาย แต่ก็ล้าหลัง ที่สำคัญ การบังคับใช้ก็ไม่ได้เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย วิกฤตที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ ต้องพิจารณาเหตุการณ์ใน 2 ช่วงเวลา คือ ดูเหตุการณ์ปี 35-56 กับเหตุการณ์ในเดือน พ.ย.นี้ ปี 35 เกิดเหตุพฤษภาทมิฬ ใครก็คิดว่า เราเป็นประชาธิปไตย แต่ที่จริงตั้งแต่ปี 35 จนปัจจุบัน ประเทศไทยไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการพรรคการเมืองนายทุนในระบอบรัฐสภา และเป็นประเทศเดียวในโลก ที่เป็นเช่นนี้ เพราะมีการเขียนรัฐธรรมนูญ ใน 2 เรื่อง คือ 1.บังคับ ส.ส. ต้องสังกัดพรรค ทำให้ ส.ส.ไม่มีอิสระในการยกมือในสภา 2.ให้พรรคการเมืองไล่ออก ส.ส.ได้ และต่อมาก็มาเติม ข้อ 3.คือ นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง ทั้งหมดเราไม่ได้เป็นประชาธิปไตย ตามแบบประเทศเสรีประชาธิปไตยที่เขาเป็นกัน ตรงกันข้ามเราก็ไม่ได้เป็นสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ อย่างที่ประเทศระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์เป็น เพราะเขาจะไม่ให้นายทุนมาเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐ แต่เราเป็นแบบของเราประเทศหนึ่งเดียวในโลก ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองไทย จึงไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศอื่นในโลก คือนายทุนสามารถบังคับ ส.ส.ได้ เวลาจะโหวตเรื่องต่างๆ ในสภา ก็จะมีเงินใส่ซองมา ส่งผลให้เราเป็นเผด็จการนายทุนพรรคการเมืองสมบูรณ์แบบ
นายอมร กล่าวต่อว่า ดังนั้น การจะแก้ไขปัญหานี้ ไม่ใช่เพียงการปฏิรูปการเมืองที่เป็นการปฏิรูประบบสถาบันการเมือง แต่ต้องปฏิรูปประเทศก็คือ การปฏิรูปทั้งระบบกฎหมาย การบริหารงาน ซึ่งยากกว่าและจะต้องทำให้สมบูรณ์แบบ ไม่ใช่แค่บอกว่า แก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา หรือทั้งฉบับ เพราะปัญหาของประเทศไทยที่แท้จริง คือเป็นเผด็จการนายทุนพรรคการเมือง การจะแก้ปัญหาก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ ถ้าแก้แล้วยังมีระบบนี้อยู่ เพราะถ้าแก้ตรงนี้ไม่ได้ พระราชทานนายกฯใหม่ ยุบสภา ตั้งสภาประชาชน สิ่งนี้ก็จะยังคงอยู่จึงจำเป็นต้องเลิกระบบนี้ให้ได้ก่อน
“การจะนำประเทศกลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง จำเป็นต้องขอพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะต้องให้ได้คนดี และเป็นประชาธิปไตย และต้องมีการปฏิรูปกฎหมายที่เป็นพื้นฐานในการบริหารประเทศ และจะต้องให้ ส.ส.ที่เป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ตัดสินใจตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตนเอง ไม่ใช่ขึ้นกับซองเงินที่ได้รับ ซึ่งอาจต้องมีกลไกบางอย่างในการป้องกันการรับซอง โดยสาระของรัฐธรรมนูญที่ขอพระราชทาน และต้องมีซูเปอร์ออกัส ที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งต่างประเทศจะเรียกว่า statesman คือคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เพราะการร่างกฎหมายเหมือนกับการออกแบบเครื่องยนต์ที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่แค่คนขับรถ โดยต้องมาทำหน้าที่ร่างกฎหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งคนเหล่านี้ต้องมีความเสียสละ และบารมีที่จะทำให้ประชาชนเชื่อถือ ยอมรับ” นายอมร กล่าว
นายอมร ยังกล่าวอีกว่า ซูเปอร์ออกัสนี้จะดูแลการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยแต่ละเรื่องที่จะมีการบัญญัติลงนั้น จะต้องเกิดจากวิจัยศึกษา พอแล้วเสร็จก็จะต้องนำไปให้ประชาชนออกเสียงประชามติ นอกจากนี้ยังต้องทำหน้าที่การดูแลการปฏิรูประบบกฎหมายที่เป็นพื้นฐานในการบริหารประเทศ และเป็นคณะกรรมการที่ตรวจตราการทุจริตคอร์รัปชัน ส่วนใครจะเป็นผู้ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญนี้ เห็นว่าอาจจะเป็นเสนอโดยสภาผู้แทนราษฎร หรือการปฏิวัติซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร เป็นผู้เสนอก็ได้ ถ้าไม่มีใครเสนอ มวลมหาชนก็เสนอเอง
ภายหลังการบรรยาย นายอมร ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงแนวคิดขอพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปประเทศว่า การเสนอขอพระราชทานทำในรูปแบบไหนก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้ดำเนินการ เพราะรัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่มีบทบัญญัติที่เปิดช่องให้ทำได้ และรัฐบาลนี้ซึ่งมาจากโครงสร้างเผด็จการนายทุนผูกขาดเขาก็คงไม่ทำ เช่นเดียวกันคนเสื้อแดงที่อยู่ภายใต้อิทธิพลนายทุนเขาก็ไม่แก้แน่นอน เพราะเขาจะเสียประโยชน์ แต่ถ้ามีการดำเนินการแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะขอนายกฯพระราชทานมาด้วย เพราะในรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปประเทศที่ขอพระราชทานมา น่าจะให้มีนายกฯ และรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง แต่ก็จะต้องมีการกำหนดว่าให้มาทำหน้าที่เพียงการบริหารประเทศเท่านั้น แล้วให้ซูเปอร์ออกัส หรือเรียกว่า คณะมนตรีความมั่นคงเพื่อการปฏิรูปประเทศ มาทำหน้าที่ในการแก้กฎหมายพื้นฐานต่างๆ ของประเทศ และยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการดำเนินการ 1-2 ปี
“ผมเห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้เหมาะสมที่สุดใครจะเป็นคนขอพระราชทานก็ได้ทั้งนั้น เพราะถ้ามองว่าเป็นการขอพระราขทาน แต่ถ้าทำแล้วทำให้การบริหารประเทศเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เขาก็จะยอมรับ ซึ่งเรื่องนี้ต้องอาศัยพระบารมีจริงๆ เท่านั้น” นายอมร กล่าว