ทบ.แถลงอย่าดึงทหารร่วมฝ่าย อ้างเดือนมหามงคลหวั่นทำพระองค์ไม่สบายพระทัย

กองทัพบกร่อนแถลงการณ์ “ประยุทธ์” ยันยังเป็นกองทัพของในหลวงและประชาชน พร้อมช่วยเหลือหากมีการสูญเสีย ขอม็อบอยู่ใต้กฎหมาย อย่าดึงทหารเป็นฝ่ายใด แนะร่วมแสวงหาทางออกสันติ อย่านำสถาบันเป็นเงื่อนไขความขัดแย้ง เตือนเร่งปลุกมวลชนจะคุมความรุนแรงไม่ได้ อ้างเดือนมหามงคลทำพระองค์ไม่สบายพระทัย ย้ำจับตาอยู่ในบทบาทที่เหมาะสม อย่ามองเชิงลบ แนะผู้นำแต่ละฝ่ายร่วมหาทางออก โฆษก ทบ.พร้อมเพิ่มมาตรการป้องกันสำนักงาน สื่อเผยม็อบช่วยซ่อมประตู

วันนี้ (29 พ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เมื่อเวลา 16.30 น.พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก พร้อมด้วย พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบกร่วมกันแถลงข่าว โดยพ.อ.วินธัย ได้อ่านคำแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ภายหลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) บุกเข้ามาชุมนุมภายใน บก.ทบ.ว่า กองทัพบกขอแจ้งต่อสาธารณชนให้ทราบว่ากองทัพบกยังคงเป็นกองทัพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และประชาชนอยู่เสมอ โดยติดตามสถานการณ์และเตรียมการดูแลช่วยเหลือประชาชน หากมีการบาดเจ็บหรือสูญเสียจากสถานการณ์การชุมนุมที่อาจจะมีแนวโน้มกำลังก้าวไปสู่ความรุนแรงอยู่ในขณะนี้ กองทัพบกขอให้การชุมนุมของทุกฝ่ายเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยภายใต้กรอบกฎหมาย รวมทั้งอย่าได้พยายามแบ่งฝ่าย หรือดึงกองทัพต้องตกเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะกองทัพบกถือว่าประชาชนทุกคนเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นทั้งรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันแสวงหาทางออกอย่างสันติให้ได้โดยเร็ว

พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า สำหรับภารกิจงานป้องกันและเทิดทูนสถาบัน กองทัพบกพยายามอย่างเต็มที่ โดยใช้หลักนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ในการดำเนินการ จึงอยากให้ทุกฝ่ายไม่ควรนำสถาบันมาเป็นเงื่อนไขในความขัดแย้งทางการเมือง เพราะประชาชนทุกคนคือคนไทยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยกันทั้งสิ้น หากทุกฝ่ายเร่งปลุกระดมมวลชนให้เกิดอารมณ์ที่รุนแรงหรือไม่พอใจกันในวงกว้างต่อไปจะไม่สามารถควบคุมหยุดความรุนแรงได้ โดยเฉพาะช่วงนี้ใกล้ถึงช่วงเดือนแห่งความสุขของคนไทย วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม อาจทำให้พระองค์ทรงไม่สบายพระทัยได้ ที่คนไทยด้วยกันขาดความสามัคคีต้องมาต่อสู้กันเอง ทหารทุกคนจะอยู่ในบทบาทที่เหมาะสมและไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ ทุกคนมีความห่วงใยในสถานการณ์อย่างแท้จริง ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และพลเรือนยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายระเบียบข้อบังคับของทางราชการ อย่าได้มองและมีทัศนคติในเชิงลบต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำงานตามคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นขอให้ประชาชนผู้ชุมนุมได้เข้าใจ รวมทั้งขอให้มีความระมัดระวังในการใช้วาจาที่สุภาพเหมาะสมต่อเจ้าหน้าที่ในแต่ละโอกาสด้วย

“กองทัพบกคงยึดถือและปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงพระราชทานไว้เมื่อ พ.ค.ปี 2535 อยู่ตลอดเวลา ขอให้ประชาชนทุกคนได้ทำความเข้าใจ ลดความเกลียดชังซึ่งกันและกันทุกพวก ทุกฝ่าย ทุกสี ขอให้สนับสนุนให้ผู้นำของตนร่วมกันหาทางออกให้ได้โดยเร็ว รวมทั้งประชาชนจะต้องไม่ทำร้ายกันเอง สุดท้ายแล้วจะไม่มีใครชนะหรือแพ้ แต่ที่พ่ายแพ้คือประเทศชาติ” รองโฆษกกองทัพบก กล่าว

เมื่อถามว่า หลังจากนี้กองทัพบกจะมีมาตรการป้องกันรักษาความปลอดภัยอย่างไรต่อไป พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ปกติมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในกองทัพบกดีอยู่แล้ว โดยได้มีการวางมาตรการดูแลเป็นระดับ แต่ต้องยอมรับว่าช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้พื้นที่บริเวณหน้าบก.ทบ.ชุมนุม เพียงแต่ไม่ได้เข้ามาภายในพื้นที่ด้านใน ที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีท่าทีหรือแนวโน้มที่จะมีความรุนแรง หรือพยายามที่จะเข้ามาในพื้นที่ด้านใน แต่ถ้าสถานการณ์เปลี่ยน กองทัพบกก็มีมาตรการในการรองรับด้วยการเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยเป็นลำดับ แต่การวางมาตรการดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะบางครั้งการแสดงกำลังอาจจะส่งผลในเชิงทำนองยั่วยุได้ เพราฉะนั้นการดำเนินการใดๆ ก็ตามจะต้องคำนึงถึงความจำเป็นที่เหมาะสมจริงๆ ทั้งนี้หากสถานการณ์มีแนวโน้มที่เปลี่ยน เราก็จะต้องมีการเพิ่มระดับ โดยเฉพาะความเข้มงวดให้มากขึ้น เพราะโดยหลักกองทัพไม่ได้มองกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอริราชศัตรู หรือฝ่ายตรงข้าม แต่เขาคือพี่น้องคนไทย กลุ่มผู้ชุมนุมคือผู้ที่มีความคิดเห็นต่างทางการเมือง

มีรายงานว่าภายหลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินทางกลับในเวลา 14.30 น.นั้น ทางเจ้าหน้าที่ทหารประจำส่วนสนับสนุนกองบัญชาการกองทัพบก (สสน.) ได้ส่งกำลังทหารช่างประมาณ 10 นาย เข้ามาซ่อมประตูที่ได้รับเสียหาย โดยมีมวลชนบางส่วนที่สัญจรผ่านด้านหน้า บก.ทบ.เข้ามาช่วยทหารซ่อมประตู พร้อมให้คำแนะนำ เนื่องจากมีอาชีพเป็นช่าง ขณะเดียวกันพื้นที่ที่ผู้ชุมนุมเข้ามายึดนั้น ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) และเจ้าหน้าที่กองพันสุนัขทหาร นำสุนัขทหารเดินสำรวจวัตถุอันตรายในบริเวณดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ยังได้นำแท่งรั้วลวดหนามมาวางขวางบริเวณประตูทางเข้า-ออก เพื่อเสริมความปลอดภัยภายใน บก.ทบ.ด้วย