ฝ่ายความมั่นคง สุมหัวแจงสถานการณ์การชุมนุมโค่นระบอบทักษิณ “ยิ่งลักษณ์” - “ประชา” เผยนายกฯ กำชับไม่ให้ใช้ความรุนแรง เน้นพูดคุย ยอมรับส่งคนกลางประสาน “เทพเทือก” ขอเจรจาทุกรูปแบบที่ผู้ชุมนุมประสงค์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 29 พ.ย. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประเมินสถานการณ์พร้อมกับรายงานสถานการณ์การชุมนุมต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่วอร์รูม ห้องเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
จากนั้น พล.ต.อ.ประชาให้สัมภาษณ์ว่า นายกรัฐมนตรีให้นโยบายโดยขอให้ข้าราชการในทุกส่วนอดทนอดกลั้นปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ใช้อาวุธและความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม โดยเน้นประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจต่อผู้ชุมนุม หากมีการเผชิญหน้าขอให้คุยกัน อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ในปัจจุบันยอมรับว่าเป็นห่วง พยายามจะทำทุกวิถีทางที่จะพูดคุยกัน ขณะนี้ได้ส่งสัญญาณไปแล้วว่าต้องการพูดคุย แต่ขอสงวนชื่อคนกลางที่ทำหน้าที่ประสานกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ชุมนุม ซึ่งกำลังรอคำตอบอยู่ ขณะเดียวกัน ตนยังพยายามติดต่อโทรศัพท์ไปยังนายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา หนึ่งในแกนนำผู้ชุมนุม เพื่อพยายามจะติดต่อกับนายสุเทพ แต่ยังไม่รับสายตน ทั้งนี้ สำหรับรูปแบบการพูดคุยนั้น รัฐบาลยินดีทุกรูปแบบที่ฝ่ายผู้ชุมนุมประสงค์
“การที่แกนนำปฏิเสธที่จะพูดคุยนั้น ถามว่าไม่คุยแล้วจะรู้เรื่องได้อย่างไร จะไปให้ตั้งสภาประชาชนหรือศาลประชาชนอย่างนั้นหรือ รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้ ในเมื่อไม่มีแล้วเราจะเอาอย่างไร ถ้าอยากจะให้มีต้องแก้ไขกฎหมาย ก็ต้องคุยกันให้ถึงจุดนั้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีท่าทีอย่างไรกับเรื่องการพูดคุย เพราะการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงปี 53 ถือว่ามีอำนาจในการตัดสินใจ พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า อย่าไปเอ่ยถึงบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่สำหรับตนพูดในนามรัฐบาลอยากบอกนายสุเทพและผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ว่ารัฐบาลพร้อมที่จะพูดคุย
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้มีการหารือกับผู้บริหารสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ถึงกระทบหลังจากมีผู้ชุมนุมเข้าไปบุกยึดและปิดล้อมกระทรวงการคลัง โดยพบว่าการเข้าไปปิดล้อมดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทรวงอะไร ที่กระทบโดยตรงมีเพียงการที่เจ้าหน้าที่ในสำนักงบ และกระทรวงการคลังที่ไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้กระจายไปปฏิบัติงานยังสถานที่ราชการอื่นได้ตามปกติ
นายวราเทพกล่าวว่า การบุกรุกของผู้ชุมนุมครั้งนี้อาจได้รับอุปสรรคบ้างแต่ไม่มีผลต่อการบริหารราชการแผ่นดินแน่นอน โดยเฉพาะการจ่ายเงินเดือนให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ไม่กระทบแต่อย่างใด เพราะสามารถโอนผ่านบัญชีได้ และได้โอนไปก่อนหน้านี้แล้ว ในส่วนของระบบคอมพิวเตอร์ก็ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบ เพราะมีระบบสำรองไว้แล้ว แต่ในระยะยาวอาจจะกระทบต่อการทำงานของสำนักงบประมาณบ้าง โดยเฉพาะการจัดทำปฏิทินงบประมาณประจำปี 2558 ที่แต่ละหน่วยงานจะต้องส่งกรอบแผนการใช้งบประมาณ ภายในสิ้นเดือนนี้ ก็อาจจะต้องเลื่อนออกไป ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ดังนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการวางแผนงบลงทุน แต่ไม่มากนัก และเชื่อจะสามารถนำเสนอกรอบงบประมาณปี 2558 เข้าสู่ที่ประชุมสภา กลางเดือนพฤษภาคมนี้ได้
“ที่มีความเป็นห่วงและเป็นปัญหาขณะนี้คือทราบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมพยายามสกัดกั้นการทำงานของเจ้าหน้าที่ เมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่ไปทำงานกระทรวงใด ก็จะไปสกัด ผมจึงให้แนวทางกับผอ.สำนักงบในการรักษาความปลอดภัยจุดต่างๆ ที่คาดว่าม็อบจะไป ขณะนี้มีการกระจายเจ้าหน้าที่ไปทำงานหลายที่ ไม่ใช่ที่เดียว เพราะฉะนั้นม็อบจะไปปิดล้อม คิดว่าจะทำให้เสียเวลาการเคลื่อนขบวนมากกว่า และจะไม่มีผลใดๆ เพราะเจ้าหน้าที่สามารถทำงานในระบบอิเล็กทรอนิคได้ทุกที”
นายวราเทพกล่าวว่า ทางผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ได้แจ้งว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าทางผู้ชุมนุมเข้าไปใช้สถานที่ราชการ จนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากม็อบปิดล็อคสถานที่โดยใช้กุญแจล็อค จึงเป็นหลักฐานชัดเจนว่าการเข้าไปยึดสถานที่ราชการดังกล่าวเป็นความผิดสำเร็จแล้ว นายวราเทพยังกล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้มีแผนสำรองการจัดทำงบประมาณไว้แล้ว ซึ่งงบประมาณปีปัจจุบัน ยังไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น แต่อาจมีบ้างในอนาคตกับการทำงบประมาณปี 58 แต่ก็จะมีปัญหาแค่การเตรียมการเท่านั้น ในเรื่องของปฏิทินกรอบงบประมาณที่จะต้องให้เสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งอาจจะต้องเลื่อนออกไป 1-2 สัปดาห์ และจะมีการเสนอต่อสภาในปีหน้า
ด้าน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การชุมนุมที่ขยายวงกว้าง รวมทั้งการปิดกั้นกีดขวางการใช้เส้นทางคมนาคม และการใช้ยานพาหนะของประชาชนโดยทั่วไปนั้น เป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการเดินทาง และสร้างความเดือดร้อน กระทบการดำรงชีวิตปกติสุขของประชาชน
นอกจากนี้ การยกระดับความรุนแรง โดยการบุกรุก และยึดสถานที่ราชการนั้นสร้างกระทบต่อระบบการเงินและการคลังของประเทศกระทบมั่นคงของชาติ แม้ผู้ชุมนุมจะกล่าวอ้างว่าการบุกรุกดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อมิให้ส่วนราชการดังกล่าวจัดส่งเงินงบประมาณให้รัฐบาลใช้ในการบริหารประเทศ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ผู้ได้รับผลกระทบคือประชาชน เพราะการเบิกจ่ายงบประมาณไม่ได้นั้น จะทำให้โครงการต่างๆ หยุดชะงัก ประเทศเสียโอกาสในการพัฒนา รวมทั้งให้บริการประชาชนได้ไม่เต็มที่ด้วย
พล.ท.ภราดรกล่าวว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ ณ ขณะนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการทั้งในการป้องกัน แก้ไข ระงับและยับยั้งเพื่อบรรเทาเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงไปมากกว่านี้ โดยคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนด้วย
