ผ่าประเด็นร้อน
อย่างน้อยในเบื้องต้นเท่าที่เห็นอารมณ์ของมวลชนอันมากมายมหาศาล เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ก็ได้ยินเสียงตะโกน “ยิ่งลักษณ์...ออกไป” ได้ยิน “ทักษิณ...ออกไป” นั่นแสดงให้เห็นว่ามวลชนไม่ต้องการคนเหล่านี้ หรือคนในครอบครัวนี้อย่างชัดเจน
และหากจะให้โฟกัสลงไปให้ชัดเจนก็ต้องหมายถึง ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็น “ตัวการใหญ่” ถัดมาก็เป็นตัวแทนเป็น “หุ่นเชิดส่วนตัว” ก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ เป็นนายกรัฐมนตรีแต่ในนาม สำหรับใช้ตำแหน่งลงนามเพื่อประโยชน์เท่านั้น เพราะทุกเรื่องล้วนต้องฟังคำสั่งจากพี่ชายเท่านั้น จากนั้นก็เป็นคนในครอบครัวของทักษิณ ที่เป็นลูกเมีย ที่รู้จักหน้าตากันดีอยู่แล้ว
นี่ว่ากันเฉพาะตัวละครหลักๆ เท่านั้น ที่เหลือก็เป็นพวกบรรดา ขี้ข้า ที่อาสาเข้ามารับใช้ รองตีน เพื่อแลกกับลาภยศตำแหน่งแห่งที่ ซึ่งสังคมส่วนใหญ่รับรู้กันไปแล้วว่ามีใครกันบ้าง ซึ่งก็มีทั้งนักการเมืองและข้าราชการ ทั้งตำรวจ ทหารและพลเรือนมีพร้อมสรรพ เพราะในช่วงเวลากว่า 10 ปีที่ระบอบทักษิณ อยู่ในการเมืองของไทยก็ได้สร้างเครือข่ายโยงใยเอาไว้ในทุกส่วน
หากพิจารณาจากจำนวนของมวลชนที่หลั่งไหลมาร่วมชุมนุมจำนวนมหาศาลมากมายที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในประเทศไทย หากไม่ต้องการเถียงกันว่าจำนวนเท่าไหร่ แต่เอาเป็นว่าเมื่อคะเคจากพื้นที่และจากภาพถ่ายเปรียบเทียบเทียบกับในอดีต ไม่ว่าในยุคขับไล่ “เผด็จการถนอม-ประภาส-ณรงค์” เมื่อ 14 ตุลาคม 2516 ที่ถือว่ามากที่สุดแล้วเที่ยวนี้ต้องบอกว่ามากกว่า หรือถ้าเทียบกับม็อบคนเสื้อแดงเมื่อปี 53 รับรองว่าจำนวนไม่เท่านี้แน่นอน
นั่นแสดงให้เห็นว่า “พลังเกลียด” ระบอบทักษิณ พลังเกลียดทักษิณ และคนในครอบครัวเครือญาติ ได้พุ่งขึ้นจนทะลุพิกัดอย่างคาดไม่ถึง และแน่นอนว่าคนพวกนี้ย่อมนึกไม่ถึงว่าจะพวกเขาจะมีสภาพเป็นแบบนี้ เพราะเชื่อว่าตัวเองสามารถปิดกั้น “อำพราง” เอาไว้ได้หมดแล้ว ไม่ว่าจะมีสื่อหลักทั้งฟรีทีวี หนังสือพิมพ์ เป็นเครื่องมือ อำนาจรัฐ กลไกรัฐที่เป็นข้าราชการเอาไว้พร้อมสรรพ โดยที่หลงลืมไปว่าในโลกยุคใหม่ไม่อาจควบคุมปิดกั้นข้อมูลข่าวสารได้ทั้งหมด เพราะยังมี “โชเชียลเน็ตเวิร์ก” ที่ชาวบ้านสามารถใช้สื่อ และสร้างสื่อด้วยตัวเอง มีทั้งภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง แสงสีเสียงคมชัด สื่อสารนัดหมาย ประจานหลักฐานได้อย่างชัดเจนรวดเร็ว อีกทั้งยังมีโทรทัศน์ดาวเทียมหลายช่องที่พร้อมใจกันรายงานความเคลื่อนไหวให้ผู้ชุมนุม ไม่จำเป็นต้องง้อ “ฟรีทีวี” ไม่ว่าจะเป็น 3-5-7-9-11 ซึ่งสื่อพวกนี้แหละต่อไปหากยังหลับหูหลับตารับใช้ทรราช ก็มีแนวโน้มจะตกขบวนไร้ความหมายลงไปเรื่อยๆ
เพราะม็อบที่ออกมาในท่ามกลางการปิดกั้นบิดเบือนอย่างเข้มข้น แต่ยังหลั่งไหลออกมามากมายมหาศาลอย่างที่เห็น ก็ต้องบอกว่าเป็นมวลชน “ตื่นรู้” และไปไกลกว่าที่คาดหมายเอาไว้ เพราะคนที่ถูกปิดกั้นและถูกบิดเบือนจนรับข้อมูลผิดเพี้ยนกลับกลายเป็น ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ เพราะเมื่อตัวเองอยู่ข้างนอก ก็ย่อมรับฟังแต่คำป้อยอในเชิงบวกประเภทดีครับทั่น ใช่ครับนาย อะไรประมาณนี้ เหมือนกับการประเมินอารมณ์ความไม่พอใจมหาชนผิดพลาดมาตั้งแต่กรณีร่างพระราชบัญญัติสุดซอย ที่เริ่มก่อกระแสความไม่พอใจจนสังคม “ทนไม่ไหว” มาตั้งแต่ตอนนั้น และหลังจากนี้ไปความชั่วความเลวของคนในครอบครัวก็จะทยอยเปิดโปงสาธยายออกมา จริงมั่งไม่จริงมั่ง แต่เมื่ออารมณ์มวลชนมันได้แล้ว ทุกอย่างก็ต้องถือว่า “จริงหมด” ทุกคำพูดที่ออกมาล้วนมีแต่เสียงเฮเห็นด้วย
ด้วยอารมณ์ตื่นรู้ดังกล่าวของมวลชนทำให้แกนนำม็อบ อย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องสนองตอบอย่างเข้าใจดีว่าการ “ยุบสภา-ลาออก” ย่อมไม่ใช่คำตอบแล้ว นั่นคือ “เป้าหมายต้องไปไกล” กว่านั้น แม้จะยังไม่ได้ระบุกันแบบ โต้งๆ ชัดเจนออกมา แต่เท่าที่ฟังจากวันก่อนบนเวทีก็มีการแย้มให้ได้ยินเรื่อง “สร้างสังคมใหม่” กันมาแล้ว และเชื่อว่าความหมายก็คือการ “ปฏิรูป” ตามความต้องการของมวลชนที่เข้าร่วมในครั้งนี้ เพราะเชื่อว่ามวลชนคงต้องการ “ก้าวข้ามระบอบทักษิณ” อัน “แสนอัปรีย์” นี้ไปให้พ้นเสียที แต่ความหมายก็คือหากต้องการก้าวข้ามให้พ้นไปอย่าง “ถาวร” ก็มีทางเดียวเท่านั้นก็คือต้องปฏิรูปเกลี่ยนแปลงแบบรื้อกันใหม่ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมทั้งหมด มีทางนี้ทางเดียวเท่านั้นที่จะเป็นชนะของประชาชนอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน เมื่อหันมามองทางฝั่งระบอบทักษิณผ่านทางรัฐบาลหุ่นเชิด “ยิ่งลักษณ์” รับรองว่าไม่มีทาง “ยอมแพ้ง่ายๆ” เพราะนี่คือเดิมพันครั้งสุดท้ายก็ว่าได้ ถ้าแพ้เที่ยวนี้ก็ย่อมหมายถึงทุกอย่างที่มีจะสูญสลายหายวับไปกับตา
ดังนั้นเมื่อยังมีอำนาจรัฐ มีมวลชนที่ยังพอระดมมาใช้ได้ ก็ต้องทำเต็มที่เหมือนกัน แม้ว่าเมื่อเทียบกระแสกันแล้ว ทุกอย่างมันตรงกันข้าม ไม่ร้อนแรงเหมือนเก่า แต่ก็ไม่อาจประมาทขี้ข้าบางจำพวกที่พร้อมทำลายได้ทุกสิ่ง หากคิดว่านี่คือการป้องกันอำนาจให้นายทาส และเพื่อแลกกับความอยู่รอดของตัวเองด้วย แต่ถึงอย่างไรมันคงไม่อาจต้านทานพลังของมหาชนไปได้
เพราะยิ่งยื้อดันทุรังก็ยิ่งไม่มีแผ่นดินอยู่เร็วขึ้น!!