ประธานสภาฯ อ้างได้เวลาบรรจุญัตติซักฟอกแล้ว ย้ำฝ่ายค้านต้องส่งสำเนาถอด 25 พ.ย.ให้รู้ประเด็นและใช้คุมประชุมได้ ขู่ไม่ส่งก็ไม่ให้พูด โยนวิป 2 ฝ่ายคุยวัน ยันต้องไม่เกิน 28 พ.ย. ป้องนายกฯ โยนคนอื่นจ้อได้ เรียกฝ่ายกฏหมายรัฐสภาประชุมหลัง ป.ป.ช.รับเรื่องศาล รธน.วินิจฉัยแก้รัฐธรรมนูญที่มา ส.ว. โวอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ย้ำศาลไม่มีอำนาจรับคำร้อง ป้องข้าราชการปลอมเอกสาร รับมึนๆ ทำยังไงต่อ โวยวินิจฉัยไม่เป็นธรรมต้องฟังนักกฎหมายด้วย
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 14.40 น. นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า จากการประเมินสถานการณ์ของบ้านเมืองขณะนี้จึงเห็นสมควรบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ (21 พ.ย.) แต่ต้องขอความร่วมมือพรรคประชาธิปัตย์ว่าต้องส่งสำเนาถอดถอนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมาให้ด้วยภายในวันที่ 25 พ.ย. เพื่อให้ประธานการประชุมทราบประเด็นการอภิปรายและสามารถควบคุมการประชุมได้ แต่หากไม่ส่งให้นั้นก็ไม่สามารถอภิปรายได้ เพราะประธานฯ ไม่รู้ว่าผู้อภิปรายจะพูดประเด็นใด ส่วนวันอภิปรายให้วิป 2 ฝ่ายหารือกันว่าจะอภิปรายในใด แต่ก็ต้องก่อนวันที่ 28 พ.ย. ที่เป็นวันสุดท้ายของสมัยประชุมนี้ ทั้งนี้ยืนยันว่านายกฯ ต้องเข้าชี้แจงด้วยตัวเองอย่างแน่นอน แต่หากมีประเด็นใดที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีที่รับผิดชอบก็สามารถมอบหมายเป็นผู้ให้ข้อมูลได้
ประธานรัฐสภากล่าวถึงการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว.ขัดรัฐธรรมนูญ ว่าตนจะเรียกประชุมฝ่ายกฎหมายรัฐสภา หากมีการชี้แจงก็จะมอบให้ฝ่ายกฎหมายไปชี้แจง เรื่องนี้ไม่พร้อมก็ต้องพร้อม ไม่รู้จะกังวลทำไม อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ทั้งนี้ยืนยันว่าดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับ และยืนยันว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องไว้พิจารณา เพราะไม่มีกฎหมายใดรองรับเรื่องนี้ ส่วนจะมีการเอาผิดกับข้าราชการที่ปลอมแปลงเอกสารหรือไม่นั้น เรื่องนี้ไม่ใช่การปลอมแปลงเอกสาร แต่เป็นเรื่องที่ฝ่ายธุรการที่ปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำเช่น มาตรา 11/1 เปลี่ยนเป็นมาตรา 12 เนื้อหายังคงเดิม ไม่ได้เขียนถ้อยคำเพิ่ม แต่ปรับปรุงให้เหมาะสม ประเด็นนี้หารือกับฝ่ายกฎหมายรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่าจะมีการแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองอย่างไร นายสมศักดิ์ตอบว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยกำลังประชุมว่าจะดำเนินการอย่างไร พรรคเพื่อไทยก็ยืนยันว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้อง ตอนนี้ตนก็ยังรู้สึกมึนอยู่ว่าจะปฏิบัติอย่างไร และหากศาลรัฐธรรมนูญ อ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ก็อยากให้อ่านมาตรานี้ใหม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจหรือไม่ เพราะดูแล้วไม่มีอำนาจ ถามย้ำว่า ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าคำวินิจฉัยผูกพันทุกองค์กร แต่ฝ่ายนิติบัญญัติไม่ยอมรับ นายสมศักดิ์ ตอบว่า ถ้าเป็นคำวินิจฉัยที่ถูกต้องจะผูกพันทุกองค์กร แต่ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย เรื่องนี้ต้องฟังนักกฎหมายทั่วประเทศว่าเห็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากหากอ้างมาตรา 68 ก็ไม่เข้าข่ายอยู่แล้ว ทั้งนี้เหตุใดสื่อมวลชนไม่ถามศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจอะไร มาตราไหนพิจารณา ซึ่งต้องดูว่าศาลมีอำนาจจริงหรือไม่