“วราเทพ” อ้างประธานสภาฯ แค่ขอประเด็นข้อกล่าวหาในการยื่นญัตติซักฟอก ไม่ได้ขอรายละเอียดจนทำให้ข้อสอบรั่ว เรียกร้อง ปชป.อย่าตั้งแง่ รอพรุ่งนี้ประธานสภาฯ จะบรรจุการอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้าสภาฯ หรือไม่ แนะส่งสำเนาคำร้องถอดถอนในวันอภิปรายได้
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านว่า ขณะนี้ยังมีความเห็นไม่ตรงกันเพราะฝ่ายค้านยังอ้างว่าไม่จำเป็นต้องส่งสำเนาคำร้องถอดถอนที่เป็นรายละเอียดและอ้างว่าไม่ควรที่จะบอกล่วงหน้า ซึ่งตนขอยืนยันว่าการเปรียบเทียบและการอ้างของฝ่ายค้านนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะการกล่าวหาว่ามีการทุจริตหรือฝ่าฝืนกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดว่าเป็นเรื่องสำคัญ ต้องไปยื่นถอดถอนจะไปเปรียบเทียบกับข้อสอบไม่ได้ ถ้าจะเปรียบต้องไปเปรียบกับการกล่าวหาและไปฟ้องต่อศาล ซึ่งจะต้องระบุพฤติกรรมที่จะกล่าวหา ให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้ทราบเพื่อที่ผู้ถูกกล่าวหาได้แก้คำร้องได้
ทั้งนี้ ประธานสภาผู้แทนฯ ไม่ได้ร้องขอรายละเอียดที่เป็นเอกสารที่ฝ่ายค้านมีอยู่ทั้งหมด ไม่ได้ขอหลักฐานที่คิดว่าต้องปิดเป็นความลับ แต่เป็นเพียงประเด็นที่ฝ่ายค้านกล่าวหามีการส่อไปในทางทุจริตหรือฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเท่านั้น
นายวราเทพกล่าวว่า เรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนฯ ก็เคยเห็นมาแล้วในตอนที่เป็นรัฐบาล อย่างกรณีที่พรรคพลังประชาชนยื่นถอดถอนนายอภิสิทธิ์ แล้วไปอภิปราย ก็ได้ยื่นสำเนาคำร้องถอดถอนแนบญัตติไปด้วย ซึ่งสำเนาที่ได้ยื่นต่อประธานวุฒิสภา และส่งไปคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็จะระบุประเด็นที่จะอภิปราย ขอย้ำอีกครั้งว่าถ้าไม่ส่งให้ประธานสภาการประชุมจะเกิดความวุ่นวายและดำเนินการไปได้ยาก เนื่องจากประธานสภาและผู้ที่ถูกอภิปรายจะไม่ทราบว่าได้ยื่นถอดถอนไว้หรือไม่ ถ้าหากจะอภิปรายว่ามีการทุจริตหรือฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะคราวที่แล้วที่มีการอภิปรายฝ่ายค้านก็ยอมยื่นสำเนาคำร้องถอดถอนแนบมา แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมครั้งนี้ดึงดันไม่ยื่น และหากเป็นการดึงเกมของของฝ่ายค้านก็ขอให้ประธานสภาฯ พิจารณาว่าก่อนการอภิปรายต้องให้ฝ่ายค้านยื่นสำเนามาให้ประธานสภาฯ เพื่อดูว่าอภิปรายในประเด็นหรือไม่
“เรื่องนี้ไม่ได้เรียกว่าถอย แต่เป็นการพยายามทำให้สภาเป็นที่ยอมรับของประชาชนในการตรวจสอบ รัฐบาลเข้าใจดีว่าฝ่ายค้านใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำลายความเชื่อมั่นของประธานสภา รัฐบาล ซึ่งมีทางเดียวคือออกมาพูดให้ประชาชนได้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายค้านก็ได้เคยทำมาแล้วและเดินไม่ได้ในการอภิปราย หากไม่มีเอกสาร ย้ำอีกครั้งว่าไม่ใช่เอกสารที่ต้องปกปิด แต่เป็นเพียงประเด็นที่ไปยื่นว่ามีอะไรบ้าง และเชื่อมั่นว่าในวันพรุ่งนี้ (21 พ.ย.) ประธานสภาจะตัดสินในการรับหรือไม่รับญัตติอภิปรายไว้พิจารณา แต่ก็มีความเป็นห่วงว่าหากประธานสภาไม่รับบรรจุในวาระจะมีการนำไปอ้างในการชุมนุมต่อไป”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้วิเคราะห์หรือไม่ว่าเป็นเกมการเมือง เพราะฝ่ายค้านยื่นยันแล้วว่าจะไม่ยื่นและอ้างว่าทำถูกขั้นตอนแล้ว นายวราเทพกล่าวว่า เราให้เห็นผลไปทั้งหมดแล้ว หากเขาไม่รับฟังก็ต้องเรียกร้องให้พี่น้องประชาชน สื่อมวลชนใช้ดุลยพินิจระหว่างข้อเท็จจริง ที่ฝ่ายค้านอ้างถึง และที่รัฐบาลหรือประธานสภาพูดฝ่ายไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน ซึ่งเราพยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้องที่สุด แต่เผอิญว่ารัฐธรรมนูญไม่เขียนละเอียดว่าจะปฏิบัติอย่างไร แต่ต้องไปดูเจตนารมณ์ ต้องไปดูระเบียบข้อบังคับที่กำหนดซึ่งประธานสภาก็ใช้วิธีนี้ ซึ่งประธานสภาก็ใช้ดุลยพินิจว่าถ้าบรรจุก็จะเกิดปัญหาแบบปีที่แล้ว จึงเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ นำมายื่นให้สมบูรณ์ ซึ่งทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ตีความรัฐธรรมนูญ 2 แบบ ถ้าแบบที่ตนเองได้ประโยชน์ก็จะตีขยายความไปมา แต่หากเป็นแบบที่ตนไม่ได้ประโยชน์ก็จะตีความลักษณะที่แคบ
ส่วนที่บอกว่าให้ฝ่ายค้านยื่นสำเนาคำร้องในวันอภิปรายได้นั้น นายวราเทพกล่าวว่า ตรงนี้เป็นความเห็นส่วนตัว การใช้ดุลยพินิจบรรจุหรือไม่บรรจุอยู่ที่ประธานสภา แต่ที่เคยทำมาแล้วคืออย่างก็ต้องยื่นก่อนการอภิปราย ซึ่งประธานสภาคงจะดูคำชี้แจงของพรรคประชาธิปัตย์ก่อนว่าเมื่อมีหนังสือส่งไปว่าจะตอบมาอย่างไร ซึ่งตนอยากเห็นคำชี้แจงที่เป็นลายลักษณ์อักษรของพรรคประชาธิปัตย์ หรือคำชี้แจงของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ออกมาพูดเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากท่าน ตนอยากให้ทำสภาเป็นมาตรฐานเดียว ไม่อยากให้เป็นสองมาตรฐานที่เป็นฝ่ายค้านเป็นแบบหนึ่งเป็นฝ่ายรัฐบาลก็อีกแบบหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเตรียมความพร้อมการอภิปรายของรัฐบาล นายวราเทพกล่าวว่า รัฐบาลต้องเตรียมในทุกประเด็น ไม่ว่าจะอภิปรายหรือไม่อภิปรายรัฐบาลต้องคอยตอบ ไม่ใช่ตอบในสภาผู้แทนราษฎร์เท่านั้น ซึ่งประเด็นในการบริหารงานของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตามทุกหน่วยงานก็ต้องมีความพร้อมที่จะตอบได้ทุกเวลา
