เอเอฟพี – ทั่วทั้งเกาหลีใต้ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบในวันนี้ (7 พ.ย.) ที่เป็นวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยประจำปี โดยที่เที่ยวบินจำนวนมากต้องเปลี่ยนตารางเวลาใหม่ และมีการปิดเส้นทางจราจรในบางพื้นที่เพื่อเปิดทางให้นักเรียน 650,000 คนเดินทางไปเข้าร่วมการสอบ ที่จะกำหนดชะตาชีวิตในอนาคตของพวกเขา ในสังคมที่มีการแข่งขันสูงแห่งนี้
นับตั้งแต่เรียนแค่ชั้นประถม นักเรียนก็จะถูกเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการสอบที่สำคัญมากนี้ และดังนั้นจึงเป็นแรงกดดันที่ไม่เคยปรานีใคร โดยที่ถูกโทษว่าเป็นสาเหตุของทุกสิ่งทุกอย่าง นับตั้งแต่อาการเหนื่อยล้าในวัยเด็ก และอาการเศร้าซึมของวัยรุ่น ไปจนถึงการฆ่าตัวตาย
การประสบความสำเร็จในการสอบ ซึ่งหมายถึงการได้เข้าไปนั่งเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของเกาหลีใต้ ถูกมองว่าเป็นกุญแจไปสู่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงานในอนาคต และโอกาสในการแต่งงาน
เนื่องจากมีความคาดหวังมากมายแขวนอยู่กับผลลัพธ์ครั้งนี้ วันนี้ซึ่งจะมีการจัดสอบที่ศูนย์ต่างๆ ทั้งหมด 1,257 แห่งพร้อมกันทั่วประเทศ จึงทำให้เกาหลีใต้ทั้งชาติเปลี่ยนเข้าสู่บรรยากาศแห่งความเงียบงัน
กระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ ประกาศงดให้เครื่องบินลงจอดหรือนำเครื่องขึ้นเป็นเวลา 40 นาที ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่มีการสอบการฟังภาษา ในวิชาบังคับ
นอกจากนี้ กองทัพเกาหลีก็เปลี่ยนแปลงเวลาการฝึกของกองทัพอากาศตลอดจนการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริง ขณะเดียวกันก็มีการปิดการจราจรในรัศมี 200 เมตรของศูนย์สอบ
ทางด้านหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ และองค์การธุรกิจใหญ่ๆ ตลอดจนตลาดหุ้น ก็เปิดทำการช้ากว่าปกติ 1 ชั่วโมงในวันนี้ (7) เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด จะได้มั่นใจได้ว่าบรรดานักเรียนสามารถเดินทางไปสอบได้อย่างตรงเวลา
นักเรียนคนใดก็ตามที่ติดแหงกอยู่บนถนน สามารถโทรศัพท์ไปที่หมายเลขแจ้งเหตุฉุกเฉิน 112 เพื่อความช่วยเหลือจากรถยนต์และรถจักรยานยนต์ตำรวจ ซึ่งเตรียมพร้อมพาพวกเขาไปที่ศูนย์สอบ
ที่โรงเรียนมัธยมสตรีปังมุน ในกรุงโซล นักเรียนที่เป็นรุ่นน้องพากันถือป้ายอวยพรขอให้โชคดี และยืนเข้าแถวตะโกนให้กำลังใจพวกรุ่นพี่ที่กำลังจะเข้าห้องสอบ
สำหรับบรรดาพ่อแม่ที่กำลังเครียดไม่แพ้กัน และมองผลสอบของลูกๆ เป็นเหมือนคะแนนความสามารถ และความทุ่มเทของพ่อแม่ ตอนนี้ก็ดูจะทำอะไรไม่ได้แล้ว
วันสอบเอนทรานซ์ที่เวียนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ดูจะจุดประกายให้เกิดการโต้เถียงขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากอภิปรายกันมาทุกปี ในเรื่องที่ว่าเกาหลีใต้กำลังหมกมุ่นกับการศึกษาเกินไปหรือไม่ รวมถึงข้อดี และข้อเสียของระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเช่นนี้
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนจำนวนมากก็คือ การจัดการที่เป็นไปด้วยความยุติธรรม นักเรียนทุกคนจะต้องได้ข้อสอบชุดเดียวกัน ซึ่งตั้งคำถามแบบข้อสอบปรนัย เพื่อป้องกันการให้คะแนนแบบมีอคติลำเอียง
การป้องกันไม่ให้ข้อสอบรั่วไหลเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด โดยผู้ออกข้อสอบนับร้อยคนย้ายจะถูกเก็บตัวอยู่คนเดียวในสถานที่ที่เป็นความลับนานกว่า 1 เดือน พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ออกมาได้ก็ต่อเมื่อการสอบเริ่มต้นขึ้น
พวกเขาถูกสั่งให้แยกตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว และไม่ให้ใช้โทรศัพท์ติดต่อครอบครัว รวมทั้งให้ทิ้งของทุกอย่างไว้ในถังสำหรับทิ้งอาหาร ซึ่งจะถูกตรวจสอบด้วยความเข้มงวด
กระนั้นก็ตาม บรรดานักวิจารณ์กล่าวว่า หากข้อสอบของทุกคนเหมือนกัน ครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยจะได้เปรียบในเพราะมีเงินส่งลูกหลานไปเรียนพิเศษเพื่อเตรียมความพร้อม มากกว่าครอบครัวที่มีฐานะยากจน หรือปานกลาง
กระทรวงศึกษาธิการเกาหลีใต้เผยว่า เมื่อปีที่แล้ว พ่อแม่ชาวเกาหลีใต้จ่ายค่าเรียนพิเศษให้ลูกๆ ไปถึง 19 ล้านล้านวอน (ราว 560,710,317,734 บาท) ซึ่งคิดเป็นราว 1.5 เปอร์เซ็นต์ของค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
ในช่วงเวลาใกล้สอบ พวกนักเรียนจะใช้เวลานอนหลับโดยเฉลี่ยเพียง 5 ชั่วโมง และเนื่องจากนักเรียนพักผ่อนน้อย ร่างกายจึงอ่อนเพลีย กอปรกับความกังวลในจิตใจ จึงส่งผลให้เกิดอัตราการฆ่าตัวตายพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงการสอบเอนทรานซ์
นอกจากนี้ บรรดานักปฏิรูปด้านการศึกษาได้ออกมาแสดงความกังวลว่าระบบการสอบเช่นนี้ถูกต้องเหมาะสมแล้วหรือ และนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกมีคุณสมบัติสมควรแก่การเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจริงๆ หรือ โดยพวกเขาชี้ว่าข้อสอบไม่ได้ให้ความสำคัญต่อความคิดสร้างสรรค์ หรือทักษะในการวิเคราะห์ของนักเรียนเท่าที่ควร
บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ฉบับวันนี้ (7) ได้กล่าวถึงการสอบเอนทรานซ์ของเกาหลีใต้ว่า “โหดร้าย” และตั้งข้อสังเกตว่า ระบบนี้ตรงข้ามกับตอนเข้าไปเรียนจริงในมหาวิทยาลัย ที่นักศึกษาสามารถจบการศึกษาออกมาทั้งที่ผ่านการเรียนรู้เพียงน้อยนิด
“สิ่งที่ขัดแย้งกันก็คือ การทดสอบที่น่าเย้ยหยันพวกนี้ใช่ว่าจะนำไปสู่ชั้นเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่เรียกร้องสูงแต่ประการใด” บทบรรณาธิการระบุ
บทบรรณาธิการยังกระตุ้นเตือนด้วยว่า การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในเกาหลีใต้ “บ่อยครั้งไม่มีการคาดหมายให้นักศึกษาได้ฝึกทักษะการคิด การอ่าน และการเขียนอย่างเอาจริงเอาจัง ดังนั้นการล้มเลิกการสอบเอนทรานซ์ที่เข้มงวดไม่ยืดหยุ่นจึงเป็นเพียงก้าวแรก แต่สิ่งที่จำเป็นต้องถกเถียงกันต่อไปก็คือ คุณภาพของการศึกษาในทันทีที่นักเรียนสอบติดแล้ว”