xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.มัด “ปู” ปลุกแดงขู่ศาล ชี้ใส่ร้ายทำ ปชช.แค้น คาด “ตระกูลชิน” บินนอกเปิดช่องลุย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“องอาจ” จี้เคารพศาลอย่ากดดันว่ามีธงตัดสินแก้ที่มา ส.ว.ฉะ กุ๊ยแเดงสร้างเงื่อนไขอ้างไม่รับคำตัดสิน มีชุมนุมใหญ่ขู่ศาล ย้อนภาพนายกฯเรียกถกสาวกมัดรัฐบงการต้องรับผิดชอบ “มัลลิกา” บี้ นายกฯจำร่วมงานยุติรุนแรงอย่าทำร้าย ปชช.จี้จับมือสไนเปอร์ อัด “ปวีณา-ประชา-ตร.” มั่วนกหวีดรุนแรง-ผู้ชุมนุมติดยา-ทำร้าย ตร.ทำ ปชช.แค้น ชี้หน้าที่ดูความสงบไม่ใช่รุนแรงกลับ ข้องใจ “ตระกูลชิน” บินนอก มีใบสั่งรุนแรง ปชช.





วันนี้ (17 พ.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ซึ่งมีบางฝ่ายออกมาพูดในลักษณะว่าทราบคำวินิจฉัยล่วงหน้า ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ขอวิงวอนทุกฝ่ายให้เคารพการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ เปิดโอกาสให้ทำหน้าที่อย่างอิสระ โดยไม่ได้รับแรงกดดันจากฝ่ายใดทั้งสิ้น การพูดผลวินิจฉัยล่วงหน้าเป็นความพยายามชี้นำและกดดันการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น และยังมีคนเสื้อแดงที่เป็นมวลชนของรัฐบาลมีพฤติกรรมกดดันศาลรัฐธรรมนูญ โดยพยายามสร้างเงื่อนไขกดดันหลายประการคือ พยายามกดดันให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปตามที่กลุ่มของตัวเองต้องการ โดยแกนนำเสื้อแดงออกมาบอกว่า 1.ถ้าผลวินิจฉัยออกมาในทางลบจะมีมาตรการตอบโต้อย่างรุนแรง 2.ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่ตรงตามที่ตัวเองต้องการจะใช้เป็นข้ออ้างไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเชื่อว่าคนเหล่านี้ได้รับการส่งสัญญาณจากคนในรัฐบาลให้ทำแบบนี้ เพราะนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกแกนนำคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็นนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เข้าร่วมประชุมพรรคเพื่อไทยกับนายกฯแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนเสื้อแดงและรัฐบาลนั้นเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้นการกดดันศาลรัฐธรรมนูญของคนเสื้อแดง จึงเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในครั้งนี้ ถ้านายกฯไม่ห้ามปรามหรือไม่ส่งสัญญาณยุติพฤติกรรมดังกล่าว นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็คือผู้ที่มีส่วนสำคัญในการกดดันศาลรัฐธรรมนูญด้วย

นายองอาจ กล่าวด้วยว่า แกนนำคนเสื้อแดงยังเตรียมที่จะจัดการชุมนุมใหญ่วันที่ 19-20 พ.ย.56 ซึ่งตรงกับวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยประเด็นนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าแกนนำคนเสื้อแดงต้องการใช้มวลชนกดดันศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้คำวินิจฉัยตรงกับความต้องการของตัวเอง ดังนั้นจึงขอย้ำว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องยับยั้งพฤติกรรมของคนเหล่านี้ทั้งการกดดันด้วยวาจา และการกระทำ

น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเปิดงานยุติความรุนแรงว่า ขอส่งสัญญาณถึงนายกรัฐมนตรีว่าให้จดจำอีเวนต์เหล่านี้ รวมทั้งสัญลักษณ์ยุติความรุนแรงด้วยการตั้งสติไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชนอย่างแท้จริง และบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันทุกกลุ่ม ให้ใช้เป็นนโยบายต่อฝายความมั่นคง และ สตช.ในการดูแลสถานการณ์การชุมนุมที่มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น และขอให้่นายกฯใช้โอกาสก่อนเดินทางไปสิงคโปร์ในสัปดาห์หน้า ได้ประชุมฝ่ายความมั่นคงและมอบนโยบายให้เรียบร้อยก่อน เพราะขณะนี้ลิ่วล้อรัฐบาลกลายเป็นคู่ขัดแย้งและแสดงสถานะของตัวเองในการเพิ่มชนวนความขัดแย้งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ใส่ร้ายผู้ชุมนุมในเรื่องอาวุธอย่างไร้ความรับผิดชอบ จึงขอเรียกร้องให้มีการจับกุมผู้ขนอาวุธ หรือคนที่ถือสไนเปอร์ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตามภายในสองวันนี้ ถ้าไม่สามารถจับกุมใครได้ก็ทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการดูแลความสงบเรียบร้อย

ส่วนกรณีที่ นางปวีณา หงสกุล รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ออกมาระบุว่า นกหวีดคือสัญลักษณ์แห่งความรุนแรงนั้น นางสาวมัลลิกา กล่าวว่า เป็นการเพิ่มเงื่อนไขความไม่พอใจให้กับประชาชนมากขึ้น เพราะที่ผ่านมามีการชุมนุมที่ทำลายประเทศชัดเจน แต่ไม่เคยมีการพูดถึงแต่ในกรณีการเป่านกหวีดนั้นเป็นเรื่องของอารยะขัดขืนที่สากลทั่วโลกยอมรับ นอกจากนี้กรณีที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า เป็นการชุมนุมของคนติดยา นั้น ก็ยิ่งสร้างความคับแค้นต่อประชาชนเพิ่มขึ้น รวมถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอ้างเว็บไซต์ของสื่อมวลชนว่า “ม็อบทำร้ายตำรวจ” กลายเป็นว่าตำรวจได้กระทำการให้ตัวเองเป็นคู่ขัดแย้งกลายเป็นชนวนความขัดแย้งเพิ่มขึ้น จึงขอเสนอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ในการประชุมฝ่ายความมั่นคงควรให้นโยบายให้วางบทบาทสถานะของตัวเองให้อยู่ในสถานะของรัฐบาลที่จะดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่ใช้ความรุนแรงทั้งกาย วาจา และนโยบาย โดยมีเอกสารออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร นอกจากนี้ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการตำรวจแห่งชาติให้ออกคำสั่งไปยังตำรวจทั่วประเทศให้วางสถานะเป็นกลางไม่ใช่เป็นผู้เพิ่มความขัดแย้ง รวมทั้งในกรณีที่เจ้าหน้าที่ต้องเข้าพื้นที่ชุมนุมสิ่งที่ควรทำคือต้องมีคำสั่งด้วยลายลักษณ์อักษร พกบัตรแสดงตนให้รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ในลักษณะเดียวกับสื่อมวลชน เพื่อขจัดปัญหาต่อกรณีที่เจ้าหน้าที่พกอาวุธปืนเข้าที่ชุมนุมแต่ไม่แสดงตัว และยังมีเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ดื่มเหล้าเข้าไปในที่ชุมนุม ทำให้การ์ดต้องเข้าไปควบคุมดูแล เมื่อไม่มีการแสดงตัวตั้งแต่แรกจึงอาจเกิดความเข้าใจผิดได้

น.ส.มัลลิกา ยังตั้งคำถามถึงกรณีที่ครอบครัวชินวัตร รวมทั้งตัวนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางออกนอกประเทศในช่วงเวลานี้ว่า เป็นเพราะมีใบสั่งให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชนหรือไม่ จึงไม่อยู่ในประเทศ ขอให้นายกรัฐมนตรีพูดให้ชัดเจน เนื่องจากสังคมมีความเคลือบแคลงใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีข่าวกรองว่าขณะนี้มีคนที่ไม่มีตำแหน่งในการบริหารราชการแผ่นดินที่อยู่นอกประเทศ ประสานงานโดยตรงกับตำรวจใหญ่บางคนพยายามที่จะหาเหตุให้กลุ่มผู้ชุมนุม 3 กลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลหมดความชอบธรรม จึงมีข่าวการปะทะกันออกสื่อบ่อยครั้ง และมีการยั่วยุนักเรียนอาชีวะและการ์ดของผู้ชุมนุมด้วยการยั่วยุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีการออกข่าวด้วยข้อมูลจากฝั่งตำรวจทั้งหมด แต่ไม่มีข้อมูลจากฝ่ายผู้ชุมนุม ตนจึงขอฝากว่ากรณีการทำงานนอกระบบราชการ หรือคำสั่งนอกระบบแบบนี้ จะทำให้บ้านเมืองเสียหาย ไม่เกิดความยุติธรรม และกลายเป็นชนวนสำคัญที่จะทำให้เกิดปัญหา จึงขอให้ ผบ.ตร.จัดการเรื่องนี้ให้อยู่ในระบบ ขจัดคนที่รับงานนอกระบบ แต่อาศัยเครื่องแบบในการทำงานออกไป เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อบ้านเมือง





กำลังโหลดความคิดเห็น